ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 179 อ่างเก็บน้ำ
ตอนที่ 179 อ่างเก็บน้ำ
“ต้องได้อยู่แล้วสิคะ เห็นสามีกระตือรือร้นขนาดนี้จะกล้าขัดได้ยังไงล่ะ?” ซูตานหงไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด
เมื่อเห็นเธอเออออด้วย จี้เจี้ยนอวิ๋นก็พลันเอ่ย “ถ้าเราลงทุนทำอ่างเก็บน้ำจะต้องไม่เสียเปล่าแน่ ใช่ว่าใครจะคิดได้อย่างนี้เสียเมื่อไหร่ ถือเป็นโอกาสดีของเราแล้ว”
ซูตานหงพยักหน้ารับ ถึงเธอไม่มีความรู้ด้านนี้แต่ก็ยังมีคนที่รู้พอดี “คุณต้องไปคุยเรื่องอ่างเก็บน้ำกับคุณพ่อด้วยนะคะ”
แม้คุณพ่อจี้จะไม่ถนัดงานสวนแต่ก็มีความรู้ในเรื่องนี้ อย่างน้อยเขาก็เคยเข้าประจำการทหารเหมือนกับเจี้ยนอวิ๋นของเธอมาก่อน
“ได้สิ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับพ่อเอง” จี้เจี้ยนอวิ๋นรับคำ
สองสามีภรรยากลับบ้านไปพร้อมกัน
อาหารมากมายถูกจัดขึ้นโต๊ะในมื้อค่ำ โดยที่ซูตานหงไม่ยั้งฝีมือในการปรุงอาหารเลย
ทั้งหมี่ผัดซี่โครงตุ๋น ปลากะพงนึ่ง ไข่ผัดมะเขือเทศ และน้ำแกงรากบัวกระดูกหมูร้อน ๆ
3 จานแรกเป็นมื้อง่าย ๆ ที่บ้านเธอมักทำกินอยู่แล้ว ส่วนน้ำแกงรากบัวอย่างสุดท้ายนั้นกินได้เฉพาะช่วงนี้เท่านั้น
ช่วงนี้เป็นฤดูกาลของรากบัว และรากบัวในฤดูนี้ก็มีแป้งมากเป็นพิเศษ
ซูตานหงทำอาหารได้ค่อนข้างถูกจริตสามี เพราะรู้ว่าเขาชอบกินรากบัวที่ไม่แข็งเกินไป
นอกจากรากบัวของฤดูนี้แล้วยังมีเนื้อติดกระดูกที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลอีกด้วย
เนื้อถูกต้มมาอย่างดี ยามกลืนลงคอก็ได้กลิ่นเตาถ่าน อีกทั้งความหวานของเนื้อยังละลายเข้าไปในน้ำแกง แต่ก็ไม่ได้ตีกับรสชาติของรากบัว เรียกได้ว่าเป็นอาหารรสเลิศทีเดียว
จี้เสี่ยวตงกินเสียอิ่มแปล้ อาหารบ้านคุณอาสามไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยสักครั้ง!
จากนั้นเขาก็กลับบ้านไป
ซูตานหงหันมาถามเยียนเอ๋อร์ “วันนี้จะนอนกับน้องหรือเปล่าจ๊ะ? หรือจะกลับไปนอนกับคุณปู่คุณย่าที่สวน?”
“หนูจะนอนกับคุณย่าค่ะ” เธอตอบ
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงขึ้นไปส่งเธอ พร้อมนำน้ำแกงรากบัวซึ่งตักแบ่งมาก่อนมื้อค่ำขึ้นไปฝากด้วย
หลังส่งหลานสาวขึ้นไปบนเขาแล้ว เขาก็ถือโอกาสถามเรื่องอ่างเก็บน้ำกับคุณพ่อจี้
อีกฝ่ายงุนงงไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “แกถามทำไมเหรอ?”
“พอดีผมว่าจะทำอ่างเก็บน้ำน่ะครับ” เขาตอบ
คุณพ่อจี้อดจะเตือนสติไม่ได้ “ตอนนี้ที่มีอยู่ยังไม่มากพออีกเหรอ?”
