ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 3 ต่อว่า
ตอนที่ 3 ต่อว่า
คุณแม่จี้ย่อมจะดีใจเมื่อลูกชายของนางกลับมาอย่างปลอดภัย นางถามแล้วถึงรู้ว่าเขากลับมาเมื่อตอนกลางวันได้กินก๋วยเตี๋ยวที่สะใภ้สามเป็นคนทำให้ แถมยังนอนหลับสนิทโดยที่สะใภ้สามไม่ได้มารบกวน
และทำก๋วยเตี๋ยวให้เขาเพิ่มอีกหนึ่งชามใหญ่ด้วย ซึ่งนั่นทำให้นางแค่นเสียงออกมาเบาๆ
แม้ว่านางจะโกรธเคืองซูตานหง แต่คุณแม่จี้ก็พอใจที่ได้รู้ว่าซูตานหงยังลุกขึ้นมาทำอาหารให้กับลูกชายของนาง
ถึงแม้ซูตานหงจะนิสัยไม่ดีนัก แต่ตราบใดที่เธอยังทำอะไรบ้างเล็กๆ น้อยๆ และยังดูแลลูกชายของนางอยู่ นางก็สามารถยอมทนกับปัญหาของเธอได้
ดังนั้นคุณแม่จี้ที่เตรียมจะฟ้องลูกชายอย่างเต็มที่จึงเลิกคิดที่จะพูดถึงและหันไปถามเรื่องในกองทัพแทน
จี้เจี้ยนอวิ๋นเล่าเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องดีเรื่องร้ายให้แม่ของเขาฟังรวมถึงเรื่องงานที่เขาได้ทำมามากมาย จนผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงเขาจึงปฏิเสธไม่อยู่ร่วมรับประทานอาหารกับคุณแม่จี้และกลับออกมา
ตอนกำลังจะออกจากบ้านเขาเจอกับพี่สะใภ้ใหญ่เฝิงฟางฟางที่มากับหลานชายคนโต ยังไม่ทันได้พูดอะไรจี้เจี้ยนอวิ๋นก็อุ้มโหวหวาจือขึ้นมากะน้ำหนักดูแล้วจึงเอ่ยว่า “โหวหวาจือโตขึ้นมากเลยทีเดียว”
“อาสาม ผมยังจำอาได้นะครับ!” โหวหวาจือกอดรอบคอเขาแล้วก็พูดขึ้น
“โอ้ ช่างมีความจำดีจริงๆ หลังจากที่ได้เข้าโรงเรียนแล้วจะต้องได้ที่หนึ่งในชั้นแน่ๆ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยยิ้มๆ
“น้องสามเธอเพิ่งกลับมาถึงหรือ? กลับไปดูสะใภ้สามก่อนเถอะ!” เฝิงฟางฟางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลอกตาพร้อมกับพูดขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม
“อาสะใภ้สามดื่มยาฆ่าแมลงเข้าไปครับ!” เฝิงฟางฟางยังไม่ทันได้ตอบ โหวหวาจือก็พูดออกมาก่อน
“ดื่มยาฆ่าแมลงเหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นผงะแล้วหันไปพูดกับเฝิงฟางฟาง “พี่สะใภ้ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นครับ?”
เฝิงฟางฟางไม่ต้องการจะปิดบังเรื่องไว้เพื่อซูตานหง หล่อนบอกจี้เจี้ยนอวิ๋นเรื่องที่คุณแม่จี้ให้แผ่นไข่ทอดกับโหวหวาจือ เมื่อซูตานหงมาเห็น เธอก็ก่อเรื่องโดยกินยาฆ่าแมลงเข้าไป หล่อนเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ
“โชคดีที่ช่วยหล่อนไว้ได้ทัน” เฝิงฟางฟางพูด สุดท้ายก็เอ่ยขึ้นมา “แต่น้องสาม ขอโทษนะที่ฉันจะต้องพูดแบบนี้ น้ำใจของสะใภ้สามคนนี้น่ะแคบกว่ารูเข็มซะอีก แม่ชอบเจ้าลิงน้อย แล้วจะให้ไข่ทอดแล้วผิดตรงไหนกัน? นี่เป็นหลานชายคนโตของบ้านตระกูลจี้ สะใภ้สามก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นเพราะเรื่องแค่นี้เองหรือ?”
