ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 177 ไม่มีปัญหาเรื่องสินเดิม
ตอนที่ 177 ไม่มีปัญหาเรื่องสินเดิม
อวิ๋นลี่ลี่หยิบการบ้านของของลูกศิษย์ขึ้นมาให้จี้อวิ๋นอวิ๋นช่วยตรวจ แน่นอนว่าแค่การบ้านเด็กประถมหล่อนทำได้อยู่แล้ว
เพราะทั้งสองสนิทสนมกันดี อวิ๋นลี่ลี่จึงถามขึ้น “อวิ๋นอวิ๋น เธอเที่ยวดูถูกคนอื่นแบบนี้ ไม่คิดจะเป็นมิตรกับใครบ้างเลยเหรอ?”
สำหรับเรื่องที่แม่สามีคุยกับหล่อนนั้น จี้เจี้ยนเหวินย่อมไม่อยากเข้าไปยุ่ง
“ทำไมต้องอยากด้วยล่ะคะ? ฉันคิดว่าพี่สะใภ้สี่กับพี่สี่มีอนาคตที่สุดแล้วค่ะ” หล่อนบอก
อวิ๋นลี่ลี่ยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น “เธอคิดอย่างนั้นเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของจี้อวิ๋นอวิ๋นสะกิดใจหล่อนไม่น้อย
“ก็เห็นกันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ? ดูอย่างพี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองสิ ขี้เหนียวอย่างกับอะไรดี เรื่องเล็กน้อยก็โวยวายซะใหญ่โต ก่อนหน้านี้ที่พี่สะใภ้สี่ยังไม่ได้ซื้อบ้าน มีครั้งไหนบ้างคะที่พี่กลับบ้านไปมือเปล่า? พอซื้อบ้านแล้วก็ยังต้องผ่อนอีกตั้งเยอะ พี่สองคนเลยกินข้าวฟรีในโรงอาหารและไม่ได้ใช้เงินเลยสักแดงเดียว ซึ่งนั่นก็ดีอยู่นะคะ ถึงแม้จะทำให้พวกพี่ขายหน้าก็เถอะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ยอย่างใส่อารมณ์
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อวิ๋นลี่ลี่ที่กำลังอารมณ์ดีอยู่ก็หน้าเจื่อนลง
ถูกของจี้อวิ๋นอวิ๋น ทั้งหล่อนกับสามีต่างทำงานหนักกันเพราะต้องหาเงินจ่ายค่าบ้านคืน จะใช้จ่ายอะไรก็ต้องคิดให้ดีถึงจะเก็บเงินได้มาก ผิดกับพี่สะใภ้อีกสองคน
เพราะรู้ว่าต้องเก็บเงินไว้ถึงได้ต้องใช้จ่ายอย่างระวัง มันแปลกนักหรืออย่างไรกัน?
จี้อวิ๋นอวิ๋นยังคงไม่หยุดปาก “ภรรยาพี่สามก็เหมือนกัน แต่ก่อนใส่ใจและขยันดีอยู่หรอก ตอนนี้กลับเจ้าเล่ห์อย่างกับจิ้งจอก พี่สะใภ้สี่ยังไม่เห็น ทั้งที่รู้กันอยู่ว่างานที่สวนยุ่งแค่ไหน แต่ก็มีแค่หล่อนที่ไม่มาช่วยงานเลย วัน ๆ เอาแต่เลี้ยงลูก แต่พี่สามก็ยังรักยังหลงยอมเป็นทาสหล่อนอยู่ได้ แทบจะยกขึ้นหิ้งบูชาเลยทีเดียว!”