ทั้งร้านที่เมืองมหาวิทยาลัย สวนที่เชิงเขาอีก 30 หมู่ ห้างในเมือง รวมถึงข้าวกับผลผลิตที่รอเก็บเกี่ยวปีหน้าจากสวนอีก 2 ที่ เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด!
“พ่อครับ ถ้าเราไม่เริ่มตอนนี้ ต่อไปก็อาจจะไม่มีโอกาสทำแล้วนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นอธิบาย
“งั้นถ้าซื้อไม่ได้ก็อย่าไปคิดมากแล้วกัน ได้อ่างเก็บน้ำเก่า ๆ มาจะไปมีประโยชน์อะไร?” คุณพ่อจี้ว่าอย่างไม่ใส่ใจนัก
เมื่อก่อนมันก็เคยถูกซ่อม แต่ตอนนี้ก็เก่าลงมากแล้ว
“หมู่บ้านเราน้ำแล้งนี่ครับ ถึงเวลาปลูกข้าวแล้วจะไปเอาน้ำที่ไหนล่ะ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
“น้ำในแม่น้ำก็มี แค่นาข้าวไม่กี่หมู่ คงไม่ต้องใช้น้ำมากขนาดนั้นหรอก” อีกฝ่ายกล่าวค้าน
“งั้นผมบอกพ่อตามตรงเลยก็ได้ คือผมตั้งใจทำอ่างเก็บน้ำนี้ไว้เลี้ยงปลาน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
คุณพ่อจี้มุ่นคิ้ว “ทำอ่างเก็บน้ำมันยุ่งยากมากเลยนะ”
เขามีท่าทีไม่เห็นด้วย
บริเวณนั้นค่อนข้างดูแลกันหละหลวม ช่วงหน้าร้อนคนก็มักจะไปว่ายน้ำกัน ถ้าเกิดอุบัติเหตุใครจะรับผิดชอบกันล่ะ?
นอกจากนี้มันก็เก่ามากแล้ว ถ้าซื้อมาซ่อมจะไม่เสียเงินเปล่าเหรอ? ยังไม่นับรวมกับเงินที่ใช้เช่าซื้ออีก
“ผมคิดเรื่องนั้นมาดีแล้วครับ แค่อยากมาถามพ่อว่าในเมื่อมันเป็นของส่วนกลาง ถ้าผมอยากจะเช่าซื้อต้องทำยังไงบ้างเหรอครับ?”
“ถ้าอยากจริง ๆ พ่อก็ห้ามแกไม่ได้หรอก ไปปรึกษาผู้ใหญ่บ้านดูแล้วกัน เดี๋ยวเขาก็ช่วยประสานงานกับคนอื่นให้ แต่เอาจริง ๆ มันก็ไม่จำเป็นหรอกนะ แค่นี้ก็มีเยอะมากแล้ว” คุณพ่อจี้บอก
หากแต่จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับไม่ฟังที่ห้ามปรามแต่อย่างใด
เขารู้ว่าพ่อของตนค่อนข้างหัวโบราณ และทุกคนก็อาจคิดไม่ถึงกับการลงทุนสร้างอ่างเก็บน้ำ เพียงแต่ตอนนี้เขามีเงินไม่เพียงพอจึงยังไม่สามารถลงมือได้ หากเขาต้องการก็ต้องเริ่มโดยเร็วที่สุด ส่วนจะทำอย่างไรต่อไปและจะลงมือเมื่อไรนั้น ค่อยคิดทีหลังก็ยังไม่สาย อย่างน้อย ๆ ต้องติดต่อคนให้ได้ก่อน
เพราะจี้เจี้ยนอวิ๋นงานยุ่ง ทันทีที่มีเวลาจึงรีบมาหาผู้ใหญ่บ้าน
เป็นเวลาเดียวกับที่ผู้ใหญ่บ้านกินมื้อค่ำเสร็จพอดี
“เจี้ยนอวิ๋น มีเรื่องอะไรเหรอ?” ผู้ใหญ่บ้านเห็นเขามาหาเอาป่านนี้ก็ชวนมาดื่มชาในบ้าน
เมื่อได้ฟังที่จี้เจี้ยนอวิ๋นเล่า อีกฝ่ายก็อึ้งกับความบ้าบิ่นของเขา “แค่เช่าที่ก็น่าจะพอแล้วนี่? ถ้ามีอ่างเก็บน้ำอีกจะไม่ยุ่งยากเหรอ?”
