ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 285 สองพี่น้อง
เหตุผลที่ซูตานหงต้องการซื้อกู่ฉิน เป็นเพราะในช่วงปีใหม่อวิ๋นลี่ลี่ได้นำไวโอลินกลับมาให้เหรินเหริน ส่วนฉีฉีนั้นได้เมาท์ออร์แกน
ซูตานหงไม่ค่อยสนใจเมาท์ออร์แกนนัก แต่สนใจไวโอลินอยู่ ส่วนเรื่องกู่ฉินนั้นเธอเคยพูดให้จี้เจี้ยนอวิ๋นฟังตอนก่อนเข้านอน ไม่คิดเลยว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นจะซื้อมันกลับมาให้เธอ เพราะเธอวางแผนว่าเมื่อสามารถละมือจากเสียงเสียงได้ จะไปหาซื้อมันกลับมาเอง
ดังนั้นเธอจึงดีใจมาก จนเผลอลืมตัวดีดกู่ฉินต่อหน้าจี้เจี้ยนอวิ๋น
แม้จะรู้สึกคุ้นมือแต่เธอก็ไม่ได้สัมผัสกู่ฉินมาหลายปีแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังมีพื้นฐานติดตัวอยู่ พอสะบัดมือดีดสองครั้งก็ดูมีเสน่ห์ขึ้นมา
สวี่เหอซานและซูจูเหมาไม่ติดใจสงสัย จากนั้นก็กลับไป
ซูตานหงถอนมือกลับอย่างไม่สบายใจ ก่อนจะเหลือบมองจี้เจี้ยนอวิ๋นแวบหนึ่ง
จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่นำกู่ฉินกลับเข้าไปในห้อง แล้ววางไว้ในห้องของพวกเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถหยุดยั้งพวกเด็ก ๆ ในบ้านได้
“ภรรยาครับ กู่ฉินตัวนี้เอาวางไว้ในห้องของพวกเราเถอะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
เมื่อเห็นว่าภรรยายังคงดูงงงวยเล็กน้อย เขาก็ยิ้มด้วยความขบขันระคนเอ็นดู
แน่นอน เขาย่อมรู้ว่าภรรยาของตัวเองมีความลับบางอย่าง เช่น ความสามารถในการเย็บปักถักร้อย ไหนจะมือคู่นั้นที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ ปลูกอะไรก็งอกงาม และความสามารถในการเล่นกู่ฉินที่ทำให้เขาถึงกับตกตะลึงอีก
เพียงแต่ภรรยาของเขาไม่อยากจะพูด เขาจึงไม่ถาม
“เจี้ยนอวิ๋น ฉันไม่รู้วิธีเล่นกู่ฉินนี่หรอกค่ะ คุณซื้อมาเสียเปล่าแล้ว” ซูตานหงคิดปกปิด แต่กลับยิ่งเผยท่าทางมีพิรุธ
จี้เจี้ยนอวิ๋นหัวเราะ เมื่อเห็นท่าทางที่อยากปกปิดของเธอ จึงพูดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอกครับ รอมีเวลาว่างแล้ว ผมจะพาคุณไปที่ปักกิ่งเพื่อหาคนมาสอน”
ซูตานหงเม้มปากกลั้นยิ้ม ขณะยืนมองสามีที่ยิ้มอย่างโง่งม เธอรู้ดีกว่าผู้ชายของเธอหมายความว่าอย่างไร เขาเพียงต้องการหาข้อแก้ตัวให้เธอ
“แต่ปีก่อนตอนไปปักกิ่ง ฉันได้เรียนรู้จากสาวปักกิ่งคนหนึ่งแล้ว คุณไม่รู้หรอก คุณอยากฟังเพลงที่ฉันจะเล่นให้คุณไหมคะ?” ซูตานหงกล่าว
“แอบเรียนมาแล้วเหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นให้ความร่วมมือกับภรรยาของเขาเป็นอย่างดี “ผมคิดว่าคุณติดค้างเรื่องบทเรียนนี้นะ ไปปักกิ่งแล้วยังแอบออกไปโดยไม่บอกพวกเราพ่อลูกอีก ถ้าหายตัวไปจะทำยังไง?”
