ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 238 ผู้ชายใจดีก็ไม่ได้แย่
ตอนที่ 238 ผู้ชายใจดีก็ไม่ได้แย่
คุณแม่จี้นำเรื่องมาบอกกับจี้เจี้ยนอวิ๋น
“ได้สิครับ ปีนี้ก็เอาสวนผลไม้ของคุณลุงไช่ให้กับผม” จี้เจี้ยนอวิ๋นว่า
อันที่จริงเขาเองก็วางแผนเอาไว้แล้ว ไม่เกี่ยวกับเรื่องความกตัญญู ถ้าจะเอาสวนตรงนั้นมา ต่อให้เป็นที่ของคนอื่นเขาก็จะทำแบบนี้
เพียงแค่คำพูดของคุณแม่จี้ฟังดูค่อนข้างเกินจริงไปหน่อย
“ส่วนเรื่องของบ้านเหล่าหม่า เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่ต้องไปสนใจ ให้เขามาคุยที่บ้านเอง” คุณแม่จี้พูด หากเป็นคนนอกทำกับลูกชายนางเช่นนี้ นางคงไม่ไว้หน้า
“ครับ ผมรู้แล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้ารับ
“จ๋านกั๋วลูกชายคนโตของบ้านไช่นั่นก็ทำงานใช้ได้เลยนะ ถ้าเขายอมก็ให้ลองมาช่วยงานดู” คุณแม่จี้กล่าว
เนื่องจากเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันทั้งหมด ใครทำงานเป็นอย่างไรตอนไปเป็นทหารก็มองออกหมดแล้ว อีกอย่างอยู่หมู่บ้านเดียวกันจะไปมีความลับอะไรได้อีก
“ไช่จ๋านกั๋วก็ไม่เลวครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า “แต่มีคนแค่นั้นก็คงไม่พอ แม่ช่วยดูให้ผมอีกสักหน่อยแล้วกัน”
คุณแม่จี้ได้ยินแล้วก็เอ่ยถาม “แล้วตอนนี้แกจะคำนวณเงินเดือนยังไง?”
“สำหรับพนักงานใหม่ ทดลองงานครึ่งปีแรกได้เงิน 30 หยวน ครึ่งปีหลังถ้าเกิดว่าทำงานได้ดีก็ให้เงินเดือน 40 หยวนเท่ากันทุกคนเลยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
แต่คนที่มาทีหลัง ก็จะได้เงินน้อยกว่าคนที่มาก่อนอยู่ดี
“อย่างนั้นก็ได้” คุณแม่จี้พยักหน้ารับ
ถึงจะได้เงินน้อย แต่เงินเดือน 30 หยวน ก็ยังได้มากกว่าทำโรงงานเสื้อผ้าตั้ง 10 หยวน น้อยตรงไหนกัน?
ได้ข่าวมาว่าโรงงานนั้นก็ขึ้นเงินเดือนให้ด้วย แต่ก็แค่ 2-3 หยวนเท่านั้น
จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาก็บอกภรรยาว่าปีนี้ตนจะมีสวนผลไม้แห่งที่สามเพิ่ม
“เถ้าแก่ใหญ่ คุณจะครอบครองภูเขาทั้งลูกเลยหรือไงคะ” ซูตานหงพูดขำ ๆ
“ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้เอามาได้ก็เอามาเถอะ คุณว่ายังไงล่ะ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ตอนนี้เนินเขาที่นั่นโล้นไปหมด ไม่มีความสวยงามอะไรเลย ซึ่งแตกต่างจากภูเขาของเราที่เขียวชอุ่มทั้งสองที่ ถ้าตรงนั้นเป็นป่าผลไม้ของพวกเรามันคงจะดีไม่น้อยเลยค่ะ” ความอยากกระหายของซูตานหงก็ไม่น้อยเลย อย่ามองแค่ว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่กลับใจใหญ่ไม่เบา
แต่พื้นที่ส่วนมากก็เป็นแบบนั้น เพราะเป็นการขนส่งแรกในปี ต้นไม้พวกนั้นก็ตัดเอามาทำเป็นฝืนใช้ ตัดกันไปเยอะเกิน ตอนนี้แม้แต่ต้นหญ้าก็ยังไม่มีเลย
เพราะเธอมีน้ำพุวิเศษที่บริสุทธิ์อยู่ในมือ ไม่เช่นนั้นเธอจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?