“ถ้ายังไม่สะดวกไว้ก่อนก็ได้ครับ รอจังหวะเหมาะ ๆ ค่อยจัดการก็ได้” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ
ผู้ใหญ่บ้านไม่รู้จะรับปากอย่างไรจึงบอก “งั้นเดี๋ยวฉันจะไปถามให้พรุ่งนี้แล้วกัน แต่ว่าก็เช่าได้แค่ 20 ปีเท่านั้นนะ”
ครั้งก่อนเขาเสียหน้าไม่น้อยจึงกลับไปศึกษาเรื่องการเช่าซื้อมาอย่างดี แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เอาความรู้ออกมาใช้เร็วขนาดนี้
“แค่นั้นก็พอแล้วครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้ารับ
ได้ผู้ใหญ่บ้านคอยสนับสนุนอย่างนี้ก็ไม่น่ามีปัญหา
ทันทีที่จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับไป ผู้ใหญ่บ้านก็หันไปคุยกับภรรยา “ฉันคิดถูกจริง ๆ ว่าแล้วว่าในบรรดาลูกชายสี่คนของจี้รอง ลูกคนที่สามต้องเป็นที่พึ่งได้ ดูสิ เขานึกถึงคนอื่นตลอดเลย คิดในสิ่งที่ฉันยังไม่กล้าคิด แล้วยังทำในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ทำกันอีก!”
ได้ยินว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นหุ้นส่วนของห้างในเมืองด้วย อีกทั้งร้านที่เมืองมหาวิทยาลัยก็เป็นที่นิยมมาก จนจี้เจี้ยนเยี่ยต้องขับรถไปส่งของเกือบทุกวัน แถมยังได้ยินมาว่าเขาซื้อร้านค้าที่นั่นและจ้างคนมาดูแลด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นคนหัวการค้าขนาดไหน
นอกจากนี้ยังมีสวนอีก 2 ที่ เมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะเช่าที่ดินตั้ง 30 หมู่
คน ๆ หนึ่งจะทำอะไรได้มากมายขนาดนี้เชียวหรือ?
“ยังหนุ่มยังแน่นให้ทำมากกว่านี้ก็ยังได้ค่ะ ฉันว่าเขาคงกำลังเก็บเงินจ่ายค่าปรับสำหรับลูกคนที่ 3 อยู่แน่ ๆ” สวี่เจี่ยเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“นี่เขายังอยากมีลูกอีกคนเหรอ?” ผู้ใหญ่บ้านถึงกับชะงัก “ต้องเสียค่าปรับถึง 4,000 หยวนเชียวนะ!”
“เห็นตานหงว่าอย่างนั้นนะคะ น่าจะกัดฟันทนเพราะอยากมีลูกสาวน่ะค่ะ” สวี่เจี่ยตอบ
ตอนนี้พวกเขาก็มีลูกชายตั้ง 2 คนแล้ว อยากมีลูกสาวสักคนก็ไม่แปลก หากแต่ว่ากันว่าคนที่มีลูกชายเยอะจะมีลูกสาวยากเสียด้วยสิ
“เพื่อลูกสาวคนเดียวต้องเสียเงิน 4,000 หยวนเชียว” ผู้ใหญ่บ้านคิดแล้วก็นึกเสียดายเงินแทน
เงินก้อนนี้พอที่จะซื้อบ้านได้ทั้งหลังเชียวนะ!
“ขนาดเจ้าตัวยังไม่เครียดเลย คุณจะไปคิดแทนเขาทำไมคะ สู้ไปคุยเรื่องอ่างเก็บน้ำให้เขาดีกว่าค่ะ” สวี่เจี่ยบอก
“คุณนี่จริง ๆ เลย แค่ปีนี้เขาให้ผลไม้มาเยอะหน่อย ก็เข้าข้างจนไม่เห็นหัวผมที่นอนร่วมเตียงเลยนะ” ฝ่ายสามีกล่าวหยอกล้อ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
งานช้างมาก คิดจะสร้างอ่างเก็บน้ำใหม่ หาคนให้ได้นะคะพี่จี้
ไหหม่า(海馬)