ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 261 เฟื่องฟู
ตอนที่ 261 เฟื่องฟู
ตัวโรงงานอยู่ห่างจากหอพักพอสมควร และหล่อนก็รำคาญที่จะวิ่งไปวิ่งกลับ จึงขอที่พักกับทางโรงงาน ซึ่งทางโรงงานก็เห็นชอบ
จี้อวิ๋นอวิ๋นเริ่มทำงานกับโรงงานทันที เมื่อทำงานมาจนถึงวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดที่หาได้ยากเอามาก ๆ หล่อนจึงกลับบ้านสามีเพื่อบอกเรื่องนี้กับหลี่จื้อ
หลี่จื้อทำท่าจะไม่พูดอะไร แต่ก็ยอมพูดออกมาในที่สุด “ในโรงงานมันวุ่นวาย คุณกลับมาอยู่บ้านเถอะ”
ครั้นจี้อวิ๋นอวิ๋นได้ยินเข้าแบบนั้น หล่อนก็คิดว่าหลี่จื้อต้องการเหนี่ยวรั้งตนไว้ เหอะ เขาเพียงวิ่งกลับบ้านและบอกกล่าวให้หล่อนกลับไปด้วยกันงั้นเหรอ? ไม่มีทาง!
แน่นอนว่าหล่อนปฏิเสธ
หลี่จื้อไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะเขารู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูดมากไปกว่านี้เมื่อหล่อนแสดงท่าทางแบบนั้น
จากนั้นเขาก็กลับออกไป ส่วนจี้อวิ๋นอวิ๋นเองไม่ค่อยได้กลับบ้านเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงอยากจะกลับไปบอกว่าตนกำลังจะไปทำงานหาเงิน อีกทั้งตอนนี้หล่อนไม่ต้องเป็นแม่บ้านอีกแล้วด้วย
แต่พอกลับมาถึงบ้าน คุณแม่จี้กลับสาปแช่งหล่อนอย่างเผ็ดร้อน จี้อวิ๋นอวิ๋นถูกตำหนิอย่างรุนแรงจนรับไม่ไหว หล่อนจึงจากไปด้วยความขุ่นเคือง
เพราะแบบนี้เอง คุณแม่จี้จึงโมโหจนต้องนอนซมอยู่บนเตียงไปหนึ่งวันเต็ม
เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นรู้เรื่อง เขาก็โมโหมากเช่นกันแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ซูตานหงเองก็ดูออกว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นได้สะบั้นสายใยพี่น้องเส้นสุดท้ายที่เจี้ยนอวิ๋นมีให้กับหล่อนแล้ว
แต่เธอไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก ช่วงนี้ท้องฟ้าแจ่มใสมากและสามารถปลูกพืชเพิ่มได้ในฤดูกาลนี้ ซึ่งไม่มีอะไรเหลือให้ปลูกมากเท่าใด มีแค่ต้องปลูกถั่วลิสงและถั่วเหลือง ถั่วพวกนี้เป็นที่นิยมมากในเมืองมหาวิทยาลัย และถั่วเขียวของเขาก็เป็นที่นิยมเช่นกัน แถมถั่วเขียวยังให้ผลผลิตสูงและมีวงจรการเจริญเติบโตสั้นกว่าพืชชนิดอื่น ๆ
จี้เจี้ยนอวิ๋นคงให้ใครสักคนปลูกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ไปนั่งเล่นที่บ้านเหล่าหม่า
สำหรับที่บ้านเหล่าหม่า การมาถึงของเขากล่าวได้ว่าเป็นหินนำโชคเลยทีเดียว
เขาอยากเปลี่ยนมือสวนผลไม้ของเขาให้กับจี้เจี้ยนอวิ๋น แต่ครั้งก่อนจี้เจี้ยนอวิ๋นยุ่งมาก ไม่มีเวลาว่างก็เลยถูกปฎิเสธไป
ครั้งนี้อีกฝ่ายคงจะว่างบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มาที่นี่
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการ จี้เจี้ยนจวิ๋นก็ได้ครอบครองภูเขาอีกลูกหนึ่ง
บนเนินเขาแห่งนี้เขาไม่ได้วางแผนที่จะปลูกอะไรอย่างอื่นนอกจากเชอร์รี่ และพุทราแดงสองอย่างนี้
ยอดขายของพุทราแดงถือว่าต่ำกว่าเชอร์รี่ แต่ก็ไม่เป็นที่น่ากังวลมากนัก ถึงแม้จะขายไม่ออก มันก็ยังสามารถนำไปตากแห้งและเก็บไว้ได้ เขามีร้านค้า 2 แห่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเมืองเจียงสุ่ย ซึ่งตรงนั้นขายพุทราแห้งดีทีเดียว
รถยนต์ของที่บ้านไม่ว่างแล้วเพราะต้องส่งสินค้าทุกวัน เขาเลยไปยืมรถจากเหล่าฉิน เหล่าฉินใช้รถขนของเข้าช่วงเช้าเสร็จแล้ว เหลือเพียงขนอีกรอบหนึ่งในตอนเย็นเท่านั้น ด้วยเหตุที่ยังมีช่วงว่างนี่เอง เจี้ยนอวิ๋นถึงต้องมายืมรถของอีกฝ่าย
“ทำเพิ่มอีกสวนหนึ่งแล้วเหรอ?” เมื่อเหล่าฉินได้ยินเช่นนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
นี่ก็เท่ากับว่าเป็นสวนผลไม้แห่งที่ 3 แล้วน่ะสิ?
