ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 251 เขาอายุมากแล้ว
ตอนที่ 251 เขาอายุมากแล้ว
สายตาคุณป้าหยางฉายแววเป็นประกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ท่ามกลางบรรดาชายหนุ่มทั้งหมดของหมู่บ้าน นางประทับใจในตัวจี้กวงซงที่สุด
เขาทั้งตัวสูง ตั้งใจทำมาหากิน และเป็นที่พึ่งของครอบครัวได้ อีกทั้งพี่สาวทั้ง 6 คนของเขาที่แต่งออกไปหมดแล้วยังได้ได้รับความช่วยเหลือจากเขา จนสามารถผ่านพ้นความยากลำบากและมีความเป็นอยู่ที่ดีได้อย่างทุกวันนี้
ทุกคนต่างรับรู้เรื่องนี้ดี เป็นธรรมดาที่คุณป้าหยางจะพึงพอใจในตัวเขา
เพียงแต่…
“ปีนี้กวงซงอายุ 20 แล้วไม่ใช่เหรอ? แม่ของเขาน่าจะช่วยแนะนำใครสักคนให้มาตั้งนานแล้วนะ” ป้าหยางถาม
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียว จึงคาดเดาไม่ยากว่าจะแม่ของเขาต้องมีการแนะนำว่าที่ภรรยาให้แล้ว
การเป็นลูกชายคนเดียวมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แม้เขาจะได้ครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดเพียงผู้เดียว หากแก่ตัวลง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ต้องดูแลทุกอย่างคนเดียว ไม่มีพี่ชายน้องชายคนไหนคอยช่วยเหลือ
แต่สำหรับหมู่บ้านแห่งนี้ ข้อเสียนั้นไม่ใช่ปัญหา ด้วยชาวบ้านทุกคนพร้อมใจกันช่วยเหลือเขาอยู่แล้ว
เมื่อเทียบกันแล้วข้อดีจึงมีน้ำหนักมากกว่า พ่อแม่ของกวงซงเป็นคนขยันขันแข็งและมัธยัสถ์ ต้องมีทรัพย์สมบัติเก็บไว้อย่างแน่นอน
แน่นอนว่าคุณป้าหยางไม่ได้เห็นเรื่องนี้เป็นประเด็นหลัก สิ่งสำคัญคือชายหนุ่มเป็นคนดีหรือไม่ ส่วนเรื่องพื้นเพครอบครัวนั้นเป็นเรื่องรอง การที่พ่อแม่สามีมีเงินทองเยอะไม่ใช่ลาภก้อนโต เพียงช่วยลดความกดดันของจี้กวงซงเท่านั้น
“เพราะอายุ 20 แล้วแม่ของเขาเลยกังวลไงคะ แต่เจ้าตัวก็บอกเจี้ยนอวิ๋นเองว่ายังเร็วไป เขายังไม่คิดจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้ เห็นว่าจะรออีก 3 ปีน่ะค่ะ ตอนนี้ต้าหยาอายุ 15 ยังเด็กไปหน่อย แต่อีก 3 ปีก็จะอายุ 18 ปีแล้ว เดี๋ยวนี้เวลาผ่านไปเร็วมาก คุณป้าคะ ฉันรู้สึกว่าไม่นานมานี้เหรินเหรินกับฉีฉียังเด็กมากอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับวิ่งซนไปทั่วแล้ว” ซูตานหงบอกพร้อมรอยยิ้ม
คุณป้าหยางหัวเราะออกมา
“พ่อหนุ่มกวงซงเป็นคนดีมากเลยนะ” ลุงหยางกล่าวออกมาเช่นกัน
“ถ้าไม่ดีฉันไม่กล้ามาแนะนำให้หรอกค่ะ ถึงยังไงต้าหยาก็ต้องแต่งงานอยู่ดี ฉันเลยอยากจะมาถามว่าขัดข้องอะไรไหมน่ะค่ะ? ถ้าไม่ติดอะไรปีหน้าค่อยคุยเรื่องแต่งงานในอีก 3 ปีก็ยังไม่สายค่ะ” ซูตานหงบอก
“เดี๋ยวฉันจะถามต้าหยาให้ตอนที่หล่อนกลับมาแล้วกันนะ” คุณป้าหยางพยักหน้ารับ
