ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 180 คนพิเศษ
ตอนที่ 180 คนพิเศษ
“ก็แค่ของตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่างหากล่ะคะ” สวี่เจี่ยเถียงกลับ
หล่อนเพียงแค่เอ็นดูสองสามีภรรยา และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น อีกทั้งยังเป็นหน้าที่ของสามีหล่อนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
ผู้คนต่างรู้ดีว่าตานหงเป็นคนดีขนาดไหน เห็นว่าฤดูกาลผลไม้รอบนี้ได้ผลผลิตมาก บางครั้งหลานชายหล่อนซึ่งเรียนห้องเดียวกับจี้เสี่ยวตงก็แวะไปเล่นที่บ้านเธอ และได้เค้กไข่ติดไม้ติดมือกลับมาบ่อย ๆ
หล่อนกับซูตานหงมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกัน พรุ่งนี้ก็ยังตั้งใจว่าจะไปเรียนปักผ้าด้วยอยู่
พวกเธอสนิทสนมกันเพียงนี้ เรื่องนี้จึงถือเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
ฝ่ายผู้ใหญ่บ้านก็ยิ้มรับคำภรรยา
จี้เจี้ยนอวิ๋นทั้งมีความสามารถและเห็นแก่ส่วนรวม เขาย่อมยินดีสนับสนุนเต็มที่
นอกจากนี้การที่จี้เจี้ยนอวิ๋นเช่าอ่างเก็บน้ำก็ทำให้เขาพลอยได้หน้าไปด้วย เป็นธรรมดาที่จะตกลงช่วยอยู่แล้ว
ผู้ใหญ่บ้านไปจัดการเรื่องนี้ในวันถัดมา สวี่เจี่ยไม่ได้ไปด้วย แต่หล่อนก็ตามไปช่วยสามีคุยเรื่องการวางเงินมัดจำให้เรียบร้อย ในอีกสองสามวันต่อมาถึงได้ข้อสรุป
ในขณะที่จี้เจี้ยนอวิ๋นตั้งตารอข่าวคราว
เขาถึงกับเตรียมแหไว้จับปลาแล้ว
ผู้ใหญ่บ้านไม่ปล่อยให้เขารอนาน และคาบข่าวมาบอกว่าสามารถเช่าอ่างเก็บน้ำได้ เพียงแต่ต้องยอมปล่อยน้ำยามที่หมู่บ้านอื่นขาดแคลนน้ำ
นี่เป็นเงื่อนไขเพียงข้อเดียว
ส่วนค่าเช่าเป็นเวลา 20 ปีก็เรียกได้ว่าไม่ใช่น้อย ๆ ราคาต่อ 1 หมู่สูงถึง 40 หยวน อ่างเก็บน้ำมีพื้นที่ราว 80 หมู่ คิดรวมแล้วต้องจ่ายมากกว่า 3,000 หยวน
ราคาที่ต้องจ่ายในขั้นตอนนี้นับว่าแพงมาก แพงยิ่งกว่าที่บนเขาเสียอีก ที่บนเขาทั้งสองลูกใช้เงินเท่าไรน่ะเหรอ มันใช้เงินไปเพียง 1,000 หยวนเท่านั้น
ทว่าอ่างเก็บน้ำมีข้อดีที่ต่างออกไป แม้ต้องจ่ายถึง 3,200 หยวน แต่ก็ตกปีละ 160 หยวนเท่านั้น ถึงจะยังดูแพง แต่ตอนนี้ราคาปลากำลังขึ้น ปลาตัวหนึ่งราคาเพิ่มขึ้นไม่กี่เหมา แล้วถ้าเกิดว่าเป็นปลาประมาณ 160 ตัวล่ะ?
จี้เจี้ยนอวิ๋นยังไม่ได้จ่ายเต็มจำนวน เขาเอ่ยขึ้น “ผมจะจ่ายก่อนแค่ 1,000 หยวน ที่เหลือทยอยจ่ายได้ไหมครับ?”
