ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 21 ครอบครัวของจี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]
- ตอนที่ 21 ครอบครัวของจี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่
ตอนที่ 21 ครอบครัวของจี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่
จี้เจี้ยนอวิ๋นย่นคิ้วในทันทีและมองดูน้องสาว “อวิ๋นอวิ๋น เธอพูดอะไรน่ะ!”
“ฉันยังพูดไม่ชัดเจนอีกเหรอคะ? พี่สาม พี่อย่าโดนหลอกนะ อย่าหลงเสน่ห์ไปกับนางจิ้งจอกนี่นะคะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นโพล่งออกมาพร้อมพ่นลมหายใจ
“น้องสาว เธอคงไม่ได้กินทั้งเนื้อแกะ เนื้อวัว เนื้อหมู และไข่ที่ฉันเอามาในวันก่อน ๆ เลยใช่ไหม ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่พูดอะไรแบบนี้ เธอเป็นคนที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยนะ” ซูตานหงเอ่ยเบา ๆ
เธอไม่ถือหรอกถ้าหล่อนจะแสดงพฤติกรรมปลิ้นปล้อนต่อหน้าเธอเป็นเวลานานหลังกลับมาถึงบ้าน แต่เธอยอมไม่ได้ที่จะให้หล่อนจัดฉากแบบนี้ต่อหน้าเจี้ยนอวิ๋น!
เธอกตัญญูกับทุกคนก็จริง แต่ไม่ใช่กับจี้อวิ๋นอวิ๋น นานเท่าไรแล้วที่หล่อนกลับมาและยังทำตัวปลิ้นปล้อนตลบตะแลงกับเธออยู่?
จี้อวิ๋นอวิ๋นสะอึกไป
ทำไมหล่อนถึงไม่ยอมกินอาหารที่เธอเอามาในช่วงนี้? หล่อนต้องการอาหารบำรุงก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย จึงเป็นคนที่ต้องกินมากที่สุด และอาหารที่หล่อนกินล้วนลงไปอยู่ในกระเพาะของหล่อนทั้งนั้น
หลังจากกลับมาเจอกันอีกไม่กี่วัน หล่อนก็พัฒนาสีหน้าท่าทางขึ้นไปอีกระดับหนึ่งแล้ว…
“ดูเหมือนเธอจะได้กินแล้วสินะ ในเมื่อเธอได้กินแล้ว งั้นคำพูดก่อนหน้านี้เธอพูดกับใครเหรอ?” ซูตานหงยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
เมื่อคุณแม่จี้ได้ยินเสียงเอะอะจนต้องออกมาจากห้อง นางก็ได้เห็นลูกชายของตน
“เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้วเหรอ?” คุณแม่จี้พูดด้วยน้ำเสียงดีใจ
“แม่ แม่ไม่เห็นตอนที่หนูว่าผู้หญิงคนนี้ไปแล้วสามประโยคเหรอคะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ยอย่างไม่พอใจ
คุณแม่จี้ได้ฟังก็ทำท่าจะหยิกหล่อน “ทำไมแกไม่กลับไปที่ห้องแล้วอยู่ในนั้นต่อไปละหา!”
จี้อวิ๋นอวิ๋นไม่พอใจอย่างมาก และเอ่ยขึ้น “ทำไมหนูต้องหลบเลี่ยงหล่อนทุกครั้งที่หล่อนมาที่บ้านด้วย? ทำไม!”
ซูตานหงไม่พูดอะไร
จี้เจี้ยนอวิ๋นย่นคิ้วและเบนสายตาไปทางภรรยา ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซูตานหงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมา หรือว่าเขากำลังตำหนิเธออยู่กัน?
“คุณแม่คะ พอดีที่บ้านฉันยังเหลือเรื่องบางอย่างต้องกลับไปทำ งั้นฉันขอตัวกลับไปทำก่อนนะคะ” ซูตานหงพูด จากนั้นก็หันหลังกลับบ้านของเธอ
“ภรรยาเดี๋ยว…” จี้เจี้ยนอวิ๋นร้องเรียกในทันที
“ไปเลย ใครอยากให้เธอมากัน!” จี้อวิ๋นอวิ๋นตะโกนก้องราวกับไก่ชนในสนาม
“นังเด็กเวร คอยดูแล้วกันว่าฉันจะฆ่าแกหรือเปล่า ของทุกอย่างที่สะใภ้สามให้มากลายเป็นว่าเอาไปเลี้ยงสุนัขแท้ ๆ นังหมาป่าตาขาว!” คุณแม่จี้โกรธเสียจนคว้าไม้กวาดมาไล่ตีสะเปะสะปะ ช่างเป็นลูกสาวไม่รักดีจริง ๆ
“แม่ วันนี้วันสิ้นปีนะ ถ้าแม่เอาไม้กวาดตีหนู หนูจะโชคร้ายไปตลอดทั้งปี และถ้าหนูสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ หนูจะโทษแม่!” จี้อวิ๋นอวิ๋นตะโกน
คุณแม่จี้ได้ยินก็โมโห “นังเด็กเวร คอยดูฉันจัดการแกหลังปีใหม่ก็แล้วกัน!”