อวิ๋นลี่ลี่นั้นไม่ได้มีปัญหากับซูตานหงเหมือนอย่างที่เป็นกับเฝิงฟางฟางและจี้มู่ตาน ด้วยคราวก่อนอีกฝ่ายเป็นคนออกหน้าสะสางปัญหาให้
อีกทั้งลูกสาวหล่อนก็ถูกเลี้ยงที่นั่น เมื่อสองวันก่อนแม่สามียังโทรมาเล่าอยู่ไม่น้อย บอกว่าตานหงเป็นคนซื้อสมุดภาพมาให้อีกหลายเล่ม เพราะเจ้าตัวน้อยเบื่อหนังสือภาพเล่มเก่าแล้ว
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ตอนที่จี้เจี้ยนอวิ๋นเข้ามาขายผลไม้ที่นี่ ซูตานหงได้เคยบอกไว้เมื่อปีที่แล้วว่าจะชวนหล่อนกลับไป ซึ่งคราวนี้เธอก็มาชวนกลับไปจริง ๆ อีกทั้งยังแบ่งเงินเล็กน้อยมาช่วยครอบครัวหล่อนอีกด้วย
ดังนั้นหากอวิ๋นลี่ลี่ยังคิดร้ายกับซูตานหงได้อยู่ก็นับว่าเกินคนแล้ว
“เธอก็ลองมีลูกเองดูบ้างสิ จะได้รู้ว่าเลี้ยงลูกสองคนไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย” อวิ๋นลี่ลี่บอก
“หนูว่าเหรินเหรินกับฉีฉีก็เชื่อฟังดีนะคะ ไม่ดื้อสักนิด เป็นหล่อนเองนั่นแหละที่ขี้เกียจ!” อีกฝ่ายว่าขึ้น
“แต่เห็นเธอกลับมาคราวนี้ก็อ้วนท้วนสมบูรณ์ดีนี่ ที่บ้านคงเลี้ยงดีใช่ไหมล่ะ?” อวิ๋นลี่ลี่ท้วงกลับ
“พี่จะไปเข้าข้างหล่อนทำไมคะ? ไม่รู้เหรอคะว่าเยียนเอ๋อร์ติดนิสัยแย่ ๆ มาจากหล่อนขนาดไหน ครั้งก่อนเห็นฉันกินผลไม้ก็ฟ้องว่าฉันเอาแต่กินไม่ยอมทำงาน แถมบอกว่าจะหักเงินค่าแรงฉันด้วย” จี้อวิ๋นอวิ๋นเล่า
อวิ๋นลี่ลี่เกือบหลุดขำออกมา “เยียนเอ๋อร์บอกอย่างนั้นเหรอ?”
ลูกสาวหล่อนอยู่ที่นั่นคงเติบโตมาอย่างดีจนคอยดูแลเรื่องต่าง ๆ ได้แล้ว
“ซูตานหงต้องสอนเธอมาแน่เลยค่ะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ
แม้จะไม่ได้อยากท้วงติง แต่เมื่อเห็นน้องสามีเป็นอย่างนี้ก็อดปล่อยผ่านไปไม่ได้ “พี่ไม่อยากพูดถึงพี่สะใภ้เธอสองคนแรกหรอกนะ แต่กับซูตานหงพี่เองก็ยังติดหนี้บุญคุณหล่อนอยู่ ดังนั้นก็อย่าไปเจ้าคิดเจ้าแค้นกับสะใภ้สามนักเลย”
“หนี้บุญคุณอะไรกันคะ? อย่าคิดว่าเพราะหล่อนช่วยเลี้ยงเยียนเอ๋อร์ให้นะคะ หล่อนอยากมีลูกสาวของตัวเองมากกว่า อีกอย่างเยียนเอ๋อร์อยู่ที่นั่นก็ทำงานบนภูเขาเหมือนกันนะคะ!” อวิ๋นอวิ๋นเถียงกลับ
ฝ่ายอวิ๋นลี่ลี่คิดว่าลูกสาวหล่อนคงทำอะไรไม่ได้มากอยู่แล้ว ดีเสียอีกที่ให้เด็ก ๆ ได้ออกไปวิ่งเล่นบ้าง หล่อนจึงไม่ได้คิดมากเรื่องนี้และบอกอีกฝ่าย “ไม่ใช่เรื่องของเยียนเอ๋อร์หรอก เธอเองก็รู้เรื่องที่พี่แอบยืมเงินพ่อกับแม่มาซื้อบ้านหลังนี้ พอพวกพี่สะใภ้ใหญ่พี่สะใภ้รองรู้เข้าก็ทำให้พี่ใหญ่กับพี่รองลำบากใจกันอีก เท่าที่พี่รู้มาน่ะนะ”
“ก็แค่ยืมไม่ใช่เหรอคะ? ใช่ว่าจะไม่ใช้คืนสักหน่อยค่ะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก
อันที่จริงอวิ๋นลี่ลี่ไม่คิดจะคืนหากเรื่องไม่ลุกลามใหญ่โต แต่ตอนนี้คงทำเช่นนั้นไม่ได้แล้ว “ตอนนั้นเรื่องมันรุนแรงมาก ก็มีพี่สะใภ้สามนี่แหละที่ยอมเอาเงินมาช่วยจบปัญหาให้ ถึงตอนนี้สวนของหล่อนจะดำเนินไปด้วยดี พี่ก็ไม่ได้อิจฉาหล่อนหรอกนะ เพราะพี่ยังไม่ลืมบุญคุณตอนนั้นที่หล่อนช่วยเอาไว้”
แน่นอนว่าที่หล่อนไม่อิจฉาก็เพราะว่าบ้านของหล่อนมีมูลค่ามากกว่านั้น หลังจากซื้อแล้วราคาก็เพิ่มขึ้นถึง 3,000 หยวน ถ้าคิดจะขายก็ทำได้ไม่ยาก
การทำกำไรมากกว่า 1,000 หยวนไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หล่อนจึงพึงพอใจไม่น้อย
หล่อนยังจำได้ว่าตอนนั้นซูตานหงควักเงิน 400 หยวนมาให้ครอบครัวพี่ใหญ่กับพี่รอง ก่อนที่หล่อนกับสามีจะจ่ายคืนสมทบอีก 300 หยวน จึงไม่มีอะไรติดค้างกันอีก!