“ได้สิ” ผู้ใหญ่บ้านตอบ
เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเพราะมักมีการจ่ายมัดจำไว้ก่อนเวลาเช่าซื้อหลายครั้งอยู่แล้ว โดยเฉพาะสำหรับจี้เจี้ยนอวิ๋นที่ไม่ต้องห่วงว่าจะหนีหนี้ไปไหน
อีกทั้งอ่างเก็บน้ำยังเป็นกรรมสิทธิ์เด็ดขาดของพวกเขา จึงไม่จำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้กับทางการ เมื่อตกลงกันเรียบร้อยคณะกรรมการจากหลายหมู่บ้านก็ลงนามรับรองให้อ่างเก็บน้ำเป็นกรรมสิทธิ์ของจี้เจี้ยนอวิ๋น
แน่นอนว่าเงินที่จี้เจี้ยนอวิ๋นใช้ลงสัญญาเช่าทั้งหมดถูกแบ่งให้หมู่บ้านแถบนี้โดยทั่วกันทั้งสามสี่หมู่บ้านรอบ ๆ
เมื่อลองคำนวณประชากรดูแล้วพบว่าในหมู่บ้านรอบ ๆ มีคนจำนวนเท่าใด เงินจำนวน 3,200 หยวนนี้ก็จะถูกแบ่งให้ชาวบ้านทุกคนอย่างเท่าเทียมเป็นรายคนไป
ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้รับผิดชอบแจกจ่ายเงินให้กับชาวบ้าน จี้เจี้ยนอวิ๋นจ่ายไปก่อน 1,000 หยวนและรับปากจะให้ส่วนที่เหลือปีหน้า
ชาวบ้านไม่ได้คัดค้านเมื่อได้ยินว่าเขาเช่าอ่างเก็บน้ำ เพราะมันทำให้พวกเขาได้เงินเช่นกัน
แถวนี้มีใครไม่รู้จักจี้เจี้ยนอวิ๋นบ้างล่ะ? บอกว่าไม่รู้จักผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านยังพอเชื่อได้ แต่ไม่มีทางไม่รู้จักจี้เจี้ยนอวิ๋นอย่างแน่นอน
สวนที่แรกของเขาเติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกที่ก็ดูท่าจะไปได้สวย โดยเฉพาะเล้าไก่ แกะ และหมู ใครจะคาดเดาไม่ได้บ้างล่ะ?
ลูกชายตระกูลจี้คนนี้ช่างมีความสามารถล้นเหลือจริง ๆ
เพื่อนบ้านอย่างน้าไช่ยังนึกอิจฉาและบอกกับคุณแม่จี้ “เจี้ยนอวิ๋นนี่นอกจากทำสวนเก่งแล้ว ตอนนี้ยังเป็นเจ้าของอ่างเก็บน้ำอีก ต่อไปต้องร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้แน่!”
“รวยอะไรกันเล่า เธอก็ว่าไปเรื่อย ตอนนี้ยังติดเงินชาวบ้านตั้ง 2,200 หยวนอยู่เลย แค่นึกถึงก็เสียดายขึ้นมาแล้ว!” คุณแม่จี้บอก
นางไม่รู้เรื่องอ่างเก็บน้ำจนกระทั่งเมื่อ 2 วันก่อน และไม่เห็นด้วยกับความคิดลูกชายเช่นเดียวกับคุณพ่อจี้
ตอนนี้ยังมารู้ว่าเขาติดเงินค่าเช่าอ่างเก็บน้ำตั้ง 2,200 หยวนอีก ลองเทียบกับเจี้ยนเหวินที่ยอมเป็นหนี้ค่าบ้านตั้งมากเพื่อเก็บเงินตัวเองเอาไว้สิ?
คุณแม่จี้ถึงกับเรียกเขามาถามว่าอยากยืมเงินไปก่อนไหม? พวกเขาพอมีเงินเก็บอยู่ 700 ถึง 800 หยวน
แต่เขาก็ปฏิเสธด้วยต้องการให้พ่อแม่เก็บเงินเอาไว้ ปีหน้าพวกเขาก็จะถอนทุนคืนได้แล้ว จะใช้เงินของพวกท่านลงได้อย่างไร?
