ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 282 มองไม่ผิดตั้งแต่แรก
ตอนที่ 282 มองไม่ผิดตั้งแต่แรก
การอยู่เดือนของซูตานหงสิ้นสุดลง และเวลา 1 เดือนก็ได้ผ่านพ้นไป
คุณแม่ซูทำผลงานได้ดีเยี่ยม จนจี้เจี้ยนอวิ๋นให้เงินนาง 100 หยวนสำหรับซื้อเนื้อมาบำรุงร่างกายเพิ่ม แน่นอนว่าคุณแม่ซูไม่ยอมรับ เพราะลูกเขยยังต้องจ่ายค่าปรับอีก 4,000 หยวน เงิน 4,000 หยวนนั่นเพียงพอสำหรับซื้อร้านค้าในเมืองร้านหนึ่งเชียวนะ
เงินจำนวนนี้ไม่ใช่น้อย ๆ เดิมทีสภาพการเงินของอีกฝ่ายก็ฝืดเคืองอยู่แล้ว นางจะกล้ารับเงินจากเขาได้อย่างไร?
อีกอย่างก็คือ นางมีเวลาค่อนข้างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมาสำหรับการดูแลลูกสาว อีกทั้งหลานชายตัวน้อยยังเชื่อฟังเป็นพิเศษ ไม่งอแงเลยแม้แต่น้อย ขอแค่ปรนนิบัติให้เขาสบายใจเท่านั้น ซึ่งบางครั้งเขามักจะเล่นเองจนหมดแรงแล้วหลับไปอีกครั้งหลังตื่นนอนแล้ว
ส่วนเรื่องผ้าอ้อม ลูกเขยของนางซื้อมาจากเมืองมหาวิทยาลัยในจำนวนไม่น้อย หลังจากใช้เสร็จแล้วก็ทิ้งไม่จำเป็นต้องซัก ซึ่งช่วยลดปัญหาไปได้มาก
นอกจากรับผิดชอบอาหาร 3 มื้อต่อวัน อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว
และเนื่องจากอาหารการกินในเดือนนี้อุดมสมบูรณ์ดี นางจึงอ้วนท้วนขึ้นหลังจากกลับมา
ทว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังยัดเยียดให้เงินนางและบอกว่าเขาพอมีอยู่ ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกังวล ก่อนจะขับรถออกไป
คุณแม่ซูจึงปล่อยเขาไป
ในบ้านของซูตานหงดูปลอดโปร่งโล่งสบายมาก เนื่องจากตอนนี้อากาศร้อน และเธอได้อยู่เดือนเสร็จแล้ว จึงไม่ต้องทนทรมาน
ลูกคนที่ 3 ชื่อจี้เสียง ชื่อเล่นคือเสียงเสียง
ซูตานหงเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้ และทางครอบครัวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด
หลังจากอยู่เดือน เสี่ยวเสียงเสียงยิ่งอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ แขนเล็ก ๆ ของเขาขาวอวบ ฉีฉีเห็นแล้วรู้สึกอยากหยิก แต่เด็กยังกะน้ำหนักไม่ถูก เมื่อเผลอหยิกเข้า เสียงเสียงก็ร้องไห้จ้าขึ้นมา
เหรินเหรินจึงสั่งสอนไปหนึ่งครั้ง “น้องชายยังเล็กอยู่เลย นายไปหยิกเขาทำไม?”
“ผมยังไม่ได้ออกแรงเขาก็ร้องไห้แบบนี้แล้ว” ฉีฉีกล่าว
เหรินเหรินพูด “นี่นายหยิกจนแดงแล้ว ยังจะบอกว่าไม่ได้ออกแรงอีกเหรอ?”
ฉีฉีมองดู เมื่อเห็นว่าปรากฏรอยแดงขึ้นมาจริง ๆ จึงขอโทษน้องสามของเขา “น้องชาย ขอโทษนะ พี่รองไม่ได้ตั้งใจ”
แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เสียงเสียงยังคงร้องไห้งอแง สุดท้ายฉีฉีกลัวจนต้องทิ้งน้องชายให้พี่ชายของเขาพาไปหาแม่ จากนั้นจึงวิ่งไปที่สวนผลไม้บนภูเขาเพื่อบ่นกับพ่อของเขา
“น้องชายงอแงมากเลยครับ ผมเผลอหยิกเขาเข้า เขาก็ร้องไห้ไม่รู้จักหยุด คราวที่แล้วผมตีน้องชายต้าโหว แต่น้องชายต้าโหวก็ไม่ได้ร้องไห้เสียงดังขนาดนั้นเลย” ฉีฉีกล่าว
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “น้องชายของลูกอายุเท่าไหร่? แล้วน้องชายของต้าโหวอายุเท่าไหร่?”