“แล้วครั้งนี้จะรับคนกี่คนคะ” ซูตานหงเอ่ยถาม
“ช่วงแรกก็รับไม่เยอะ สัก 4 คนเอาไว้รดน้ำ อีก 2 คนอยู่ที่เนินเขา” จี้เจี้ยนอวิ๋นคำนวณเสร็จก็เอ่ยออกมา
สำหรับสองเนินเขานั้นวางแผนเอาไว้ว่าจะทำสวนผลไม้ขึ้นมา ถ้าเอาเลี้ยงครอบครัวก็คงต้องจะคิดอีกที เพราะว่าตอนนี้เนินเขาแรกกับเนินเขาที่สองผลผลิตฟาร์มไก่เพียงพอที่ขาย แน่นอนว่ามีการขาดแคลนเป็นครั้งคราว แต่ในปีนี้เขาจะเพิ่มอุตสาหกรรมการเลี้ยงเป็ดและแพะเหนืออ่างเก็บน้ำด้วย
แพะก็ถูกเลี้ยงไว้ในสวนผลไม้ที่หนึ่งเช่นกัน แต่ไม่เยอะมาก ปีนี้ในอ่างเก็บน้ำก็เลี้ยงแพะได้บ้าง พื้นที่ตรงนั้นก็เยอะพอสมควร
ปีนี้หมูที่เลี้ยงไว้ในสวนผลไม้ที่สองมีจำนวนน้อยลงแล้ว เขาเพิ่งนำลูกหมูเอามาเลี้ยงเพิ่ม 10 ตัว และราคาของลูกหมูก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ 1 ตัว 6 หยวน ปีนี้ลูกหมู 1 ตัวราคาเกือบ 20 หยวน ขึ้นมาตั้งกี่เท่าเนี่ย?
อย่างไรก็ตาม มีคนจำนวนมากที่ซื้อลูกหมูซึ่งเกือบจะขาดตลาด
คนในหมู่บ้านคิดว่าปีนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นจะซื้อลูกหมูหลายตัว แต่ไม่คิดว่าจะซื้อเพียง 10 ตัว ถึงอย่างนั้นก็มาเข้าถามอยู่อย่างต่อเนื่อง
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มและไม่ได้คิดปิดบัง ดังนั้นเขาจึงบอกว่าเขาคาดว่าราคาหมูจะลดลงในปีนี้และจะลดลงอีกมาก เลยไม่คิดจะเลี้ยงเพิ่ม
ปีที่แล้วราคาหมูขึ้นเท่าไหร่? ในช่วงเทศกาลปีใหม่ หมูหนึ่งชั่งก็มีราคาเกือบ 4 หยวนแล้ว
ราคาหมูแพงมากขนาดนี้…
ปีที่แล้วคนเลี้ยงหมูทำกำไรได้เป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่นจี้เจี้ยนอวิ๋น หมูเมื่อปีที่แล้ว 29 ตัว ตัวละ 300 กว่าชั่ง ราคาพอกัน
หากคิดจากราคาขายส่งจะเท่ากับ 3 หยวนต่อ 1 ชั่ง ส่วนราคาขายปลีกคิดตามราคาตลาดด้านนอก หลายคนในหมู่บ้านจึงคำนวณว่าเขาทำเงินได้เท่าไร
บางคนก็เอ่ยถามจี้เจี้ยนอวิ๋นโดยตรง แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยิ้มและบอกว่าเงินที่ได้หลังหักต้นทุนก็ไม่ได้มากมายอะไร
คนแก่บางคนในหมู่บ้านพูดถึงเขา เงินต้นทุนมันจะสักเท่าไหร่กันเชียว? หมูตัวเดียวก็ได้แล้วมั้ง
จี้เจี้ยนอวิ๋นหยิบลูกคิดออกมาดีดให้พวกเขาดูหากยังไม่เชื่อในต้นทุนคนเลี้ยงหมู บนภูเขามีคนงาน 4 คน 1 คนได้เงินเดือน 35 หยวน 4 คนก็จะคิดเป็นเงินเดือน 140 หยวน 1 ปีก็เท่ากับ 1,000 กว่าหยวนแล้ว
ทุกคนบอกว่านอกจากเขาจะเลี้ยงหมูก็ยังเลี้ยงไก่อีก ส่วนพื้นที่ 30 หมู่ก็เป็นพวกเขาที่ดูแล
ต่อให้เลี้ยงไก่ด้วย จี้เจี้ยนอวิ๋นก็บอกว่าสิ่งที่อยู่ในพื้นที่คือสินค้าที่จะส่งให้ร้านค้าในเมืองมหาวิทยาลัย ถ้าทำเงินไม่ได้ก็เท่ากับเป็นการประดับทิวทัศน์เปล่า ๆ ทำไมยังไม่เข้าใจกันอีก?