ส่วนบ้านหลังนี้ก็เป็นของครอบครัวหล่อน ใครจะไม่อิจฉากันบ้างล่ะ? มีสักกี่คนมีปัญญาซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้กัน?
จี้อวิ๋นอวิ๋นจึงได้แต่เงียบไป
แล้วอวิ๋นลี่ลี่ก็ออกปากเตือน “เธอเองก็อายุไม่น้อย ใกล้ถึงเวลามีครอบครัวแล้ว ถึงตอนนั้นพี่จะออกค่าสินเดิมให้แน่นอน แต่ตอนนี้ยังผ่อนบ้านไม่หมดก็คงจะช่วยได้แค่เท่าที่ไหว ส่วนครอบครัวพี่ใหญ่กับพี่รองก็อย่าไปหวังพึ่งเลย ถึงมีเงินก็คงไม่คิดช่วยหรอก มีแต่พี่สามที่เธอพอจะพึ่งได้อยู่ ดังนั้นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องสินเดิมหรอกนะอวิ๋นอวิ๋น”
ตอนแรกจี้อวิ๋นอวิ๋นอยากจะบอกว่าใครจะมาช่วยหล่อน
หากแต่ก็พูดไม่ออก
ครั้งนี้ที่หล่อนกลับมาหาพี่สี่และมีเงินออกไปกินข้าวข้างนอกได้ทุกวันก็เพราะเงินที่ได้จากซูตานหง แม้จะเป็นค่าแรงที่หล่อนสมควรได้รับก็ตาม
หล่อนไปช่วยงานที่นั่นไม่นานยังได้เงินมาเท่านี้ แล้วเมื่อแต่งงานไปอีกฝ่ายจะให้มากขนาดไหนกันล่ะ?
ซูตานหงไม่รู้ตัวสักนิดว่าน้องสามียังมีหน้ามาคิดว่าเธอจะออกค่าสินเดิมให้หล่อน ตอนนี้เธอกำลังจับฉีฉีเรออยู่ เนื่องจากครั้งที่แล้วลืมทำ เจ้าตัวน้อยเลยอาเจียนออกมาหมด สงสัยลูกเธอจะเสียดายของที่กินไปถึงได้ร้องงอแงลั่นบ้าน ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะกล่อมให้สงบลงได้
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ฝันหวานแล้วมั้งอวิ๋นอวิ๋น ว่าร้ายเขาขนาดนั้นแต่ก็ยังรับเงินจากเขาอยู่ อย่าเพิ่งคิดไปถึงว่าเขาจะออกสินเดิมให้หรือเปล่าเลย ว่าที่สามีเธอจะสนใจผู้หญิงนิสัยอย่างเธอหรือเปล่าเถอะ
ตอนแรกก็คิดว่าลี่ลี่จะสำนึกบุญคุณ แต่พอเจอประโยคเกทับก็…จบค่ะ ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว มีแค่นี้ก็ข่มแล้วเหรอ ลองมาเจอสินทรัพย์ทั้งหมดที่ตานหงมีก่อนแล้วจะหนาว คนรวยจริงเขาไม่อวดจ้า
ไหหม่า(海馬)