ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 290 จี้อวิ๋นอวิ๋นตั้งครรภ์
ตอนที่ 290 จี้อวิ๋นอวิ๋นตั้งครรภ์
ตอนนี้รถบรรทุกของครอบครัวเธอเป็นรถบรรทุกสำหรับงานหนัก ผลิตในประเทศ และราคาหลายพันหยวนตามราคาบ้านในขณะนั้น ซึ่งราคาของมันสามารถซื้อบ้านได้ 2 หลังทีเดียว
แต่ไม่กี่ปีผ่านไป ตลาดภายนอกในตอนนี้ก็ต่างไปจากเดิม เธอได้ยินมาว่าตอนนี้มีรถบรรทุกนําเข้าขนาดใหญ่แล้ว
การนำเข้ามานั้นจะต้องมีราคาที่แพงมาก
แต่นี่คือรถบรรทุกที่จี้เจี้ยนอวิ๋นต้องการซื้อ วันรุ่งขึ้นเขาจึงนำเงินไปยังเมืองมหาวิทยาลัย เพราะรถบรรทุกนำเข้าขนาดใหญ่แบบนี้มีขายแค่ในเมืองมหาวิทยาลัยเท่านั้น
เมื่อนับเงินเพียงพอแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ออกเดินทางในตอนเช้า จนกระทั่ง 3 ทุ่มถึงได้ขับรถบรรทุกขนาดใหญ่คันใหม่เอี่ยมกลับมายังหมู่บ้าน
แม้จะดึกดื่นแล้ว แต่ก็มีความเคลื่อนไหวไม่น้อย แม้แต่คนที่บ้านมีทีวียังต้องหยุดดูทีวี แล้วมาห้อมล้อมรอบรถบรรทุกนำเข้าจากต่างประเทศคันใหญ่นี้
หลังจากใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงส่งผู้คนกลับไปและปิดประตูบ้านได้ในตอน 4 ทุ่มกว่า
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของเหรินเหรินกับฉีฉีสองพี่น้องยังคงเปล่งประกาย เมื่อเห็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ของครอบครัวแล้วพวกเขาต่างก็ดีใจมาก
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงอุ้มสองพี่น้องขึ้นไปนั่งอยู่สักครู่ พวกเขาทั้งสองถึงกลับไปนอนด้วยความพึงพอใจได้
“เงินหมดแล้วล่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดกับภรรยาของเขา
“ฉันเดาว่ามันคงไม่พอนะคะ รถนำเข้าแบบนั้นราคาแพงมาก” ซูตานหงกล่าว
“พอครับ แต่ไม่มีเหลือเลย” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
ซูตานหงมองดูดวงตาของสามีที่เปล่งประกายเหมือนกับลูกชายทั้งสองของเขา เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้มีความสุขมากที่ได้ซื้อรถกลับมา
ผู้ชายทุกคนล้วนชื่นชอบรถหรือของเหล่านี้อย่างช่วยไม่ได้ แต่ในสายตาของซูตานหง แม้เรื่องพวกนี้จะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ แต่โดยพื้นฐานแล้วเธอไม่มีความสนใจในเรื่องรถยนต์เลย
เธอเห็นเพียงว่ามันช่วยให้เดินทางสะดวกขึ้นเท่านั้น
เมื่อคุณพ่อกับคุณแม่จี้ได้ยินข่าวในวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็พากันลงมาดู
ครั้นเห็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ สองสามีภรรยาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ลูกชายคนที่ 3 มีอนาคตที่ดีจริง ๆ พวกเขาสองผู้เฒ่าไม่จำเป็นต้องกังวลแล้ว
ถ้าเป็นเมื่อก่อน คุณแม่จี้คงต้องบ่นออกมาสัก 2 ประโยค ทว่าตอนนี้คุณแม่จี้มองออกแล้ว กิจการของลูกชายนางใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้รถคันเดียวจึงไม่พอจริง ๆ มีรถคันที่สองก็จะยิ่งสะดวกขึ้นมาก แล้วถ้าส่งของออกไปได้เยอะ ๆ ก็จะได้เงินกลับคืนมา
ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไร
เรื่องที่จี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อรถเพิ่มย่อมทําให้เกิดเสียงฮือฮาในหมู่บ้าน