“ไม่หายไปไหนหรอกค่ะ ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ” ซูตานหงเดินเข้ามาก่อนจะดึงมือใหญ่และหยาบกร้านของสามีขึ้น
มือใหญ่นี้มีความหยาบกร้านอยู่ไม่น้อย เป็นฝ่ามือใหญ่ของผู้ชายที่โตเต็มวัย แค่ได้กอบกุมมือนี้เอาไว้ ในใจของเธอก็รู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
“ภรรยาครับ คุณต้องจำเอานะไว้ว่าคุณเป็นภรรยาของจี้เจี้ยนอวิ๋น ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็ตาม!” จี้เจี้ยนอวิ๋นคว้ามือของเธอไปกุมไว้แทน และมองมาด้วยแววตาจริงจัง
อย่ามองว่าชายร่างใหญ่อย่างเขาจะสามารถยืนหยัดราวกับไม่หวั่นเกรงฟ้าดินได้ หากที่บ้านของเขาไม่มีภรรยาคอยดูแล เขาก็คงไม่สามารถใช้มือและเท้าอยู่ข้างนอกได้ ทั้งยังไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
แต่ด้วยภรรยาของเขาแล้ว ต่อให้เธอจะไม่ได้ทําอะไรเลย เธอก็เหมือนกับเสาหลักของบ้าน เมื่อมีเธออยู่ เขาก็สามารถออกไปข้างนอกได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องในบ้าน
เขารักภรรยาของเขามาก แม้ในใจจะมีคำถามอยากจะถาม แต่เขาก็ไม่เอ่ยถามออกมา ขอเพียงเธออยู่เคียงข้าง เป็นภรรยาที่ดีของเขาและเป็นแม่ที่ดีของลูก เขาก็ไม่จำเป็นต้องถามไปตลอดชีวิต!
“คุณก็ต้องจำเอาไว้ด้วย ว่าคุณเป็นคนที่มีภรรยาและลูกแล้ว ถ้าคุณกล้าที่จะเป็นเฉินซื่อเหม่ย* ก็คอยดูเถอะ ฉันจะพาลูกชายทั้งสามคนไปจากคุณ!” ซูตานหงรู้สึกซึ้งใจแต่ก็ยังต้องการเอาชนะ
* เฉินซื่อเหม่ย เป็นซื่อแซ่ของบุรุษผู้หนึ่งในยุคจีนโบราณ ที่มีพฤติกรรมเลวทรามและทรยศต่อภรรยาของตน
ใครใช้ให้เขาเป็นที่หมายปองแบบนี้ล่ะ?
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงใช้การกระทำของเขา เพื่อบอกเธอว่าเขาหลงใหลผู้หญิงอย่างเธอมากแค่ไหน
กว่าจะได้กินอาหารเย็นของวันนี้ก็มืดค่ำแล้ว
“พ่อครับ ทำไมบ้านเราถึงไม่ซื้อทีวีล่ะ?” ฉีฉีเอ่ยถาม
“ครอบครัวของเรายากจน ไม่มีเงินหรอก ยังต้องจ่ายค่าปรับสำหรับการคลอดน้องชายอีกเยอะเลย” เหรินเหรินเป็นผู้ให้คำตอบกับเขา
“ผมได้ยินมาว่าทีวีขาวดำยี่ห้อนกยูงเครื่องละ 306 หยวนเองนะ!” ฉีฉีกล่าว
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “ลูกรู้จักทีวีขาวดำยี่ห้อนกยูงด้วยเหรอ?”
“แน่นอนครับ” ฉีฉีพยักหน้า “ผมดูละครจากทีวีของพวกเขา มันดีมากเลย!”
จากนั้นก็มองพ่อของเขาตาโต เห็นได้ชัดว่าเขาอยากมีทีวีในบ้านของตัวเอง
ในบ้านของเขามีของหลายอย่าง เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า พัดลม วิทยุ รถบรรทุกขนาดใหญ่ รถจักรยานยนต์และจักรยาน ที่บ้านมีทุกอย่างแล้ว แต่ไม่มีทีวีที่เขาอยากได้มากที่สุด!
“รอหน่อยนะ แล้วปีใหม่นี้พ่อจะซื้อให้ลูกเครื่องหนึ่ง” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม
“จริงเหรอครับ?” ฉีฉีรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“จริงสิ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าและพูดกับเหรินเหริน “ลูกกับพวกพี่ชายของลูกไปขายไอศครีมกันเหรอ?”