จี้เจี้ยนอวิ๋นหัวเราะ “เนินเขานั่นจะปล่อยให้ร้างก็เสียดาย เลยลงมือทำมันสักหน่อยน่ะครับ”
ช่วงนี้เหล่าฉินเองก็ไม่ได้มีงานยุ่งอะไรมากมาย เพราะนอกจากเรื่องต้องขนส่งสินค้าแล้ว พ่อกับแม่ของเขามีภรรยาแล้วก็ลูกก็ดูแลกิจการที่บ้านกันได้
ดังนั้นเขาจึงไม่รีรอที่จะมากับจี้เจี้ยนอวิ๋น จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่ปฎิเสธ เขากับเหล่าฉินไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้เลย
แล้วเหล่าฉินก็บอกว่าตนตั้งใจว่าจะซื้อร้านค้า เลยอยากจะถามความคิดเห็นจากอีกฝ่ายเสียหน่อย
“ถ้าอยู่ในทำเลที่กำลังพัฒนา รีบซื้อได้ก็รีบซื้อเลยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ
เขาเป็นคนมองเห็นข้อดีเกี่ยวกับพื้นที่ท้องถิ่นของพวกเขา แม้ว่าที่นี่จะเป็นพื้นที่ชนบท ไม่เจริญรุ่งเรืองมากนัก แต่ก็มีโรงงานอยู่หลายแห่ง อย่างแรกคือโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า โรงงานรองเท้าหนัง และโรงงานล่าสุดที่เพิ่งก่อตั้งก็คือโรงงานเฟอร์นิเจอร์พลาสติก ซึ่งนับว่าก้าวหน้าอย่างมาก ทำให้เศรษฐกิจของที่นี่มีการขับเคลื่อนสูงและมีกำลังคนมากเช่นกัน
นอกจากนี้ ครอบครัวของเหล่าฉินยังมีแรงงานเพียงพอ คุณพ่อฉินและคุณแม่ฉินเองก็ยังไม่แก่เกินไป ส่วนจางเสวี่ยหลีนั้นต่อให้มีนิสัยตระหนี่ถี่เหนียว แต่หล่อนก็เป็นคนมีความสามารถ ตอนนี้ลูกก็โตพอจะช่วยงานได้แล้ว ดังนั้นถ้ามีร้านค้าสามร้านก็คงจะมากเกินไป แต่ถ้าสองร้านก็น่าจะพอรับมือไหวอยู่
พอได้ยินแบบนั้น เหล่าฉินก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดอยู่ในใจ จี้เจี้ยนอวิ๋นเปิดวิสัยทัศน์ความเชื่อของตัวเขาเองแล้ว เมื่อเขาบอกว่าได้มันก็ต้องได้
และก่อนที่เขาจะบอกจี้เจี้ยนอวิ๋น เขาเองก็ได้วางแผนไว้อย่างรอบคอบมาก่อนแล้ว เขารู้สึกว่ามันทำได้ พอได้ยินจี้เจี้ยนอวิ๋นพูดแบบนี้แล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะลงมือทำมัน
“หาที่ไว้แล้วเหรอครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม
“ดูเอาไว้ที่หนึ่ง แต่ตอนนี้ก็แพงหูฉี่ไปแล้ว” เหล่าฉินถอนหายใจ
“ถ้าเงินไม่พอ ผมก็พอมีอยู่บ้างนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
“ไม่ต้องหรอก ฉันยังมีอยู่” เหล่าฉินตอบ
หนี้ที่เคยยืมจี้เจี้ยนอวิ๋นมาก่อนหน้านั้นก็ใช้คืนจนหมดแล้ว หลังจากนั้นก็กินอยู่อย่างประหยัดกันมาก ครอบครัวของภรรยากับภรรยาเขาทะเลาะกันยกใหญ่ ทำให้ภรรยาของเขาเกลียดทางฝ่ายนั้นไปแล้ว เงินสักเฟินก็ไม่ให้ ที่บ้านก็เลยมีเงินเก็บอยู่ แถมแต่ละวันก็มีสินค้ามาเติมที่ร้านและขายสินค้าออก ทำให้มีเงินเก็บอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
รายจ่ายของที่บ้านก็มีเพียงค่าเทอมของลูกชาย นอกนั้นก็ไม่ต้องใช้จ่ายอะไร ตอนนี้ก็เลยไม่มีที่จะเก็บเงินแล้ว
