ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 245 บ๊ะจ่างหวานและบ๊ะจ่างเค็ม
ตอนที่ 245 บ๊ะจ่างหวานและบ๊ะจ่างเค็ม
ผู้คนในพื้นที่นี้โดยทั่วไปแล้วไม่ใช่คนเตี้ย ดูอย่างพ่อสามีของเธออย่างคุณพ่อจี้ก็ได้ ที่ตอนนี้ต่อให้เข้าสู่วัยกลางคนแล้วก็ยังตัวสูงถึง 1.75 เมตร
ยังมีจี้เจี้ยนกั๋ว จี้เจี้ยนเยี่ย และจี้เจี้ยนเหวินที่สูงราว 1.78 เมตรอีกด้วย ซึ่งสามคนนี้ไม่มีใครเตี้ยเลย แต่ถึงอย่างนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังเป็นคนที่ตัวสูงที่สุด
โดยเฉพาะในหลายปีที่ผ่านมาเขาก็ได้สูงขึ้นทีละน้อย มาถึงตอนนี้เขาก็สูงถึง 1.90 เมตรแล้ว
ซูตานหงเองก็ไม่ใช่คนเตี้ยเช่นกัน เธอลองวัดความสูงของตัวเองแล้วอยู่ที่ 1.68 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นความสูงมาตรฐาน
แล้วเธอเองก็ชอบคนตัวสูงด้วย ผู้ชายของเธออาจมีหน้าตาธรรมดาได้ แต่ต้องมีส่วนสูงอยู่ในระดับที่เข้าตาเธอ
ได้ยินภรรยาเอ่ยชมเช่นนั้น จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยิ้มจนเห็นฟันขาวเมื่อเห็นว่าในดวงตาของภรรยาเหมือนมีประกายระยิบระยับ
ซูตานหงมองค้อนเขาทีหนึ่งและเอ่ยเตือนให้เขาทำตัวดี ๆ เพราะยังมีเด็ก ๆ อยู่ด้วย
“หลี่จื้อดูน้ำหนักลดลงไปเยอะเลยนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดถึงเรื่องที่เอ่ยค้างไว้
“เขาดูผอมไปหน่อย แต่อีกไม่นานก็จะปิดเทอมแล้วนี่คะ เมื่อถึงช่วงสอบเข้าในเดือนมิถุนายน เขาก็พอจะมีเวลาหยุดพักผ่อนยาว ๆ แล้ว” ซูตานหงเอ่ย
คนเป็นครูก็ได้เงินเดือนขณะหยุดช่วงปิดเทอมเหมือนกัน ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนจนถึงราว ๆ วันที่ 1 ของเดือนกันยายน คิดเป็นเวลาสองเดือนครึ่ง
แต่ถึงตอนนั้นก็คงเป็นเวลาคลอดของจี้อวิ๋นอวิ๋นพอดี เขาคงจะไม่มีเวลาได้หยุดพักนานนัก หากไม่พึ่งพาหลี่จื้อแล้ว จี้อวิ๋นอวิ๋นจะดูแลลูกของหล่อนด้วยตัวเองได้เหรอ?
จี้เจี้ยนอวิ๋นส่ายหน้า “อวิ๋นอวิ๋นช่างไม่รู้ความเกินไปแล้ว”
“ถ้าคุณมีเวลาก็ขึ้นไปดื่มชากับคุณพ่อเถอะค่ะ” ซูตานหงไล่
เธอไม่สนใจจะฟังเรื่องของจี้อวิ๋นอวิ๋นแต่อย่างใด
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มและพักเรื่องนี้ไว้ ทุกครอบครัวต่างมีเรื่องของตัวเอง แม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่ก็เทียบไม่ได้กับเรื่องระหว่างสามีภรรยาหรอก
หลังจากสั่งซื้อลังโฟมสำหรับเชอร์รี่เมื่อปีที่แล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ค้นพบประโยชน์ของลังโฟมนี้ ไม่เพียงแต่สะดวกในการพกพา แต่ยังสะดวกในการขนส่งด้วย