แน่นอนว่าเรื่องของจี้กวงซงต้องคุยกันให้เรียบร้อยก่อน นางมั่นใจว่าหลานสาวของตนเป็นคนดี ตานหงถึงได้แนะนำจี้กวงซงให้แต่งงานด้วย
หลังซูตานหงกลับไปนางก็บอกกับสามี “กวงซงก็ดูใช้ได้เลยนะ แต่ฉันว่าหม่าฮุ่ยคงไม่ยอมให้ต้าหยาแต่งงานเร็วขนาดนี้หรอก”
สะใภ้ใหญ่ของนางวาดหวังให้ลูกสาวแต่งงานกับเศรษฐีในเมืองเพื่อเป็นที่พึ่งให้กับครอบครัวได้
“อายุ 18 ก็ไม่เด็กแล้ว ถึงตอนนั้นกวงซงอายุ 23 พอจะดูแลครอบครัวได้แล้ว พวกเขาอายุห่างกัน 5 ปี แต่งกันไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอนาคตของหล่อนอีก” คุณลุงหยางบอกเป็นเชิงเห็นด้วย
เขารู้จุดประสงค์ของสะใภ้ใหญ่ดี หากแต่ก็รู้นิสัยใจคอของหลานสาวคนโตว่าเป็นอย่างไร เธอเป็นคนซื่อตรงและไม่คิดเอาเปรียบใคร เธอจะยอมแต่งงานแบบนั้นได้อย่างไรกัน?
การแต่งงานกับคนในหมู่บ้านเดียวกันย่อมเป็นเรื่องดีกว่า อีกทั้งจี้กวงซงยังมีแต่คนรักใคร่ คงเส้นคงวา ใช้ชีวิตครอบครัวอย่างเรียบง่าย หลานสาวน่าจะเหมาะสมกับเขามากกว่า
หยางต้าหยาจะกลับมาเดือนละครั้ง เธอช่วยสะใภ้รองซูทำงานช่วงเช้าจนเสร็จ และไม่กลับจนกว่าจะ 9 โมงเช้า ใช้เวลาเดินทางกลับบ้านราว 1 ชั่วโมง ก่อนจะมาถึงหมู่บ้านในเวลาราว 10 โมง
เธออยู่จนทานมื้อเย็นเสร็จ และกลับเข้าเมืองไปทำงาน
เดือนนี้เธอกลับมาในเสื้อผ้าชุดใหม่ที่สะใภ้รองซูซื้อให้ แม้ว่างานที่ร้านจะยุ่งแต่ก็นับว่ามีเวลาว่างเมื่อเทียบกับงานในหมู่บ้าน ทั้งยังไม่ต้องไปตากแดดตากฝน มีอาหารกินครบ 3 มื้อ แถมยังรสชาติอร่อย 2 ปีที่ผ่านมาเธอจึงเติบโตขึ้นมาก แม้ว่าจะอายุเพียง 15 แต่ก็สูงถึง 155 เซนติเมตร เทียบกับหญิงสาวส่วนใหญ่ในหมู่บ้านแล้ว เธอนับว่าเป็นคนตัวสูงทีเดียว
เธออายุยังน้อยและเติบโตได้อีกมาก ถึงตอนนั้นคงสูงไม่ต่ำกว่า 160 เซนติเมตร เป็นส่วนสูงที่เหมาะสมจี้กวงซงซึ่งสูงมากกว่า 180 เซนติเมตร ความสูงที่ต่างกันนี้ทำให้เธอยิ่งเป็นที่น่าปกป้องของเขา
แม้ซูตานหงจะไม่รู้ว่าเหตุใดต้องคอยปกป้องเธอก็ตาม
นอกจากหยางต้าหยาจะกลับมาและเอาเงินมาให้ทางบ้านแล้ว ยังแวะมาหาคุณย่าของเธออีกด้วย
เธอเอาเงินมาให้พวกเขา 3 หยวน
“ไม่ต้องเอาเงินมาให้ย่าหรอก ให้พ่อแม่เก็บไว้เถอะ จะได้ไม่โดนแม่ว่าไง” คุณป้าหยางเอ่ย
เธอเม้มปากก่อนว่าขึ้นเสียงค่อย “แม่ไม่รู้เรื่องเงินนี้หรอกค่ะ เดือนที่แล้วเถ้าแก่ขึ้นเงินเดือนให้เป็น 28 หยวน แต่เขาไม่ได้บอกใคร แล้วให้หนูเก็บไว้เอง แต่ว่าหนูไม่รู้จะเก็บไว้ที่ไหน เลยเอามาให้ย่าเก็บให้ค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็พยักหน้ารับ “งั้นย่าจะเก็บเอาไว้ให้แล้วกัน ตอนแต่งงานจะได้ใช้เป็นสินเดิมได้!”