“ตอนนี้ต่อให้แพงขึ้นก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าทำเป็นร้านไปแล้ว เงินที่ลงทุนไปก็จะคืนกลับมาอยู่ดี แต่ถ้าตอนนี้ราคาแพงเกินไปมาเอาเงินกับผมได้นะครับ พวกเราไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรกันหรอก” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
“ตกลง” เหล่าฉินพยักหน้ารับอย่างยิ้ม ๆ
เขาช่วยจี้เจี้ยนอวิ๋นนำต้นไม้มาปลูกเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน หลังจากนั้นจึงคุยกันเรื่องร้านค้า ซึ่งร้านนี้ค่อนข้างที่จะห่างจากบ้านเขา แต่ระยะทางมันใกล้กับทางไปโรงเรียนของหลี่จื้อ
แต่มันมีราคาแพงเกินไป เจ้าของต้องการ 3,500 หยวน ไม่ยอมลดราคาลงเลย
ร้านค้าในราคานี้ถือว่าแพงเกินไป เหล่าฉินได้ร้านก่อนหน้านี้มาในราคาแค่ 2,700 หยวนเท่านั้น ส่วนร้านนี้มีขนาดเล็กกว่าร้านเดิม ที่ต่อให้ทำเลจะดีไม่น้อย แต่มันก็ยังแพงเกินไปอยู่ดี
เหล่าฉินอยากให้ราคามันลดลงมากกว่านี้ แต่เจ้าของไม่ยอม ยังคงขายในราคา 3,500 หยวน ไม่ลดเลยสักเฟินเดียว
เหล่าฉินคิดเอาไว้ว่าอย่างแพงที่สุดก็น่าจะ 3,000 หยวนเท่านั้น เขาเตรียมเงิน 3,000 หยวนเอาไว้แล้ว ถ้าดึงเงินเก็บของพ่อกับแม่มารวมกันก็น่าจะได้ 3,000 หยวนพอดี เขาไม่คิดเลยว่าต้องหาเงินเพิ่มอีก 500 หยวน
“แพงขนาดนี้ก็ช่างมันเถอะค่ะ เงินตั้งมากมายขนาดนั้น!” จางเสวี่ยหลีเอ่ยขึ้นมา
“ไปยืมเงินเจี้ยนอวิ๋น ดูก่อนว่าเจี้ยนอวิ๋นจะตกลงไหม ถ้ายืมได้ก็ยืมมาก่อน สิ้นเดือนก็คงมีคืนแล้ว” พ่อของเหล่าฉินกลับมีความคิดเห็นอีกอย่างและพูดออกไปแบบนั้น
ลูกชายเขาทำธุรกิจได้ยอดเยี่ยม ทำเงินได้เท่าไหร่พวกเขาที่เป็นพ่อแม่ก็พอจะนับได้ ถ้าถึงคราวต้องลงทุนจริง ๆ ก็ให้ลงทุนไปเถอะ
“คุณพ่อ ร้านนี้ราคาแพงมากเลยนะคะ” จางเสวี่ยหลีเอ่ยท้วง
ถ้าต้องซื้อจริง ๆ เงินเก็บของบ้านหล่อนต้องไม่เหลือแน่ แถมยังต้องไปยืมคนอื่นมาอีก
“แพงอะไรกันล่ะ ราคาร้านก่อนหน้านี้ก็ 2,700 หยวนเข้าไปแล้ว ตอนนี้ผ่านมากี่ปีแล้วล่ะ ถ้าจะไปซื้อที่ดินเปล่า ๆ เลย เงิน 3,000 หยวนยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำ ที่ตรงนั้นอยู่ใกล้กับโรงเรียน ทำธุรกิจอะไรก็ทำได้ง่าย ๆ” แม่ของเหล่าฉินสนับสนุนให้ซื้อเลยพูดขึ้น
บวกกับความอยากได้ของเหล่าฉินที่มีอยู่เป็นทุนเดิม ในที่สุดเขาก็ไปยืมเงินของจี้เจี้ยนอวิ๋นมาจนได้
“3,500 หยวน? มันก็แพงเกินไปหน่อยนะครับ แต่ถ้าซื้อไปแล้วเงินก็ไม่ได้ออกไปไหนอยู่ดี” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของเมืองอยู่แถวนั้น รอบข้างก็มีคนอาศัยอยู่มากมาย เปิดร้านค้าสักร้านจะไม่ได้กำไรได้อย่างไร?
เขานับถือสายตาของเหล่าฉินจริง ๆ ช่างหาทำเลทองได้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะคอยดูวันที่เธอซมซานกลับมาบ้านนะอวิ๋นอวิ๋น ไหนลองแสดงฝีมือซิว่าจะเก่งเหมือนปากหรือเปล่า
ส่วนบ้านเหล่าฉินก็รวยต่อไม่รอแล้วนะเช่นกัน แถมได้ชัยภูมิดีอีกต่างหาก
ไหหม่า(海馬)