การบรรจุผลไม้ลงทีละลังนั้นสะดวกเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ลูกค้าบางคนในเมืองมหาวิทยาลัยยังซื้อสินค้ากันคราวละลัง เพราะพวกเขาเป็นต่างผู้มีกำลังซื้อในท้องถิ่น
ชื่อเสียงของจี้เจี้ยนอวิ๋นโด่งดังจริง ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนอย่างลุงเกาที่ไม่ชอบไปซื้อของร้านอื่น
อย่างเช่นครั้งนี้ที่สตรอเบอรี่ของจี้เจี้ยนอวิ๋นสุกเต็มที่ ลุงเกาก็ส่งให้ไปให้ลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาคนละลัง
สตรอเบอรี่ 10 ชั่งนั้นเป็นจำนวนมากใช้ได้เลยทีเดียว
ไม่กี่วันต่อมา เขาก็โทรมาอีกและบอกว่าต้องการเพิ่ม
แล้วจะทำอะไรได้นอกจากว่าต้องส่งไปให้ถึงที่ เพียงแค่มีเงินพร้อมจ่ายสำหรับการขนส่งไกล ๆ ก็สามารถส่งไปให้ได้
ร้านค้าทั้ง 2 แห่งในเมืองมหาวิทยาลัยมีการจับจ่ายไม่น้อย ทั้งยังมีเหล่าฉินกับซูจิ้นตั๋งมารับสินค้าด้วย ส่วนร้านค้ารายย่อยอื่น ๆ ก็มารับเช่นกัน จี้เจี้ยนอวิ๋นขอให้จี้เจี้ยนเหอขนส่งกล่องสตรอเบอรี่ ช่างน่าชื่นใจจริง ๆ
เนื่องจากมันมีรสชาติอร่อยและราคาไม่แพง ทุกคนจึงชอบกินมาก โดยเฉพาะตอนนี้ที่หลาย ๆ คนมีกำลังซื้อ การซื้อ 1 ชั่งหรือครึ่งชั่งกลับไปกินก็ไม่ใช่เรื่องยาก
หลังจากฤดูกาลสตรอเบอร์รี่เสร็จสิ้นก็เข้าสู่ฤดูกาลของแตงโม
ช่วงฤดูกาลแตงโมก็คึกคักเช่นกัน แตงโมแต่ละลูกล้วนผลใหญ่ เหมาะอย่างยิ่งที่จะกินในช่วงฤดูร้อนอันอบอ้าวนี้
ตอนนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นมีลูกจ้างที่ทำงานให้เขาอยู่มาก จึงไม่ยุ่งเหมือนเมื่อก่อน
หากเป็นแต่ก่อนเขาต้องไปที่นั่นด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้มีซูจูเหมา สวี่เหอซานและจี้เจี้ยนเหอ 3 คนนี้ช่วยงานอยู่
จี้เจี้ยนเหอมีหน้าที่รับผิดชอบค่าส่งของร้านค้าปลีกรอบ ๆ ซูจูเหมากับสวี่เหอซานรับผิดชอบด้านขับรถไปขายแตงโม พวกเขาไปขายของที่เมืองเจียงสุ่ยในตอนเช้า และกลับมาในตอนเที่ยง
หลังจากกลับมาตอนเที่ยง จี้เจี้ยนเยี่ยเป็นคนรับผิดชอบขับรถส่งของไปยังเมืองมหาวิทยาลัย ปกติแล้วจี้เจี้ยนเยี่ยจะกลับมาราว 1 ถึง 2 ทุ่ม ในตอนค่ำ เพื่อเตรียมของไปขายในวันถัดไป
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ตอนนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นมีรถแค่คันเดียว? ทางฝั่งเหล่าฉินจำเป็นต้องใช้รถทุกวัน ดังนั้นจึงไม่สามารถยืมได้ จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็ไม่คิดจะยืม เพราะเขาวางแผนจะซื้อรถคันใหญ่ด้วยตัวเองในช่วงปลายปีนี้!