ได้เห็นหลานสาวมีความสุขอย่างนี้ จะมีอะไรดีไปกว่านี้ล่ะ? เธอหน้าตาดีกว่าหญิงสาวชาวบ้านคนอื่น ๆ และยังผิวพรรณขาวกระจ่างใส มือเท้าไม่หยาบกระด้าง เนื่องจากไม่ต้องไปทำสวนมา 2 ปีแล้ว
“คุณย่าเอาไปซื้อเนื้อกินเถอะนะคะ หนูยังเด็กเกินกว่าจะแต่งงาน” หยางต้าหยาบอกพลางส่ายหน้า
“ช้าไปต่างหาก ปีนี้อายุ 15 แล้ว อีก 3 ปีก็จะ 18 เวลาผ่านไปเร็วจะตาย” คุณป้าหยางเอ่ย
เป็นธรรมดาที่เด็กสาวจะเขินอายเมื่อพูดถึงเรื่องแบบนี้ หยางต้าหยาก็เช่นกัน พวงแก้มของเธอขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย
คุณป้าหยางยิ้มและถามขึ้น “ต้าหยา รู้จักจี้กวงซงหมู่บ้านเราหรือเปล่า?”
“ค่ะ” หยางต้าหยาชะงักไปเมื่อได้ยินคำถาม และพยักหน้ารับแม้จะไม่เข้าใจก็ตาม
“คิดว่าเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ?” คุณป้าหยางเอ่ย
“คุณย่าคะ ถามอะไรน่ะ หนูอายุ 15 เองนะคะ” หยางต้าหยาเข้าใจและมีสีหน้าเขินอาย
“ย่ารู้ว่าหลานอายุ 15 ลองคิดดูก่อนไม่ได้เหรอ? คิดยังไงกับเขาล่ะ เขาอายุมากกว่าแค่ 5 ปีเอง พื้นเพทางบ้านก็ดีมาก ปู่กับย่าก็ถูกชะตากับเขา และยังเป็นคนที่ตานหงพี่สะใภ้ของเธอแนะนำให้ด้วย ทั้งปู่กับย่าเลยคิดว่าเขาคงเป็นคนดีมาก” ป้าหยางบอก
“เขา เขาอายุมากแล้วนี่คะ” หยางต้าหยาว่าเสียงเบา
“อายุมากเหรอ?” คุณป้าหยางหัวเราะ “กวงซงแก่กว่าหลานแค่ 5 ปีเอง แต่เพราะทำงานสวนตลอดปี เขาเลยดูแก่กว่าอายุจริง แต่คนอย่างเขาก็เป็นอย่างนั้นแหละ รอดูเถอะ ตอนที่อายุมากกว่า 30 ปี เขาก็จะยังหน้าตาเหมือนเดิมและไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ตอนแรกหลานก็ไม่ชอบลุงเจี้ยนอวิ๋น และบอกว่าเขาแก่เกินไป ดูเขาตอนนี้สิ หลายปีผ่านไปยังดูเหมือนเดิมอยู่เลย กวงซงก็เหมือนกับเขานั่นแหละ การที่เขาอายุ 20 ปีขึ้นไปอาจจะเป็นข้อเสีย แต่ตอนที่อายุมากขึ้นนั่นแหละก็จะกลายเป็นข้อดีของเขา”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โบราณว่าขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด ถึงตอนนั้นก็คงแซบลืมเลยนะคะ
ไหหม่า(海馬)