เศรษฐีคนแรกในหมู่บ้านคือครอบครัวน้องชายของผู้ใหญ่บ้านที่บริหารโรงงานอิฐ แต่ที่บ้านเขากลับมีรถแทรกเตอร์แค่ 2 คัน ไม่สามารถเทียบได้กับรถบรรทุกคันเก่าของจี้เจี้ยนอวิ๋นเลยด้วยซ้ำ
จี้กวงหมิงน้องชายของผู้ใหญ่บ้านจึงได้เข้ามาถามจี้เจี้ยนอวิ๋น
จี้เจี้ยนอวิ๋นเห็นว่าเขาอยากซื้อจึงไม่คิดปิดบัง ทั้งยังบอกราคาที่ซื้อไป ซึ่งนับว่าสูงมากสำหรับครอบครัวของจี้กวงหมิง ต่อให้รู้กันดีว่าเป็นครัวเรือน 10,000 หยวน ก็ยังถึงกับอ้าปากค้าง
“แล้วรถบรรทุกของหนักล่ะ?” จี้กวงหมิงถาม
“ตอนนี้รถบรรทุกของใหญ่ยังไม่รู้ราคาแน่ชัด ได้ยินว่าราคาขึ้นเยอะมาก ไม่น่าจะต่ำกว่า 5,000” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
จี้กวงหมิงถามว่าเขาต้องการเปลี่ยนรถบรรทุกคนเดิมไหม จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงยิ้ม “ฉันยังใช้อยู่เลย”
จากนั้นจี้กวงหมิงก็กลับไป
จี้เจี้ยนอวิ๋นส่ายหน้าและไม่สนใจเขา ทั้งคู่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันและมีบรรพบุรุษคนเดียวกัน แต่ห่างกันมา 6 ถึง 7 ชั่วอายุคนแล้ว จึงไม่นับว่าสนิทกันนัก
จี้กวงหมิงมีคนงานอยู่ไม่น้อย แต่เขาปฏิบัติต่อคนงานไม่ดีเท่าจี้เจี้ยนอวิ๋น
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่จี้กวงหมิงมาหาเขาเพื่อขอไม่ให้เขาขึ้นค่าแรงสูงขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นโรงงานอิฐของเขาจะเป็นที่อับอายขนาดไหน?
แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่สนใจ เงินเดือนของคนงานอยู่ในมือของเขา จะมอบให้อย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา ไม่จำเป็นต้องปรึกษาจี้กวงหมิงหรอก น่าตลกสิ้นดี
เมื่อรู้ว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้สนใจเรื่องบัญชีของเขา จี้กวงหมิงจึงเพิ่มเงินเดือนให้คนงานของตัวเอง แต่เห็นได้ชัดว่าเขามีอคติกับจี้เจี้ยนอวิ๋น
จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเขา โรงงานอิฐของเขาทำรายได้ไม่น้อย แต่รายได้ของจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่น้อยเช่นกัน หากนับอสังหาริมทรัพย์อื่นแล้ว จี้กวงหมิงจะเทียบความมั่งคั่งของเขาได้อย่างไร?
แต่ถึงอย่างไรในเมื่ออยู่หมู่บ้านเดียวกันแล้วก็ยังมีน้ำใจต่อกันอยู่บ้าง อีกทั้งยังมีผู้ใหญ่บ้านด้วย ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้ใหญ่บ้านนับว่าค่อนข้างดี
ในทางตรงกันข้าม ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่บ้านกับจี้กวงหมิงผู้เป็นน้องชายนั้นค่อนข้างธรรมดา
ฐานะทางครอบครัวของจี้กวงหมิงนั้นดีมาก มีทั้งโทรทัศน์ วิทยุ มอเตอร์ไซค์และจักรยาน เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ล้วนมีครบครัน เป็นครอบครัวใหญ่สมชื่อ แถมครอบครัวของเขายังได้ปรับปรุงบ้านให้เป็นตึกเพียงหลังเดียวในหมู่บ้าน ตอนแรกได้ยินว่าใช้เงินไปหลายพันหยวน นับว่าเยอะมากทีเดียว
สําหรับตอนนี้มีเพียงบ้านของเขาเท่านั้นที่มีอาคาร 2 ชั้น และไม่มีบ้านอื่นอีก
แต่จากที่เจี้ยนอวิ๋นดูแล้วเขาจะต้องซื้อรถใหม่อย่างแน่นอน เขาเห็นธุรกิจโรงงานอิฐของตัวเองดีมาก อาศัยรถแทรกเตอร์ 2 คันนี้จะทําอะไรได้?
