ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 2 กระเพาะของทหารค่อนข้างใหญ่
ตอนที่ 2 กระเพาะของทหารค่อนข้างใหญ่
จี้เจี้ยนอวิ๋นสะดุ้งตกใจกับเสียงหวีดร้องกะทันหันของซูตานหง เขานิ่งอึ้งไปก่อนจะพูดว่า “ภรรยา คุณอยู่ในนี้หรอกหรือ? แล้วทำไมตอนที่ผมเรียกคุณ คุณถึงไม่ขานรับล่ะ?”
ซูตานหงมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใต้แสงสะท้อน ทันใดนั้นนางก็ได้สติ แก้มทั้งสองขึ้นริ้วสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโตนางไม่เคยติดต่อกับบุรุษแปลกหน้าที่ไหนเลยนอกจากพูดคุยกับพี่ชายและบิดาของนางเท่านั้น
แต่บุรุษร่างสูงใหญ่ที่ดูห้าวหาญตรงหน้าเป็นสามีของนางในชาตินี้ ทั้งสองได้มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและนางเองก็มีความทรงจำนั้นอยู่ ถ้านางไม่ได้เห็นตัวก็แล้วไป แต่เมื่อได้เห็น หัวใจของนางก็เต้นเหมือนกวางกระโดดพร้อมแก้มร้อนฉ่าเหมือนจะลุกขึ้นเป็นไฟ
“ฉัน…ฉันกำลังชำระร่างกายอยู่ค่ะ เลยไม่ได้ยินคุณ” ซูตานหงไม่กล้ามองไปที่สามีร่างสูงใหญ่ นางหลบสายตาเขาและตอบตะกุกตะกัก
จี้เจี้ยนอวิ๋นมองไปที่ภรรยาอย่างสงสัย ทำไมเขาคิดว่าภรรยาของเขาดูแปลกไปเล็กน้อย? เธอเพิ่งจะเรียกเขาว่าคนเจ้าชู้เสเพล และตอนนี้ก็พูดว่าชำระร่างกาย
เพิ่งจะดูละครโทรทัศน์มาหรือไง?
แต่ตราบใดที่เธอไม่ได้กลายเป็นปีศาจไปก็ไม่เป็นไร ตัวเขาเองก็ต้องอยู่ที่กองทัพตลอดทั้งปีและกลับมาได้ปีละแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
“คุณเสร็จหรือยัง? ผมอยากจะนอนแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
ซูตานหงสังเกตว่ารอบตาของเขาเป็นสีคล้ำดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยได้นอน นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “ฉันเสร็จแล้วค่ะ คุณกินอะไรมาหรือยังคะ? ให้ฉันจะทำอะไรให้คุณไหมคะ?”
“ผมเพิ่งกินก๋วยเตี๋ยวในห้องครัวมา” จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้คาดคิดว่าภรรยาของเขาจะพูดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงตอบไปตามน้ำ
“ก๋วยเตี๋ยวแค่นั้นไม่น่าจะพอ คุณรอก่อนนะคะ ฉันจะไปทำเพิ่มมาให้” ซูตานหงบอก นางคลุมผมที่เปียกไว้และหิ้วถังน้ำบรรจุน้ำสกปรกออกไป
ไม่ต้องกล่าวเลยว่านางอับอายมากขนาดไหน หลังจากที่สระผมแล้วสีของน้ำในถังก็ดูราวกับเป็นน้ำหมึก เมื่อครู่นี้นางเห็นสามีมองไปที่น้ำนั่นตั้งหลายครั้ง!
หลังจากเทน้ำสกปรกทิ้งไปอย่างรวดเร็ว คุณหนูซูก็รีบเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อทำก๋วยเตี๋ยวมาหนึ่งชาม ครั้งนี้นางใส่ไข่ลงไปสามฟอง แต่เมื่อนางกลับไปที่ห้องจี้เจี้ยนอวิ๋นก็นอนหลับอยู่บนเตียงไปเรียบร้อยแล้ว
คุณหนูซูอึ้งชะงักงันไป นางมองดูชามก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ในมือ และท้องของนางก็ส่งเสียงจากความหิว ดังนั้นนางจึงนั่งลงแล้วกินมันเข้าไปเองอย่างช้าๆ
ส่วนของสามีนั้นนางค่อยทำให้เมื่อเขาตื่นขึ้นมาแล้วแล้วกัน ดูจากความทรงจำแล้วเส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นสิ่งที่หาได้ยาก มันถูกส่งมาขายจากทางตอนใต้และต้องเข้าไปในเมืองเท่านั้นถึงจะซื้อมาได้ แต่ซูตานหงมีเงิน โดยเฉพาะการที่จะได้กินเส้นก๋วยเตี๋ยวนั้น เจ้าของร่างเดิมถึงกับทุ่มซื้อมันมาด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง ซึ่งครั้งก่อนเธอซื้อมาไว้มากมายและยังคงมีเหลืออยู่ในครัว
หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่เข้าไป คุณหนูซูก็ค่อยๆถอนหายใจออกมา และสายตาก็ฉายแววตื่นตระหนก
นาง…นางยังรู้สึกหิวอยู่อีกเล็กน้อย?