“เขาแค่ชอบร้องไห้” ฉีฉีพูด
“รอให้เขาโตอีกหน่อยก็แล้วกันนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม
“งั้นคืนนี้ผมจะนอนกับพวกพ่อ!” ฉีฉีเริ่มร้องขอ ส่วนพี่ของเขาคงนอนคนเดียวได้
“ไม่ได้หรอก ถ้าลูกมานอนกับพ่อและแม่ พี่ชายของลูกก็ต้องนอนคนเดียว ลูกจะปล่อยให้พี่ชายของลูกอยู่คนเดียวเหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
“ผมไม่สนใจเขาหรอก เขาเพิ่งจะดุผม” ฉีฉีกล่าว
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงพูดขึ้น “ลูกทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ที่พี่ชายของลูกสั่งสอนก็ถูกแล้ว เขายังไม่เคยทุบตีลูกเลยด้วยซ้ำ พวกต้าโหวน่ะตีน้องชายกันหมด พี่ชายของลูกยังไม่เคยตีลูกเลย”
ปกติแล้วเจ้าลูกชายคนรองแสนดื้อรั้นผู้นี้มักจะทุบตีพี่ชายของเขา แต่พี่ชายของกลับไม่เคยถือสา
แต่อย่ามองว่าเหรินเหรินเป็นคนสุภาพอ่อนโยน ครั้งก่อนที่เห็นน้องชายของเขาสู้กับเด็กคนอื่น เขาก็ตรงเข้าไปช่วยทันทีและต่อสู้ได้ไม่เลวเลย
แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่จี้เจี้ยนอวิ๋นคิดอยู่ในใจ ปกติแล้วเขาจะต้องได้รับการสั่งสอน
ฉีฉีจึงไม่พูดอะไรอีก
จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าวขึ้น “งั้นคืนนี้นอนด้วยกัน แต่แค่คืนนี้เท่านั้นนะ”
“ได้!” ฉีฉีดีใจขึ้นมาทันที เขายิ้มแล้วพูดต่อ “เรียกพี่ชายผมไปด้วย!”
“เตียงนั่นนอนไม่พอหรอก” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
“พอสิ ครั้งที่แล้วผมก็เคยนอน!” ฉีฉีกล่าว
“งั้นก็ได้ แล้วตอนนี้แม่ของลูกทำอะไรอยู่ที่บ้านล่ะ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นคุยกับลูกชาย
“แม่ทำงาดำแท่งอยู่ในครัวครับ” ฉีฉีพูดอย่างตะกละตะกลามเล็กน้อย “ผมก็อยากกินอยู่เหมือนกัน” แต่ถ้าเขาลงจากภูเขาไปตอนนี้จะต้องถูกแม่ดุอย่างแน่นอน
“อีกเดี๋ยวค่อยลงไปกับพ่อ แม่ของลูกจะเก็บไว้ให้เองแหละ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
ฉีฉีพยักหน้า จากนั้นจึงเก็บไข่กับพ่อของเขา
สองพ่อลูกกําลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกัน จนกระทั่งเก็บไข่เสร็จแล้ว สองพ่อลูกจึงพากันไปล้างมือ จากนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็อุ้มเขาขึ้นขี่คอแล้วลงจากภูเขาไปทั้งแบบนี้
ฉีฉีรู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนไปตลอดทาง ในอนาคตเขาจะต้องสูงเท่าพ่อของเขาให้ได้!
