ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 256 มีคุณพ่อทูนหัวเพิ่ม
ตอนที่ 256 มีคุณพ่อทูนหัวเพิ่ม
“ภรรยา ดูสิครับว่านี่คืออะไร?” จี้เจี้ยนอวิ๋นส่งเอกสารให้เธอ
ซูตานหงที่ไม่รู้เรื่องอะไรหยิบมันมาเปิดดูแล้วก็ถึงกับอึ้งไป “นี่เป็นโฉนดบ้านในปักกิ่งจริง ๆ เหรอคะ?”
“ครับ คุณตาคนที่ผมเจอในซอยครั้งที่แล้วไงครับ เขามองแวบเดียวก็รู้ว่าผมเคยเป็นทหารมาก่อน คุณจำได้ไหม?” จี้เจี้ยนอวิ๋นยกยิ้ม
“แล้วยังไงเหรอคะ?” อันที่จริงซูตานหงจำไม่ได้แต่อย่างใด แต่เธอก็ยังถามต่อ
“ไม่เห็นเหรอครับว่าเขาอยู่คนเดียว? ตอนเย็นผมซื้อเกี๊ยวและไปเยี่ยมเขา เขาอยากจะเก็บเงินไว้เลี้ยงตัวเอง เลยมาถามผมว่าอยากจะซื้อบ้านข้าง ๆ ที่เป็นของครอบครัวเขาหรือเปล่าน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
“แล้วคุณก็ตกลงเหรอคะ?” ซูตานหงมองหน้าสามีตัวเอง ซื่อบื้อหรือเปล่า? ซื้อบ้านที่ปักกิ่งจะไปมีประโยชน์อะไรกัน?
“ครับ มันก็แพงกว่าปกตินิดหน่อย” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“คุณเลยให้เงิน 10,000 หยวนที่ขายหมูได้กับฉัน แล้วเอาเงินที่เหลือไปซื้อบ้านหลังนั้นเหรอคะ?” ซูตานหงเหลือบมองเขา
เมื่อปีก่อนครอบครัวของเธอได้รายได้มหาศาลจากการขายหมู ต่อให้ซูตานหงไม่ได้นั่งคำนวณ เธอก็รู้ว่าเป็นเงินจำนวนมาก
เนื้อหมูชั่งหนึ่งตกราคาหลายหยวน หมู 1 ตัวหนัก 300 ชั่งได้ พวกเขาเชือดหมูไป 29 ตัว อย่างไรก็คงทำเงินได้ถึง 30,000 หยวน
เขาให้เธอมา 10,000 หยวน ส่วนที่เหลือเขานั้นเก็บไว้เอง แม้เธอจะเคยคิดว่าเจี้ยนอวิ๋นจะหัดเก็บเงินส่วนตัวไว้เองบ้างหรือไม่? หากแต่เธอเองก็รู้สึกว่าผู้ชายควรจะเก็บเงินไว้เองบ้างเช่นกัน จึงไม่ได้คิดมากเรื่องนี้นัก
ถึงอย่างไรปีนี้ก็ใช้เงินซื้อร้านค้าไปมาก และมีอีกหลายอย่างที่ต้องใช้จ่าย
เธอถึงไม่ต้องการให้เขานำเงินไปซื้อบ้านในปักกิ่ง
“เราไม่ได้ตั้งใจจะไปอยู่ที่ปักกิ่งอยู่แล้ว จะซื้อบ้านที่นั่นไปทำไมคะ?” ซูตานหงบอกไปตามตรง
อีกทั้งราคาบ้านในปักกิ่งยังแพงหูฉี่
“มันใกล้กับจัตุรัสเทียนอันเหมินน่ะครับ เราจะได้ไปดูธงแดง 5 ดาวได้บ่อย ๆ ไงครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
ซูตานหงไม่เข้าใจสามีแม้แต่น้อย เมื่อครั้งที่เขาไปปักกิ่งปีก่อน แม้ตอนเช้าอากาศจะหนาวจนแทบแข็ง แต่เขายังตื่นแต่เช้าและพาลูกชายทั้งสองไปดูธงแดง 5 ดาวโบกสะบัด เธอไม่ได้ไปด้วยเพราะเมื่อคืนก่อนนอนดึก
ชายคนนี้ช่างศรัทธาในประเทศชาติของเขาจริง ๆ
ซูตานหงถึงไม่ได้ออกความเห็น และถามขึ้นในฐานะที่เป็นนายหญิงของบ้าน “ราคาเท่าไหร่นะคะ?”