“ขายแล้วครับ แต่ไม่ค่อยได้เงินเท่าไหร่” เหรินเหรินส่ายหัว เขาเองก็อยากหาเงินเช่นกัน ดังนั้นฤดูร้อนนี้เขาจึงอยู่กับจี้เสี่ยวตงพี่ชายของเขา โดยที่เหรินเหรินรับผิดชอบการจ่ายเงิน จี้เสี่ยวตงมอบหมายหน้าที่นี้ให้แก่เขา เมื่อจี้เสี่ยวตงไปโรงเรียน เขาก็มีหน้าที่ไปรับสินค้า โดยให้เหรินเหรินนั่งอยู่หน้าประตูโรงเรียนคอยเฝ้ากล่องโฟมที่ปิดสนิทเพื่อขาย
อย่ามองว่าเขายังเด็ก เพราะเขาสามารถจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพูดมาก แต่ธุรกิจของเขากำลังไปได้สวยทีเดียว
อย่างน้อยก็ได้ขายให้คนใกล้ตัวของเขา
เมื่อขายหมดแล้วมักจะแบ่งส่วนแบ่งเท่า ๆ กัน แต่ถ้าพี่ชายเขาต้องไปโรงเรียน ก็จะแบ่งกัน 3 ต่อ 7 ส่วน เขาได้ 7 พี่ชายของเขาได้ 3
“หาเงินได้เท่าไหร่แล้วล่ะ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม
สำหรับเจ้าลูกชายคนโตคนนี้ เขาไม่เคยมีข้อห้าม อยากทำอะไรก็ทำด้วยตัวเอง เขาอายุ 6 ขวบแล้ว ปีหน้าก็ถึงเวลาเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พอดี
“18 หยวนครับ” เหรินเหรินถอนหายใจ เงินจำนวนนี้น้อยเกินไป
“เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” ดวงตาของฉีฉีเป็นประกาย
ในความคิดของเขานับว่าเยอะมาก
เหรินเหรินเมินเขา ในขณะที่ฉีฉีวอแวอยู่รอบตัว “พี่ชาย พรุ่งนี้พี่พาผมไปด้วยสิ พี่พาผมไปด้วย!”
“ไม่เอา นายไปเล่นเองเถอะ พี่มีธุระต้องทำ” เหรินเหรินกล่าว
“แค่ขายไอศครีม จะเป็นธุระอะไร? ผมอยากไปข้างนอกกับพี่ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้พี่ก็ไม่ต้องออกไปไหน!” ฉีฉีพูด
“ฉันติดหนี้นายหรือไง วันปีใหม่เป็นวันเสาร์ โรงเรียนปิด ฉันกับพี่เสี่ยวตงเลยจะเข็นจักรยานออกไปขายข้างนอก ไม่สนใจนายหรอก” เหรินเหรินปฏิเสธ
ฉีฉีต้องการพึ่งพาเขา แต่มันก็ไร้ประโยชน์
เรื่องนี้เป็นเรื่องของพวกเขาสองพี่น้อง จี้เจี้ยนอวิ๋นกับซูตานหงจึงไม่สนใจ ปล่อยให้พวกเขาตกลงกันเอง
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เหรินเหรินรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ก็หลอกให้ฉีฉีไปเก็บมะเขือเทศที่สวนหลังบ้าน จากนั้นก็หนีไปกับพี่เสี่ยวตงของเขา
เมื่อฉีฉีกลับมาจากสวนหลังบ้านและรู้ว่าตนถูกหลอกก็เกือบจะร้องไห้ออกมา แต่เขากลับเข้มแข็งและเอาแต่พูดกับประตูอย่างโมโห “เหรินเหริน นายอย่าหวังว่ากลับมาจะได้กินมื้อเที่ยงเลย!”
เขาเรียกชื่อพี่ชายของเขาโดยตรง
“เอาล่ะ รีบขึ้นไปบนภูเขากับพ่อของลูกเถอะ” ซูตานหงพูดขึ้น
เจ้าลูกชายคนรองนี้มีนิสัยดุร้าย นิสัยเหมือนปีศาจ ไม่รู้ว่าทำตามใคร ถ้าให้อยู่แต่บ้าน หลังจากนี้เขาก็อาจจะทำเสียงเสียงร้องไห้ได้
“ไม่ไป!” ฉีฉีพูด
“ถ้าไม่ไป งั้นปีใหม่นี้ก็ไม่ต้องซื้อทีวีนะ” ซูตานหงกล่าว
“งั้นผมไปครับ” ฉีฉีพูดได้เพียงเท่านี้
“อย่าลืมไปช่วยคุณย่าของลูกเก็บไข่ล่ะ หลังจากเก็บไข่ทั้งหมดแล้ว แม่จะให้เงินลูก 1 เหมา” ซูตานหงพูด
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ฉีฉีแค่อยากจะออกไปนอกบ้านกับพี่เอง พี่เหรินเหรินร้ายกาจมากหลอกน้อง
ไหหม่า(海馬)