ดังนั้นเมื่อเขากลับมาจึงกินงาดำแท่งอย่างตะกละ ไม่ใช่แค่งาดำแท่ง แต่ยังดื่มนมและขอให้แม่ของเขาขุนให้เต็มที่อีกด้วย
ซูตานหงชงนมให้พวกเขาสองคนพี่น้องคนละแก้ว เมื่อกินอิ่มกันแล้ว เธอค่อยมาคิดบัญชี
“เพิ่งหยิกน้องชายของลูกไปเหรอ?” ซูตานหงถาม
“ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ” ฉีฉีกล่าว
“งั้นขอโทษน้องชายของลูกหรือยัง?” ซูตานหงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ขอโทษแล้วครับ!” ฉีฉีรีบพูดทันที
“คราวหน้าต้องทำยังไง?” ซูตานหงมองเขาแล้วพูด
“คราวหน้าผมจะไม่หยิกเขาอีกแล้ว” ฉีฉีกระซิบเสียงแผ่ว
“จำสิ่งที่ลูกพูดไว้ให้ดี ครั้งหน้าถ้าลูกหยิกน้องอีก แม่จะงดขนมตอนบ่ายของลูก” ซูตานหงกล่าว
การลงโทษนี้รุนแรงมากจนฉีฉีได้แต่พยักหน้าอย่างจริงจัง ซูตานหงจึงค่อยพอใจ
ไม่มีทางเลือก เจ้าเด็กคนนี้ซนเกินไป หากไม่จริงจังเขาก็จะไม่ฟังเลย
ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นนั้นไม่สามารถคาดหวังได้อีกต่อไป เขาไม่เคยทำหน้าดุใส่ลูก เว้นแต่ว่ามันจะมากเกินไป มีเพียงแค่ตอนที่ฉีฉียังเด็กและไปเล่นน้ำกับเด็กโต จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงมีสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่เคยตีหน้ายักษ์ใส่อีกเลย
เสียงเสียงผล็อยหลับไปแล้ว และลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปเมื่อสักครู่
ทว่าคืนนี้เหรินเหรินกับฉีฉีสองพี่น้องต่างถือหมอนใบเล็กเข้ามา ซูตานหงจึงมองสามีของตนอย่างจนปัญญา
ผู้ชายคนนี้ตามใจลูกมากเกินไป จนตัวเธอเองต้องรับบทเป็นคุณแม่ที่เข้มงวด
ครอบครัว 5 คนนอนพูดคุยกันบนเตียงจนหลับไป
หยวนหยวนถูกหลี่จื้อพากลับไปในช่วงครึ่งเดือนก่อนที่ซูตานหงจะคลอด ร่างกายของเธอแข็งแรงขึ้นมาก และหยวนหยวนก็โตขึ้นมาก ทั้งยังพยายามยืนให้ได้
แม้แต่แม่ของหลี่จื้อเองก็ยังชื่นชมซูตานหงที่ช่วยเลี้ยงหลานสาวของนางจนอ้วนท้วนสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้นการเปลี่ยนแปลงของเด็กวัยนี้ เห็นได้ชัดว่าได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างดี
เมื่อถึงคราวที่ซูตานหงอยู่เดือน นางจึงนำไข่มาเยี่ยม
หลี่จื้อเองก็เคยมาหา พร้อมกับอุ้มหยวนหยวนมาด้วยกัน เมื่อหยวนหยวนเห็นป้าสะใภ้สามแล้วเธอก็อยากจะร้องไห้ เด็กน้อยยังเล็กอยู่ ความจำจึงไม่มากนัก ทว่าเธอยังจำซูตานหงได้
แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นลูกสาวของตระกูลหลี่ จึงต้องกลับไปยังตระกูลหลี่
แม่ของหลี่จื้อได้หาคู่ให้เขาเมื่อไม่นานมานี้ อีกฝ่ายเป็นคนซื่อสัตย์ ย่อมไม่รังแกหยวนหยวนอย่างแน่นอน อีกอย่างยังมีนางคอยจับตามองอยู่ แต่หลี่จื้อกลับไม่เห็นด้วยและปฏิเสธทันที
เขายังไม่ได้จัดการกับปัญหาของตัวเองเลย แถมตอนนี้เขาก็ยังมีลูกสาวให้ต้องเลี้ยงดู แล้วจะแต่งภรรยาอะไรกัน?
ซูตานหงรู้สึกว่าหลี่จื้อคงเจ็บปวด
แต่ถึงอย่างนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้มองผิดตั้งแต่แรก หลี่จื้อเป็นคนดี ตอนนี้ยิ่งดีมากขึ้น สำหรับน้องสาวของเขานั้นนับว่าไม่มีวาสนา หากหล่อนเป็นคนดีมีหรือจะคบค้ากับคนเลว แน่นอนว่าหากไม่ใช่คนในครอบครัวแล้ว คนประเภทไหนจะอยู่ร่วมกับคนประเภทนั้น
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ฉีฉีน่าตีจริง ๆ ไปหยิกน้องอีก ระวังอดขนมนะ
แล้วกาลเวลาจะช่วยเยียวยานายนะหลี่จื้อ เข้าใจเลยว่ารักครั้งแรกมันรักมากแล้วก็เจ็บมาก
ไหหม่า(海馬)