“20,000 หยวนครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ
ครั้งนี้เขาใช้เงินไปถึง 20,000 หยวน นับว่าราคาแพงเหลือเกิน ซูตานหงเหลือบมองเขา “ตาโง่”
“ภรรยาครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นสวมกอดภรรยา “ผมคิดมาดีแล้วนะ ประเทศของเราต้องก้าวหน้าขึ้นมากอีกแน่ ถึงเวลานั้นราคาบ้านของเราก็จะขึ้น ถ้าอยากปล่อยให้เช่าก็ทำได้ แล้วค่อยเก็บไว้อยู่ตอนบั้นปลายชีวิตหลังปล่อยเช่าก็ได้ครับ ลุงจางที่อยู่ข้างบ้านบอกว่าถ้าผมอยากย้ายไปปักกิ่ง เขาจะช่วยอบรมสั่งสอนเหรินเหรินกับฉีฉีให้”
“เขาเป็นใครเหรอคะ?” ซูตานหงถามขึ้น
“เป็นอาจารย์อาวุโสที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งครับ!” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
จี้เจี้ยนอวิ๋นเพิ่งรู้เรื่องนี้ตอนแวะเอาเกี๊ยวไปฝากเขา มีคนให้ความเคารพเขามาก แต่เขากลับอยู่อย่างโดดเดี่ยว ตอนนี้อายุเกือบ 60 ปีแล้ว
“ครั้งนี้คุณเอาของไปเสียเยอะเลย เอาไปให้เขาเหรอคะ?” ซูตานหงถาม
สามีของเธอไปคราวนี้ได้นำของติดไปเป็นจำนวนมาก อย่างถั่วลิสง ถั่วเหลือง และน้ำผึ้งจากที่บ้าน อะไรที่เขานำไปได้ ก็จะติดไปฝาก นับว่าไม่น้อยทีเดียว
แต่ถึงอย่างไรเขาก็ร่างใหญ่กำยำพอ ไม่อย่างนั้นเขาคงขนไปไม่ไหว
“ตอนแรกผมจะให้คุณลุงจางต่อรองราคาในฐานะที่เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน แต่เขาก็ไม่ยอมทำ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม
ซูตานหงเชื่อว่าเขาคงมีโชค ถึงได้เจอกับคนที่อยู่ตัวคนเดียว และยังเป็นคนใหญ่คนโตเสียด้วย
“ผมรับปากกับเขาไว้ว่าปีนี้จะพาคุณกับลูกไปหาเขา” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
ซูตานหงไม่ได้พูดอะไร ดีเหมือนกัน ถึงอย่างไรเธอก็อยากไปเดินดูพระราชวังต้องห้ามอีกครั้ง
ใช่แล้ว พระราชวังต้องห้ามคือที่พำนักขององค์จักรพรรดิในชาติก่อนของเธอ เมื่อก่อนมันเป็นสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า แต่ปัจจุบันเธอสามารถเข้าไปเดินชมได้แล้ว
หากแต่เธอก็ยังไม่เข้าใจความคิดของสามีตัวเองเท่าไรนัก
เขาเป็นเพียงชายสูงวัยที่บังเอิญได้พบกัน แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังสามารถผูกมิตรกับเขาได้ และยังเอาของมากมายไปฝากอีกด้วย
ประเด็นสำคัญคือเขามาถามจี้เจี้ยนอวิ๋นว่าต้องการซื้อบ้านหรือไม่ ทั้งที่ราคาถึง 20,000 หยวน แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังตกลงซื้อ
ในขณะเดียวกันที่ปักกิ่ง
คุณลุงจางกำลังหยิบถั่วเหลืองและถั่วลิสง เขาเก็บไว้กินบางส่วน ส่วนที่เหลือนั้นเอาไปแจกจ่ายให้เพื่อนบ้าน
“อาจารย์จางครับ คนที่แวะมาหาที่บ้านเมื่อวันก่อนเป็นใครเหรอครับ?” เพื่อนบ้านถามอย่างยิ้มแย้ม
เขาเป็นถึงอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง แม้ตอนนี้เขาจะแก่ตัวลง แต่ก็ยังทำงานอยู่ เพื่อนบ้านคนไหนจะไม่ให้เกียรติเขาบ้าง?