“แม่ อย่าโมโหเลยครับ อวิ๋นอวิ๋นยังเด็ก” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย แต่มองจี้อวิ๋นอวิ๋นด้วยสีหน้านิ่วคิ้วขมวด
“เจี้ยนอวิ๋น กลับไปปลอบตานหงเถอะ แม่ไม่เป็นไรหรอก อย่าให้หล่อนต้องรู้สึกเศร้าใจเพราะอวิ๋นอวิ๋นเลย” คุณแม่จี้เอ่ยรัวเร็ว
ในใจจี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็อยากจะกลับไปเหมือนกัน แต่เขาก็รีบขยับตัวมาหาคุณแม่จี้และเอ่ยขึ้น “ตานหงคงไม่ถือโทษโกรธอวิ๋นอวิ๋นหรอกครับ”
“แม่เพิ่งได้ยินคำพูดไม่กี่คำในบ้านมา เอาเป็นว่าแกไม่ต้องไปใส่ใจฟังอวิ๋นอวิ๋นนังเด็กวอนตายคนนี้หรอก ตอนนี้ตานหงเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนแล้ว ไม่มีอะไรต้องพูดกับคุณพ่อและเพื่อนบ้านของเราเลย นังเด็กวอนตายคนนี้เป็นแค่หมาป่าตาขาวที่ไม่คุ้นเคยกับหล่อน ไม่ต้องไปสนใจหล่อนหรอก ให้หล่อนแต่งงานออกไปก็จบเรื่องแล้ว” คุณแม่จี้พูด
“แม่นี่สมกับเป็นแม่ของหนูจริง ๆ หนูไม่คิดเลยว่าแม่จะยังยึดแนวคิดชายเป็นใหญ่เหนือผู้หญิงแบบนี้อยู่ สังคมตอนนี้ให้ความเสมอภาคเท่าเทียมทางเพศและต่อต้านการเลือกปฏิบัติระหว่างผู้ชายและผู้หญิงแล้วนะคะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นตะโกน
“อวิ๋นอวิ๋น ทำไมเธอพูดกับแม่แบบนี้!” จี้เจี้ยนอวิ๋นย่นคิ้ว
จี้อวิ๋นอวิ๋นยังมีความเกรงกลัวพี่ชายสามที่เป็นทหารรับใช้ชาติอยู่บ้าง หล่อนจึงทำเพียงแค่นเสียงในลำคอและเดินกลับเข้าห้อง หยิบกระปุกครีมมานั่งทาตรงหน้ากระจก
“ที่บ้านยังมีครีมอีกสองสามกล่อง ผมจะเอามาให้แม่อีกนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองแล้วก็เอ่ยขึ้น
จี้อวิ๋นอวิ๋นได้ยินแล้วก็ทำตาโต
“ไม่เป็นไรหรอก” คุณแม่จี้รีบเอ่ยทันที “ครีมพวกนั้นน่ะตานหงเป็นคนเอามาให้ ไม่อย่างนั้นนังเด็กคนนี้จะใช้ของหายากแบบนั้นได้ยังไง?”
“หึ ก็แค่ครีมกระปุกเล็ก ๆ กระปุกหนึ่ง ตอนหนูอยู่ที่ห้องชุดของพี่สะใภ้สี่ พี่เขาใช้ครีมแบบนี้เป็นปกติเลย กับอีแค่หล่อนให้ครีมมากระปุกหนึ่ง ทุกคนก็ต้องเทิดทูนหล่อนแล้วเหรอ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นแค่นเสียง
คุณแม่จี้ได้ฟังก็โมโหจนเกือบจะสาปแช่งออกมา แต่ก็มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นด้านนอกเสียก่อน
เมื่อออกไปดูก็พบว่าเป็นจี้เจี้ยนเหวินที่สอนหนังสืออยู่ในเมืองเจียงสุ่ยกับอวิ๋นลี่ลี่ที่เป็นครูประจำโรงเรียนประถมในเมืองเจียงสุ่ยเช่นกัน ซึ่งในวันนี้หล่อนก็สวมเสื้อผ้าสีฉูดฉาดดูทันสมัยมาหา
อวิ๋นลี่ลี่กำลังอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งในอ้อมแขน ส่วนจี้เจี้ยนเหวินก็กำลังเอ่ยทักทายและพูดคุยเกี่ยวกับเทศกาลปีใหม่กับบรรดาสหายในหมู่บ้านตรงหน้าประตู
“เจี้ยนเหวิน” เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นออกมาดู เขาก็เห็นน้องชายของเขา
จี้เจี้ยนเหวินเองก็ดีใจที่ได้เห็นเขา “พี่สาม พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย ทำไมผมไม่เห็นแม่พูดอะไรเลย?”
