ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 241 แค่ส่งของกินมาให้ฉันมันจะเป็นอะไรนักหนา?
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]
- ตอนที่ 241 แค่ส่งของกินมาให้ฉันมันจะเป็นอะไรนักหนา?
ตอนที่ 241 แค่ส่งของกินมาให้ฉันมันจะเป็นอะไรนักหนา?
ถึงทางด้านเมืองมหาวิทยาลัยมีการจ้างคนงานเพิ่มอีก 2 คน จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับไม่รู้สึกว่าเป็นการขาดทุน
ทุกวันนี้เขาต้องส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก หากไม่ใช่เพราะจี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อร้านนั้นมาจนทำให้ตอนนี้มีเงินไม่พอแล้วจริง ๆ เขายังอยากจะซื้อรถบรรทุกอีกคันที่ขนาดใหญ่กว่าคันที่บ้านเสียด้วยซ้ำ
มีสินค้าหลายอย่างที่ต้องขนส่ง ถ้าได้รถคันใหญ่กว่านี้จะสามารถขนของหมดภายในครั้งเดียวต่อวัน ไม่เหมือนรถคันนี้ที่บางครั้งจะต้องวิ่งวันละ 2 เที่ยว
ปีที่แล้วแม้จะหาเงินได้เยอะจากการขายหมู แต่หลังจากนั้นก็ใช้เงินไปไม่น้อยเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าทำสัญญาเช่าภูเขา ซื้อต้นกล้าผลไม้ จ่ายค่าแรงคนงานและรายจ่ายอื่น ๆ
ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงล้มเลิกความตั้งใจนี้ไปก่อน และขนส่งสินค้าอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป
ตอนนี้สตรอเบอรี่เริ่มออกสู่ตลาดแล้ว
ในช่วงนี้ของปีที่แล้วฉีฉียังไม่รู้วิธีกิน มีเพียงแค่กัดแทะเพื่อให้รู้รสชาติเท่านั้น ทว่าปีนี้เขาสามารถวิ่งเล่นไปทั่วภูเขาได้แล้ว
หนูน้อยวัย 2 ขวบเดินได้อย่างคล่องแคล่วแต่ก็ไม่ค่อยชอบเดิน เขามักจะวิ่งไปทั่ว เจ้าเด็กดื้อคนนี้กินจุมาก จึงไม่ได้มีรูปร่างผอมเพรียวอย่างที่เด็ก ๆ คนอื่นเป็น แต่ขอบอกว่าเด็กคนนี้มีจิตใจที่ดีมาก
ตั้งแต่สตรอว์เบอร์รี่บนภูเขาสุกเต็มที่ เขาก็ไม่สามารถอยู่บ้านเฉย ๆ ได้อีกต่อไป หลังจากกินอาหารในตอนเช้าเสร็จ เพื่อน ๆ ของเขาจะเข้ามาหา จากนั้นเด็กน้อยก็ดูราวกับนกที่บินได้ เขาจะไม่กลับมาจนกว่าจะถึงเวลากินอาหารเย็น ทุกครั้งที่กลับมาก็มีสภาพมอมแมมเหมือนลูกแมว ทั้งยังเล่าให้แม่ของเขาฟังว่าวันนี้เล่นสนุกอะไรไปบ้าง เช่น หาไข่นกหรืออะไรสักอย่าง
ตอนเหรินเหรินอายุเท่านี้ เขาทั้งสุภาพอ่อนโยนและน่ารัก แต่ลูกชายคนรองไปเอานิสัยดื้อซนเหมือนลิงทโมนนี้มาจากไหนกัน?