“ลูกชายทูนหัวของฉันเอง อุตส่าห์บอกเขาแล้วว่าไม่ต้องเอาของมาฝากมากขนาดนี้ แต่เขาก็ยังรั้นจะเอามาให้ ฉันกินคนเดียวไม่หมดหรอก เธอมาแบ่งไปก็ได้นะ” คุณลุงจางว่าขึ้นคล้ายจะไม่เห็นด้วย
หากแต่ใคร ๆ ก็มองออกว่าน้ำเสียงเขามีความสุข
“โอ้ เป็นคนที่กตัญญูมากเลยนะครับ เขาอุตส่าห์ขนของมาฝากถึงที่นี่ตั้งมากมายขนาดนี้” เพื่อนบ้านบอกพร้อมรอยยิ้ม
แต่เพื่อนบ้านบางคนกลับถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง พวกเขาต่างต้องการให้คุณลุงจางยอมรับเป็นญาติ ต่อไปบ้านหลังนี้มีหรือจะตกเป็นของใครนอกจากพวกเขา? ไม่คิดว่าอาจารย์อาวุโสท่านนี้จะมีลูกชายทูนหัวแล้ว พวกเขาเคยเจอจี้เจี้ยนอวิ๋นมาก่อน เขาเติบโตมาเป็นชายร่างสูงใหญ่ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเคยเป็นทหารมาก่อน
ครั้งนี้เขากลับมาและเอาของมาฝากมากมายเพียงนี้ ตำแหน่งลูกชายทูนหัวคงไม่มีทางว่างแล้ว
อาจารย์จางกลับมาถึงบ้าน เขาดื่มน้ำผึ้งให้ชุ่มคอ บางทีอาจเป็นเพราะเขากำลังอารมณ์ดี ถึงได้รู้สึกว่าน้ำผึ้งที่ชายหนุ่มเอามาให้นั้นหวานอร่อยมากกว่าปกติ!
เขาเองก็สังเกตเช่นกัน เมื่อได้ดื่มน้ำผึ้งเป็นประจำทุกเช้าเย็น เขาก็รู้ถึงสรรพคุณของน้ำผึ้งนี้ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากระบบย่อยอาหารของคนสูงวัยที่มักมีปัญหาบ่อย ๆ ดีขึ้นมาก
จี้เจี้ยนอวิ๋นเคยนำมาให้ 3 ขวด รวมแล้ว 2 ชั่งได้ เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนเก่าแก่ของเขาตะโกนจนไม่มีเสียง เขาก็ได้ให้ไป 1 ขวด แต่นึกไม่ถึงว่าเพื่อนจะมาขอกับเขาอีก
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวลูกชายทูนหัวของฉันจะมาหาอีก แล้วฉันจะเอาไปให้นายสักขวดแล้วกัน นายก็ค่อย ๆ ดื่มขวดนี้ไปได้เต็มที่เลย” คุณลุงจางบอก
“ลูกชายทูนหัวเหรอ?” เพื่อนเก่าแก่ของเขาชะงักไป “นายไปมีลูกชายทูนหัวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“นายจะมาสนใจอะไรเรื่องฉัน!” คุณลุงจางกลอกตาไปมา
“หาเวลาพามาเจอหน่อยสิ นายเคยยอมรับใครด้วยเหรอ?” เพื่อนเก่าแก่ของเขาว่าขึ้น
“ไว้คุยกันครั้งหน้าเถอะ เขาเองก็งานยุ่ง” คุณลุงจางบอก
จี้เจี้ยนอวิ๋นที่อยู่ห่างออกไปในชนบทมีพ่อทูนหัวเพิ่มโดยไม่รู้ตัว แต่ช่วงสุดสัปดาห์นี้พ่อทูนหัวของเขาก็สั่งให้คนมาซ่อมแซมบ้านที่เขาซื้อไว้ บ้านทั้งหลังจึงถูกปรับปรุงใหม่หมด พร้อมให้ทั้งครอบครัวย้ายเข้ามาอยู่
…………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ดวงผู้ใหญ่อุปถัมภ์ของพี่จี้แรงมาก อนาคตถ้าได้มาอยู่ในปักกิ่งคงจะรุ่งแน่นอน
ไหหม่า(海馬)