“เจี้ยนอวิ๋นหาเงินเก่งจะตายไป ของก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เงินแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาหรอกน่า” น้าไช่มองหน้านางซึ่งมีสีหน้าไม่มั่นใจนัก
แม้นางจะรู้ว่าลูกชายทำเงินได้มาก แต่ก็มีต้นทุนค่าแรงที่ต้องจ่ายประจำ อีกทั้งเมื่อว่ากันตามตรง เงิน 2,000 หยวนก็ถือว่ามากทีเดียว!
“คิดว่าจะไม่มีปัญหาจริงเหรอ? ทั้งที่ต้องจ่ายเงินส่วนที่เหลืออีก แต่ก็ต้องหาเงินไปซ่อมอ่างเก็บน้ำด้วยไม่ใช่เหรอ? ฉันกับสามีก็ไม่เห็นด้วยหรอก แต่เขาก็ยืนกรานหนักแน่น มีกิจการในมือตั้งเยอะแล้วจะเช่าอ่างเก็บน้ำมาเพิ่มอีกทำไมกันนะ?” คุณแม่จี้เอ่ย
หากแต่น้าไช่กลับคิดว่าเป็นความคิดที่ดี “เรื่องนี้มันยุ่งยากอยู่แล้วล่ะ แต่ก็เห็นมีแต่คนสนับสนุนเขานะ มีชาวบ้านคนไหนไม่ชื่นชมความสามารถของเขาบ้าง? ต่อไปนี้ก็เตรียมตัวลอยได้เลยล่ะ!”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครจะชมหรือเปล่า แต่ตอนนี้ต้องบอกให้เจี้ยนอวิ๋นล้อมรั้วอ่างเก็บน้ำซะก่อน ไม่งั้นมีอุบัติเหตุไปใครจะรับผิดชอบล่ะ?” คุณแม่จี้บอกก่อนจะแยกตัวไปหาลูกชาย
น้าไช่นึกถึงเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกไม่วางใจเช่นกัน ถึงอย่างไรก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแถวนั้นอยู่บ้าง
เมื่อก่อนมันเป็นทรัพย์สินส่วนกลาง ไม่ได้มีใครดูแล หากเกิดเรื่องร้ายแรงก็ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ แต่ตอนนี้หากมีเรื่องเช่นนั้นขึ้น แม้แต่นางเองยังไม่กล้าคิดว่าจะเกิดอะไรตามมา
น้าไช่กับบรรดาพี่สาวของคุณแม่จี้ต่างพูดพล่าม แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็เชื่อมั่นในตัวจี้เจี้ยนอวิ๋น
ปกติบริเวณนั้นไม่ได้เกิดอุบัติเหตุบ่อยนัก หากล้อมรั้วแล้วยังมีคนบุกเข้าไป จี้เจี้ยนอวิ๋นก็คงหาตัวคนผิดมารับผิดชอบความเสียหายอยู่แล้ว
เขาเองยังปลูกผลไม้ไว้มากมาย ถ้าคิดเลี้ยงปลาในอ่างเก็บน้ำนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก
หลังจากเพิ่มพื้นที่ 30 หมู่ตรงนี้เข้าไปแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็มีงานต้องทำอีกครั้ง และเขาก็เริ่มลงมือเทียวไปเทียวมาเพื่อลงมือสร้างอ่างเก็บน้ำ
ซูตานหงปวดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าสามีแดงเพราะถูกแดดเผา แต่ก็ห้ามเขาไม่ลงเพราะเจ้าตัวดูมีความสุขและกระตือรือร้น แม้ต้องทำงานหนักมากก็ตาม
ถึงเขาจะดูคล้ำลง สำหรับเธอแล้ว เขาเป็นคนพิเศษที่ชวนให้ใจเต้นได้เสมอ ทั้งที่ไม่เคยชอบคนแบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำ!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ลงมือสร้างอ่างเก็บน้ำแล้วจ้า พี่จี้นี่ขยันจริง ๆ
ไหหม่า(海馬)