แต่ตอนนี้ยังมีเงินไม่พอ
ทั้งซูจูเหมาและสวี่เหอซาน 2 คนนี้มีประโยชน์มาก พวกเขามักจะส่งแตงโมไปขายยังเมืองเจียงสุ่ยในตอนเช้า หลังจากกลับมา พวกเขาสามารถนับเงินแล้วก็พักผ่อนได้ตลอดทั้งวัน
แต่โดยปกติแล้วทั้งคู่จะทำงานที่บ้าน
อย่างเช่นสวี่เหอซานที่เมื่อต้นปีนี้เขาแต่งงานกับจี้อวี้หลานแล้ว นับว่าเป็นคนมีความสามารถผู้หนึ่ง ภายใน 2 เดือนหลังจากแต่งงาน จี้อวี้หลานก็ตั้งครรภ์
ตอนนี้ก็ผ่านมา 3 เดือนแล้ว ตอนที่จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกเรื่องนี้แก่ซูตานหง ซูตานหงก็ดีใจมากกับสองสามีภรรยา
“วันมะรืนนี้ก็เป็นเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างแล้ว คุณไปคุยกับเหอซานนะคะ ให้พรุ่งนี้ตอนที่เขามาที่นี่ พาภรรยาเขามาช่วยฉันด้วย ฉันอยากห่อบ๊ะจ่างไว้เยอะ ๆ ค่ะ” ซูตานหงกล่าว
อันที่จริงเธอก็ชอบจี้อวี้หลาน ไม่สิ แค่อยากชวนจี้อวี้หลานมาเที่ยวที่นี่ การทำบ๊ะจ่างเป็นเรื่องสำคัญรองลงมา เนื่องจากเธอยังชวนหวังหงฮวา หลี่อวี้ซุ่ยและคนอื่น ๆ มาด้วย
เมื่อก่อนเธอเห็นสวี่เหอซานตอนที่เพิ่งแต่งงานใหม่ เขาสูงและรูปร่างผอม ทว่าทุกวันนี้เขามีเนื้อมีหนังมากขึ้น ทั้งยังดูมีชีวิตชีวา ใบหน้ายิ้มแย้ม มองแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นจี้อวี้หลานที่ดูแลเขาอย่างดี
“ได้สิ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม
เมื่อคุยกับสวี่เหอซาน สวี่เหอซานก็ตอบตกลง
หลังจากกลับไปบอกจี้อวี้หลานเรื่องนี้ จี้อวี้หลานก็ยิ้มแล้วพูด “ตั้งแต่แต่งงานมาฉันยังไม่ได้ไปหาพี่สะใภ้เลย วันพรุ่งนี้ฉันจะไปกับคุณค่ะ”
เมื่อสวี่เหอซานเห็นหล่อนเป็นแบบนี้ เขาก็รู้แล้วว่าระหว่างหล่อนกับเถ้าแก่เนี้ยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
วันรุ่งขึ้นจี้อวี้หลานก็มา
ซูตานหงยิ้มแล้วพูด “เธอมาเร็วมากเลย หงฮวากับคนอื่น ๆ คงใช้เวลาอีกสักพัก”
“พี่สะใภ้เรียกมากี่คนคะ?” จี้อวี้หลานยิ้ม
“พวกหล่อนที่ว่างอยู่ ฉันก็เรียกมาทุกคนเลย แต่มีบ๊ะจ่างให้ห่อเยอะมากเชียวล่ะ” ซูตานหงยิ้ม
เธอเตรียมบ๊ะจ่างหวานและบ๊ะจ่างเค็ม ทั้ง 2 แบบ
ชาติก่อนครอบครัวของเธออยู่ทางใต้จึงมักจะกินบ๊ะจ่างเค็ม แต่ในชีวิตนี้เธอได้กินแต่บ๊ะจ่างหวาน เนื่องจากที่นี่นิยมกินรสหวาน ในช่วงแรกเธอไม่ชินกับมันจริง ๆ
ดังนั้นจึงทำบ๊ะจ่างเค็มใส่หมูสามชั้นกินเอง คาดไม่ถึงว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นจะกินมันและชมว่าหอมมาก ทั้ง ๆ ที่เขาไม่คุ้นเคยกับมันเลยสักนิด
คุณแม่จี้กินแล้วก็บอกว่าอร่อย แถมยังพูดอีกว่า “เมื่อก่อนคนแถวนี้หลายคนก็เคยกินบ๊ะจ่างเค็มกันนะ แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หันไปกินแบบหวานกันหมด จึงไม่ค่อยได้เห็นบ๊ะจ่างเค็มอีก พอได้กินแล้วรู้สึกว่ามันอร่อยจริง ๆ”
ไม่นานนักบรรดาภรรยาคนงานก็เข้ามา ส่วนพวกเด็ก ๆ ก็ถูกพาไปที่สวนผลไม้บนภูเขา ประตูถูกล็อคเอาไว้และไม่มีใครสามารถออกไปได้ พวกเขาขึ้นไปช่วยจับแมลงและเก็บไข่อย่างสนุกสนาน
ส่งผลให้บรรดาแม่ ๆ มารวมตัวกันเพื่อทำบ๊ะจ่างและเริ่มพูดคุยหัวเราะด้วยกัน
คนประมาณ 7 ถึง 8 คน บ้างรับผิดชอบการห่อบ๊ะจ่าง บ้างรับผิดชอบการนึ่งบ๊ะจ่าง เป็นการแบ่งงานที่ชัดเจนและมีชีวิตชีวามาก
………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
การทำบ๊ะจ่างแต่ละทีนี่เหมือนวันรวมญาติอยู่กลาย ๆ เลยค่ะ ต้องมีหลายคนช่วยกันทำ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางทำเสร็จ แค่ผัดข้าวเหนียวกับห่อบ๊ะจ่างก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว
ไหหม่า(海馬)