ส่วนเงินค่ามันเทศที่เขาให้ทุกคนก็มีทั้งจากมันเทศฤดูร้อนและมันเทศฤดูหนาว ซึ่งต้องใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากซื้อของแจกในช่วงปีใหม่ เงินพวกนี้ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นอีกเช่นกัน
และทุกครั้งที่เขาฉลองเทศกาล เขาต้องใช้เงินหลาย 100 หยวนอีกนะ
อย่าคิดว่าผู้ชายกลัดมันอย่างเขาจะร้องไห้ไม่เป็น เขาร้องไห้เป็น และไม่มีอะไรจะพูดกับทุกคนอีก
ในปีนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นมอบอาหารให้กับคนแก่ในหมู่บ้าน ซึ่งในหมู่บ้านมีผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 65 ปี รวม 14 คน เขาใช้วิธีขับรถไปส่งทีละบ้าน โดยคนแก่ในหมู่บ้านจะได้เส้นหมี่ขาวคุณภาพดี 1 ชั่ง ไข่ไก่ 3 ชั่ง เนื้อหมูชิ้นใหญ่ 1 ชั่ง ปลาตัวใหญ่จากอ่างเก็บน้ำอีก 1 ตัว จริงสิ ยังมีน้ำตาลทรายแดงอีก 2 ชั่งด้วย
คนแก่ในหมู่บ้าน 14 คนของทุกบ้านต่างได้รับของกันครบ
เรื่องอื่นไม่พูดถึงแล้ว พูดเพียงเรื่องการใช้จ่ายครั้งนี้ก็ถือเป็นผลงานครั้งยิ่งใหญ่ และมันต้องใช้เงินมากแค่ไหนละ?
ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงชื่อเสียงของจี้เจี้ยนอวิ๋นในหมู่บ้านเลย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ได้รับประโยชน์ต่างทนไม่ได้ที่คนในหมู่บ้านจะพูดถึงจี้เจี้ยนอวิ๋นในทางที่ไม่ดี
คราวก่อนที่ป้าหลี่พูดว่าร้าย ก็มีป้าคนหนึ่งพูดสวนกลับไป นางเป็นคนกตัญญู แต่งงานกับคนในหมู่บ้าน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็มอบของให้กับแม่ของนางผู้อยู่โดดเดี่ยวมากมาย นางจะทนเห็นป้าหลี่ทำลายชื่อเสียงของจี้เจี้ยนอวิ๋นได้อย่างไร?
เรื่องนี้ซูตานหงเองก็รู้เรื่อง และเข้าใจถึงเหตุผลที่ว่ายิ่งช่วยยิ่งเหลิง แต่สามีเธอทำเรื่องเช่นนี้ เธอเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร
สามีเธอเป็นผู้ชายจิตใจดี ต้องการสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับครอบครัว เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่สนับสนุนเขา
ต่อให้ในท้ายที่สุดผู้คนที่ได้รับสิ่งของจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นเช่นนั้น ซูตานหงก็ไม่ได้สนใจ เธอรู้ด้วยว่าสิ่งนี้ไม่อยู่ในการพิจารณาของสามีเธอ ผู้ชายของเธอเป็นคนใจกว้างมาก และเธอเชื่อว่าผู้ชายใจดีก็ไม่ได้แย่
ไม่เพียงแค่มองเพียงการพัฒนาของจี้เจี้ยนอวิ๋น แต่ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาจะมาถามภรรยาของเขาก่อน ถ้าภรรยาของเขาบอกว่าได้ เขาถึงจะทำ ถ้าบอกว่าไม่ได้ เขาจะเลิกทำมันโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
หลังจากจี้เจี้ยนอวิ๋นได้รับการยืนยันจากภรรยาแล้ว เขาจึงคิดจะทำสัญญาให้ชัดเจน วันถัดมาเขาจึงเดินทางไปที่บ้านของเหล่าไช่เพื่อพูดคุยถึงข้อตกลง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนบางคนก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกันนะคะ พอช่วยเหลือกลับกลายเป็นทำคุณบูชาโทษไปเสียอย่างนั้น ช่วยตามกำลังความเหมาะสมถึงจะดีที่สุดค่ะ
ไหหม่า(海馬)