ในชาติที่แล้วหากนางสามารถกินได้แค่ครึ่งหนึ่งของก๋วยเตี๋ยวชามนี้ แม่นมของนางถึงกับจะจุดธูปไหว้พระเลยทีเดียว!
แค่คิดถึงก้อนเนื้อบนร่างนี้ที่นางแทบไม่สามารถทนมองดูได้เลยในตอนที่ขัดสีฉวีวรรณตัวเอง
คุณหนูซูก็บอกได้เลยว่าร่างนี้ช่างเจริญอาหารมากเกินไปเสียแล้ว นางจึงตัดสินใจที่จะไม่กินมันต่อ
อาหารมื้อนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว มื้อต่อๆ ไปจากนี้นางจะกินเพียงแค่ครึ่งชามเท่านั้น อย่างมากที่สุดครึ่งชาม!
หลังจากกินอิ่มท้องแล้วซูตานหงจึงมองไปรอบๆ ห้องที่รกเลอะเทอะไปหมดแล้วมองไปที่สามีของนางที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง พร้อมกับเกิดความรู้สึกว่านางต้องรีบทำความสะอาดห้องอย่างเร่งด่วน!
เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเย็นแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะนอนหลับได้อย่างสบายในเวลานี้ และภรรยาก็ไม่ได้ปลุกเขา
“ภรรยา”
ทันทีที่เขาตื่นขึ้นมา กระเพาะของเขาก็ไม่เหลืออะไรให้ย่อยแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นนึกขึ้นมาได้ว่าภรรยาของเขากำลังไปทำอาหารมาให้เขาก่อนที่เขาจะนอนหลับไป ดังนั้นเขาจึงส่งเสียงตะโกนขึ้นมาโดยไม่รู้สึกตัว
“มาแล้วค่ะ”
หลังจากซูตานหงจัดของที่ระเกะระกะอยู่ในลานบ้าน นางก็ได้ยินเสียงของสามีนางเรียกหาภรรยาของเขา นางนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะตระหนักได้ว่าเขากำลังเรียกนางอยู่ นางจึงรีบส่งเสียงขานรับทันที
“ผมหิวแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นตะลึงและพูดโพล่งออกไปเมื่อเห็นภรรยาของเขามาถึงอย่างรวดเร็ว
“คุณคงหิวหลังจากที่นอนหลับไปนาน รอเดี๋ยวนะคะฉันจะเอาก๋วยเตี๋ยวมาให้”
ซูตานหงยังไม่คุ้นเคยในการพูดคุยกับสามีผู้นี้ แก้มของนางแดงก่ำและนางก็ไม่กล้ามองไปที่เขา แต่นี่ก็ดีกว่าตอนที่พบหน้ากันครั้งแรกอยู่มาก อย่างน้อยนางก็ไม่ได้พูดตะกุกตะกักแล้ว หลังจากพูดจบนางก็ไปที่ห้องครัวอย่างว่องไว
จี้เจี้ยนอวิ๋นมองตามแผ่นหลังหนาของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างชัดเจน ภรรยาของเขาปรนนิบัติเขาอย่างดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ภรรยาคนนี้ไม่พอใจกับอาชีพทหารของเขามาโดยตลอด เนื่องด้วยในแต่ละปีเขาสามารถกลับบ้านได้เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น อย่าว่าแต่ภรรยาของเขาจะไม่ชอบการที่ต้องถูกทอดทิ้งไว้เลย แม้แต่เด็กสาวคนอื่นๆ ในหมู่บ้านต่างก็ไม่มีใครชอบเหมือนกัน งานของเขาทั้งหนักทั้งเหนื่อยและไม่มีอะไรแน่นอน แม้จะได้รับเบี้ยเลี้ยงพิเศษในแต่ละเดือน
แต่ปัญหาก็ยังคงเป็นคำถามเดิมๆ ว่าในปีหนึ่งคุณจะสามารถกลับมาได้กี่วัน?
ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน คุณที่เพิ่งมาถึงบ้านก็จะต้องรีบกลับไปทันที คนอยู่ที่บ้านรอคุณมาตลอดทั้งปีแต่คุณกลับมานั่งก้นยังไม่ทันร้อนก็ต้องไปอีกแล้ว
การแต่งงานกับทหารนั้น คุณต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ซึ่งสำหรับเด็กสาวแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เมื่อตอนที่เขาแต่งงานกับภรรยานั้น เขาได้รับอนุมัติจากทางกองทัพแล้ว แต่เมื่อได้รับภารกิจสำคัญเข้ามาหลังคืนวันแต่งงานเขาก็ต้องจากไปทันที
เป็นเวลาหนึ่งปีต่อมาเขาถึงได้กลับมาอีกครั้ง
หลังจากนั้นเขาได้กลับมาอีกหนึ่งหรือสองครั้งและมันก็มีแต่เรื่องวุ่นวาย เมื่อปีก่อนหน้านี้ภรรยาเขาก็ทะเลาะกับแม่ของเขาในตอนที่เขากลับมา
และสาเหตุก็มาจากการที่ภรรยาของเขาไม่พอใจที่แม่ของเขามีใจลำเอียงไปทางหลานชายคนโตจากบ้านพี่ใหญ่…
จี้เจี้ยนอวิ๋นส่ายหน้าแล้วกวาดตามองไปรอบๆ แล้วพบว่าห้องถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วโดยไม่มีเศษทรายอยู่บนพื้นเลย?
“ถ้าคุณหิวก็กินตอนที่มันยังร้อนๆ อยู่นะคะ เนื้อนี่สดมากเพราะฉันแช่เอาไว้ในบ่อน้ำน่ะค่ะ” ซูตานหงยกก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่ออกมา ชามนี้มีขนาดใหญ่เท่ากับสองชามของที่นางกินเข้าไปและมีปริมาณมากเพียงพออย่างแน่นอน ด้านบนยังมีเนื้ออยู่เจ็ดถึงแปดชิ้นและไข่อีกสี่ฟอง
เมื่อเห็นชามก๋วยเตี๋ยวนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่คิดอะไรอีกแล้ว เขาลุกขึ้นมานั่งแล้วเริ่มกิน เมื่อกินอาหารไปครึ่งทางแล้วเขาถึงนึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยปากกับภรรยาที่กำลังโก้งโค้งจัดเตียงอยู่ว่า “คุณได้กินหรือยัง?”
“ฉันเพิ่งกินในห้องครัวน่ะค่ะ ไม่ต้องห่วงฉันนะคะ” ซูตานหงตอบโดยไม่ได้หันกลับมามอง ในตอนที่จัดเตียงอยู่นั้นก็ได้กลิ่นเฉพาะแบบของบุรุษที่เกิดจากตัวสามี นางรู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับใจเต้นระรัวเป็นอันมาก
ที่นางยังคงสามารถพูดจาได้อย่างคล่องแคล่วนี้เป็นผลมาจากการสำรวมกิริยาที่ถูกสั่งสอนมาในชาติที่แล้ว
แม้นางจะประหม่าจนหายใจแทบไม่ออก แต่ภายนอกก็ยังคงดูนิ่งสงบเหมือนว่าไม่เป็นอะไร
ได้ยินว่าเธอกินเรียบร้อยแล้วจี้เจี้ยนอวิ๋นก็พยักหน้าและกินอาหารของเขาต่อ ไม่นานเขาก็กินก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่จนหมด
ซูตานหงรู้สึกโล่งใจเมื่อผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนเป็นผืนใหม่เรียบร้อย ผ้าปูผืนเก่านั้นไม่สามารถใช้นอนต่อไปได้อีกแล้วจริงๆ
ทันทีที่หันกลับมานางก็เห็นสามีกำลังมองมาที่นาง
“ม…มีอะไรหรือคะ?” แก้มของซูตานหงแดงระเรื่อขึ้นอย่างรวดเร็ว นางก็ไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองเขาเลยได้แต่ก้มหน้าถามกลับไป
“ได้เวลาต้องไปเยี่ยมพ่อกับแม่แล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“คุณไปเถอะ ฉันไม่ไปหรอกค่ะ แล้วคุณยังจะกินอาหารเย็นไหมคะ?” ซูตานหงนึกถึงท่าทีที่คุณแม่จี้มีต่อเธอจึงเลือกที่จะเอ่ยปฏิเสธไป
ดูเหมือนว่ากระเพาะของคนที่เป็นทหารจะค่อนข้างใหญ่มากทีเดียว?
จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้ารับ “งั้นคุณทำอะไรก็ได้สำหรับมื้อเย็นไว้ด้วยนะ”
____________________________