แต่ซูตานหงก็ไม่ได้บั่นทอนความกระตือรือร้นของเขา เพียงแต่กำชับให้ระมัดระวังเมื่อออกไปเล่นข้างนอก
“ผมรู้ครับ ผมไม่ได้ไปไหนไกล พวกโกว่ต้านชวนไปเล่นน้ำ ผมยังไม่ไปเลย” ฉีฉีกล่าว
“ลูกไม่ไปก็ดีแล้ว พ่อของลูกบอกว่าอายุเท่านี้ยังเล่นน้ำไม่ได้ ถ้าอายุ 6 ถึง 7 ขวบ เขาจะพาไปเล่นน้ำที่อ่างเก็บน้ำ ที่นั่นดีกว่าในแม่น้ำอีกไม่ใช่เหรอ?” ซูตานหงพูด
“ผมรู้ครับ” ฉีฉีกลอกตาเล็กน้อย
อันที่จริงเขาเคยถูกพ่อตีเพื่อสั่งสอน หากเขากล้าตามพวกเด็กโตไปเล่นที่แม่น้ำ ในอนาคตจะไม่ได้ไปที่อ่างเก็บน้ำอีกเลย ตอนนี้ที่อ่างเก็บน้ำกําลังคึกคักมาก มีทั้งเป็ดและแพะ โดยเฉพาะเป็ดที่ไม่มีบนภูเขาแห่งนี้
ความจริงแล้วเขาไม่เคยลงไปในแม่น้ำเลย เพียงแค่นั่งแกว่งเท้าเล่นริมตลิ่งก็ถูกพ่อตีไปหนึ่งที ทั้งยังขู่ว่าจะไม่พาเขาไปเลี้ยงเป็ดอีก เขายังไม่ได้ลงเล่นน้ำเลยด้วยซ้ำ
“พี่ชายกับพี่สาวของลูกกำลังช่วยกันเก็บสตรอเบอรี่อยู่บนภูเขา ทำไมไม่ไปช่วยล่ะ?” ซูตานหงถามอีกครั้ง
“ผมไปช่วยแล้ว เก็บได้ 1 ตะกร้าก็ไปวิ่งเล่น!” ฉีฉีบอก
“เมื่อวานพ่อของลูกกลับมาบอกว่าคุณย่าปวดเอว อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังต้องการกำลังคนไปช่วยงานอยู่ น่าเสียดายที่ลูกเก่งมากแต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ นึกว่าลูกจะโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้วซะอีก” ซูตานหงกล่าวอีกครั้ง
“ผมทำได้ครับ ผมเป็นผู้ใหญ่ได้!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของฉีฉีก็เป็นประกายและพูดขึ้นมาทันที
“ถ้างั้นลูกดื่มน้ำเสร็จก็ขึ้นไปบนภูเขาเถอะ” ซูตานหงบอก
“ได้ครับ!” ฉีฉีพยักหน้า
แม้เจ้าเด็กคนนี้จะซุกซนแต่เขาก็ทำตามที่พูดไว้ หลังจากดื่มน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่สะอาดแล้ว เขาก็ปฏิเสธคำเชิญของสหาย ก่อนจะมุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขา
เมื่อซูตานหงทำความสะอาดบ้านเสร็จก็ขึ้นไปบนภูเขาเช่นกัน
เหรินเหรินกับเยียนเอ๋อร์กำลังพักผ่อน และการพักผ่อนของพวกเขาคือการวาดรูป ซูตานหงเอ่ยถามขึ้น “น้องชายของพวกหนูอยู่ไหนเหรอจ๊ะ?”
“เขากำลังล้างสตรอเบอรี่และบอกว่าจะเอาไปให้คุณย่ากินค่ะ” เยียนเอ๋อร์กล่าว
เหรินเหรินบอกว่า “วันนี้น้องชายขยันมาก และยังเป็นห่วงคุณย่าเป็นพิเศษ ไม่ว่าคุณย่าจะไปที่ไหนเขาก็เดินตามไปทุกที่ คุณย่าบอกว่าจะไปบ้านคุณอาเล็ก เขาก็บอกว่าจะตามไปด้วย”
ซูตานหงยิ้ม “งั้นก็ปล่อยให้เขาตามไปเถอะ”
สุดท้ายแล้วสายสัมพันธ์แม่ลูกก็ยังคงอยู่ แม้ปีนี้จี้อวิ๋นอวิ๋นจะไม่ยอมกลับมาบ้านเดิม แต่แม่สามีของเธอก็ยังคิดจะเอาสตรอเบอรี่ไปให้สักหน่อย นางรู้ดีว่าช่วงตั้งครรภ์ควรกินผลไม้ให้มาก อีกอย่างบนภูเขาแห่งนี้ไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลง และผลไม้ก็ยังมีรสหวานอีกด้วย
“คุณอาเล็กไม่ชอบพวกเรา คุณนายสามอย่าให้ฉีฉีไปเลยนะคะ” เยียนเอ๋อร์กล่าว
เธอรู้สึกได้ว่าคุณอาเล็กคนนั้นไม่ชอบพวกเขาสามคนพี่น้อง
ซูตานหงไม่ว่าอะไร สิ่งที่เยียนเอ๋อร์พูดก็เป็นความจริง แต่จี้อวิ๋นอวิ๋นยังดีกับเยียนเอ๋อร์อยู่บ้าง ส่วนเหรินเหรินกับฉีฉีนั้นไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
แต่ปล่อยให้ฉีฉีไปเดินเล่นกับคุณย่าของเขาก็ไม่เป็นไรหรอก
เมื่อฉีฉีล้างสตรอเบอรี่เสร็จกลับมาก็เห็นว่าแม่ของเขาอยู่ที่นี่ด้วย จึงวิ่งเข้าไปพูดว่า “แม่ครับ คุณย่าบอกว่าตอนบ่ายวันนี้จะไปบ้านคุณอาเล็ก ผมก็จะไปด้วย!”