“ฉันเพิ่งกลับมาเมื่อคืนน่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม
“พี่สาม” อวิ๋นลี่ลี่ร้องเรียกเช่นกัน แต่หลังเดินเข้าบ้านใหญ่ตระกูลจี้แล้วหล่อนก็ต้องย่นคิ้ว
หากหล่อนไม่สามารถกลับบ้านในช่วงปีใหม่ได้ หล่อนก็เลือกที่จะไม่กลับมาในทุกปี แต่สิ้นปีนี้เป็นช่วงเวลาเดียวที่จะได้กลับมาแค่ไม่กี่วันเท่านั้น เพียงอึดใจเดียวมันก็จะผ่านพ้นไป
“พี่สี่ พี่สะใภ้สี่ พวกพี่มาแล้ว” จี้อวิ๋นอวิ๋นเห็นอวิ๋นลี่ลี่แล้วก็ดีใจมาก
“อวิ๋นอวิ๋น มา มากอดยัยหนูของพี่สะใภ้สี่หน่อยเร็ว” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยกับจี้อวิ๋นอวิ๋น
“ได้เลยค่ะ หลานสาวคนนี้คงอยากให้คุณอาอย่างฉันกอดแย่แล้วสินะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นรีบเข้าไปกอดเด็กหญิงตัวน้อยแล้วก็หัวเราะออกมา
“คุณแม่คะ ทำไมถึงสร้างทางเดินไว้ข้างหน้าล่ะค่ะ? เราเหนื่อยมากนะคะที่ต้องกลับมาทางนี้” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยกับคุณแม่จี้
คุณแม่จี้เองก็มีความสุขมากเช่นกันที่เห็นครอบครัวสี่กลับมาฉลองปีใหม่ นางเอ่ยตอบ “ใช่แม่สร้างไว้เองล่ะ แต่สร้างไว้แค่สั้น ๆ เท่านั้น เพื่อที่แม่จะได้เดินไปได้ แม่มักจะเข้าเมืองไปกับพี่สะใภ้สามของเธอบ่อย ๆ น่ะ”
อวิ๋นลี่ลี่ได้ยินถึงกับเบ้ปาก ผู้หญิงคนนั้นจะไปเทียบกับหล่อนได้อย่างไรล่ะ?
“แม่ ทำไมแม่ถึงเอาแต่พูดเกี่ยวกับซูตานหงอยู่เรื่อยเลย หล่อนก็แค่ให้แบ่งอาหารให้บางส่วนเท่านั้นแหละ มันคุ้มเหรอที่แม่จะคิดถึงแต่หล่อน?” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูด
คุณแม่จี้ถลึงมองหล่อน
อวิ๋นลี่ลี่เห็นแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณแม่คะ ฉันกับเจี้ยนเหวินกลับมาคราวนี้เอาของฝากมาด้วยนะคะ ทุกอย่างล้วนเป็นของพิเศษจากเมืองเจียงสุ่ยเชียวค่ะ ฉันเลยซื้อกลับมาให้คุณแม่กับคุณพ่อลองชิมดู จริงสิคะ ตอนนี้คุณพ่อไปไหนเหรอคะ?”
“น่าสนใจนะ” คุณแม่จี้ยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “คุณพ่อออกไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วน่ะ วันนี้เขาได้ทำงานเล็ก ๆ งานหนึ่งแล้วจะกลับมาในช่วงบ่าย”
ในตอนนี้เอง จี้เจี้ยนอวิ๋นกับจี้เจี้ยนเหวินที่คุยอยู่ด้านนอกก็กลับเข้ามา
เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กแล้ว คุณแม่จี้ก็รีบเอ่ยว่า “เจี้ยนเหวินเดินทางมานี่เหนื่อยไหมเนี่ย? รีบเข้ามาพักเร็ว แม่จะชงชาขิงใส่น้ำตาลทรายแดงให้ดื่มอบอุ่นร่างกายให้”
“คุณแม่อย่าลืมฉันสิคะ ฉันก็อยากดื่มเหมือนกัน” อวิ๋นลี่ลี่ยิ้ม
“เธอก็ด้วยจ้ะ” คุณแม่จี้เอ่ยด้วยรอยยิ้มและเดินกลับเข้าไปชงน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดง
ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นก็พูดคุยกับจี้เจี้ยนเหวิน แต่แล้วด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ทว่าตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกอย่างไรไม่รู้
“แม่ ผมกลับก่อนนะครับ แล้วเย็นนี้ผมจะพาตานหงมาร่วมโต๊ะด้วย” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกกับคุณแม่จี้ที่อยู่ในครัวก่อนจะกลับไป
“อวิ๋นอวิ๋น เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายสามเหรอจ๊ะ? ทำไมเขาถึงให้ความเอาใจใส่ผู้หญิงคนนั้นเหลือเกิน?” อวิ๋นลี่ลี่พูด
“ผู้หญิงคนนั้นอะไรกันคุณ นั่นพี่สะใภ้สามนะ!” จี้เจี้ยนเหวินย่นคิ้ว
อวิ๋นลี่ลี่เบ้ปากและเมินคำพูดของสามี ขณะรอคำตอบจากจี้อวิ๋นอวิ๋น
………………………………………………………