มีหลายครอบครัวที่ส่งของให้ไม่ทัน ลูกค้าจึงไปสั่งกับที่อื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้มีเตาเผาอิฐอีก 2 แห่งเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน และทั้งหมดถูกขนส่งโดยรถบรรทุกนำเข้าขนาดใหญ่!
ซูตานหงเองก็ได้ยินเรื่องเตาเผาอิฐมา
แต่นี่เป็นเรื่องของครอบครัวอื่น จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่อยากยุ่งเกี่ยว หลังจากที่เขาซื้อรถบรรทุกคันนี้แล้ว ก็มีการขนส่งสินค้าออกไปเป็นจำนวนมาก
ตัวอย่างเช่น ปลาและกุ้งในอ่างเก็บน้ำที่ส่งออกไปทุกวัน ทำให้ร้านค้าในเมืองมหาวิทยาลัยและเมืองเจียงสุ่ยขายดีเป็นอย่างมาก
ส่วนทางฝั่งเมืองเจียงสุ่ยนั้น นับตั้งแต่ที่ซูตานหงสั่งการลงมา พี่ใหญ่อวิ๋นก็ตรวจสอบบัญชีด้วยตัวเองทุกเดือน หากมีอะไรคลาดเคลื่อน เขาก็จะไปหาสะใภ้ใหญ่อวิ๋นและให้หล่อนชดเชยในทันที แม้สะใภ้ใหญ่อวิ๋นจะบอกว่าหล่อนไม่ได้ตุกติกอะไรแล้ว ก็ยังต้องชดเชยให้อยู่ดี
ทว่าทุกเดือนเงินมักจะขาดไป 1 ถึง 2 หยวน พี่ใหญ่อวิ๋นรู้ดีอยู่ในใจ แต่เขาไม่สนใจและชดเชยเงินด้วยตัวเองเงียบ ๆ
ดังนั้นเมื่อบัญชีถูกส่งมาถึงซูตานหงจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น และปล่อยให้พวกเขาดูแลร้านต่อไป
กําไรของร้านนั้นดีขึ้นมากในปีนี้ โดยปกติแล้วจะต้องส่งสินค้าไปวันละครั้ง แต่จะสิ้นเปลืองค่าจัดส่งแยกต่างหาก ดังนั้นโดยปกติแล้วจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงปล่อยให้ซูจูเหมากับสวี่เหอซานบรรทุกสินค้าไปให้มากขึ้น นอกจากจะนำไปขายที่ร้านแล้ว ก็ยังให้พวกเขาสองคนขายสินค้าที่เหลือที่ตลาด ซึ่งวิธีแบบนี้ถือว่าคุ้มกว่ามาก
วันนี้อวิ๋นลี่ลี่โทรกลับมาเพื่อคุยกับซูตานหง หล่อนได้รับเก๋ากี้ 2 ห่อ ที่ซูตานหงส่งมาให้ จึงโทรกลับมาเพื่อขอบคุณ และยังพูดถึงจี้อวิ๋นอวิ๋นที่ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกของซูตานหงมาเป็นเวลานานอีกด้วย
“พี่สะใภ้สาม คราวก่อนฉันเห็นจี้อวิ๋นอวิ๋นด้วยล่ะค่ะ หล่อนเหมือนจะท้องอีกแล้ว แต่ผิวพรรณดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แถมหน้าตายังดูซีดเซียวด้วย” อวิ๋นลี่ลี่กล่าว
“เห็นเมื่อไหร่ เดือนไหนกัน?” ซูตานหงถามเรียบ ๆ
“เมื่อครึ่งเดือนก่อนค่ะ ฉันเห็นหล่อนก้มหน้าอยู่ริมถนน ท่าทางเหมือนกำลังท้อง” อวิ๋นลี่ลี่พูด
“หล่อนอาจจะไม่สบายก็ได้” ซูตานหงพูดอย่างเฉยชา
สองสะใภ้คุยกันอีกสักพัก เมื่อเห็นว่าเวลาใกล้จะหมดแล้วจึงวางสาย
อวิ๋นลี่ลี่เก็บข้าวของที่ห้องทํางานแล้วกลับบ้าน หล่อนแวะซื้อผักเพื่อกลับไปทำอาหาร แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะเห็นจี้อวิ๋นอวิ๋นอยู่ที่หน้าประตูชุมชน
ท่าทางของจี้อวิ๋นอวิ๋นนั้นเห็นได้ชัดว่ากําลังรอหล่อนอยู่!