“ลูกถามคุณย่ารึยัง?” ซูตานหงกล่าว
“ถามแล้วครับ คุณย่าตกลง แล้วยังถามพี่ชายกับพี่สาวด้วย แต่พวกเขาไม่ไป” ฉีฉีตอบ
เขายังเด็กและไม่สามารถบอกได้ว่าดีหรือไม่ดี แต่เยียนเอ๋อร์กับเหรินเหรินรู้ความอย่างเห็นได้ชัด อีกอย่างนี่เป็นช่วงสุดท้ายแล้วที่เยียนเอ๋อร์จะได้อยู่ที่นี่ วันที่ 1 กันยายนปีนี้ เธอจะต้องไปอยู่ที่เมืองเจียงสุ่ยเพื่อเข้าเรียนชั้นอนุบาลแล้ว
“งั้นลูกก็ไปเถอะ แต่อย่าอยู่ห่างจากคุณย่ามากนะ ลูกต้องคอยดูแลคุณย่า เข้าใจไหม?” ซูตานหงพูด “ออกไปกับคุณย่าของลูกนะ แม่มอบหมายงานนี้ให้ลูก”
“ได้ครับ!” ฉีฉีตอบอย่างจริงจัง
ตอนบ่าย ฉีฉีเข้าไปในเมืองกับคุณย่าของเขา ปีนี้มีรถสามล้อรับจ้างแล้ว จากที่นี่ถึงตัวเมืองราคา 6 เหมาซึ่งไม่ถือว่าแพง หากเป็นเมื่อก่อนคุณแม่จี้คงไม่ยอมใช้เงินอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้นางมีฐานะร่ำรวย เมื่อต่อรองราคาเสร็จแล้ว ก็พาฉีฉีไปที่บ้านของลูกสาว
เพื่อป้องกันไม่ให้จี้อวิ๋นอวิ๋นชักสีหน้าใส่ลูกชายของเธอ ซูตานหงจึงขอให้แม่สามีนำไข่ 1 ตะกร้า ไก่ 1 ตัว สตรอเบอรี่ 1 ตะกร้าไปให้ และยังมีถั่วลิสงกับถั่วเหลือง ที่คุณแม่จี้ซื้อจากเพื่อนบ้านอีกไม่น้อย
“โชคดีจังที่แม่ยังจำได้ว่ามีลูกสาวอย่างฉัน ฉันแต่งงานออกมาตั้งนาน แม่เพิ่งมาเยี่ยมฉันแค่ครั้งเดียวเอง” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดขณะเดินลงบันได เมื่อเห็นฉีฉีหล่อนก็ขมวดคิ้ว “แม่มาที่นี่ก็มาเถอะ แต่ทำไมต้องพาลูกชายของหล่อนมาด้วย?”
อย่ามองว่าฉีฉียังเล็กจนไม่สามารถแยกแยะอารมณ์ของผู้ใหญ่ได้ แต่เขาเฉลียวฉลาดมาก เขารู้สึกได้ว่าคุณอาเล็กไม่ชอบเขา ดังนั้นเขาจึงทําหน้าตึงเครียดไม่พูดไม่จา แล้วเดินประกบข้างกายคุณย่าของเขา จะได้ไม่ถูกคุณอาเล็กคนนี้รังแก
แม่ของเขาต้องอธิบายเรื่องนี้!
“ไม่ต้อนรับเหรอ? ถ้าไม่ต้อนรับงั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ!” คุณแม่จี้พูดด้วยสีหน้าดำทะมึน
“แม่คะ ฉันไม่ได้ไม่ต้อนรับแม่นะคะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นตอบ
“นี่คือสิ่งที่พี่สะใภ้สามของแกฝากมาให้ ทั้งไข่ 1 ตะกร้าและไก่ตัวนี้!” คุณแม่จี้พูด
“แค่นี้เองเหรอคะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นเบ้ปาก “ถ้าฉันต้องรอของแค่นี้ ก็ไม่รู้ว่าฉันกับหลานของแม่จะต้องหิวโหยขนาดไหน!”
“เจี้ยนอวิ๋นบอกว่าได้ฝากฝังกับเหล่าฉินไว้แล้ว ถ้าพวกแกจะไปซื้อของ ก็สามารถซื้อได้ในราคาทุน” คุณแม่จี้กล่าว
“พี่สามก็ขี้งกเหมือนกัน ขี้งกกับน้องสาวแท้ ๆ อย่างฉันขนาดนี้เชียว ฉันท้องแล้ว แค่ส่งของกินมาให้ฉันมันจะเป็นอะไรนักหนา?” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูด
ตอนนี้อายุครรภ์ของหล่อนเกือบ 6 เดือนแล้ว เมื่อตั้งครรภ์แล้วจึงทำให้หล่อนดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นมาก
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พอรู้ว่าเป็นของสะใภ้สามนี่หาว่าน้อยทันทีเลยนะ มือเท้าก็ไม่ได้พิการนี่อวิ๋นๆ ซื้อกินเองไม่ได้เหรอ
ไหหม่า(海馬)