บ้านสองมีลูกสาวสองคนแล้ว แต่บ้านสามที่แต่งกันมาสามปีแล้วยังไม่มีข่าวอะไรเลย ดังนั้นเธอที่มีลูกชายคนโตให้ตระกูลจี้จึงสามารถยืดอกหลังตรงได้อย่างสง่าผ่าเผย!
จี้เจี้ยนอวิ๋นส่งโหวหวาจือกลับคืนให้เธอพร้อมกับบอกว่า “งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“ไปเถอะ อย่าไปทะเลาะกับสะใภ้สามล่ะ นานๆ เธอถึงจะได้กลับมาสักครั้งหนึ่ง สองสามวันนี้เธอจะได้อยู่อย่างสงบสุขด้วย” เฝิงฟางฟางพูด
จี้เจี้ยนอวิ๋นคิดในใจว่าถ้าพี่อยากจะให้ผมได้อยู่อย่างสงบจริงๆ จะมาบอกเรื่องพวกนี้กับผมหรือ? ขนาดแม่ยังไม่พูดอะไรออกมาเลย
แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาและเดินกลับไปที่บ้านของตัวเอง
“กลับมาแล้วหรือคะ? คุณไปพักก่อน เกี๊ยวใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ” เมื่อได้ยินเสียง ซูตานหงก็พูดออกมาจากข้างในห้องครัว
จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินเข้าไปแล้วจ้องมองเธอ ซูตานหงหน้าแดงระเรื่อขึ้นไม่กล้ามองมาที่เขา เธอพูดขึ้นว่า “เกี๊ยวยังทำไม่เสร็จเลย ฉันกำลังจะห่อแผ่นเกี๊ยวน่ะค่ะ”
หลังจากพูดจบเธอก็หันกลับไปทำเกี๊ยวต่อ
จี้เจี้ยนอวิ๋นหรี่ตามอง เขาก็ว่าอยู่ว่าทำไมวันนี้เธอดูเปลี่ยนไป เธอรู้ว่าเธอทำความผิดเลยกลัวว่าเขาจะตำหนิเธอหรือ?
แต่ก็ยังมีบางอย่างที่ดูผิดปกติไป ภรรยาของเขาจะกลัวเขาได้อย่างไรกัน? เมื่อปีก่อนตอนที่เธอก่อเรื่องขึ้น เธอยังเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ได้อยู่เลย
“นี่เป็นเงินเบี้ยเลี้ยงของสองเดือนที่ผ่านมานี้ คุณเอาไปสิ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินตามเข้ามาแล้วหยิบซองเงินออกมาให้
“เอาไว้ก่อนนะคะ ฉันกำลังยุ่งอยู่” ซูตานหงมองเขาแล้วก้มหน้าทำเกี๊ยวต่อ
ดูเหมือนเธอจะรู้ตัวจริงๆ ว่าทำผิด แต่ก่อนสิ่งแรกที่เธอจะทำเมื่อเขากลับมาที่บ้านคือการขอเงินจากเขา แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ทำอะไรกับเงินที่เขาให้ไปเลย
ในเมื่อรู้ตัวว่าผิดก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรอีก
จี้เจี้ยนอวิ๋นคิดในใจว่านานๆ ทีกว่าจะได้กลับมาสักครั้งหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นก็อยู่อย่างสงบๆ สักสองสามวันแล้วกัน
“ผมจะช่วยคุณทำนะ” เขาเดินไปหา
“วิญญูชนอยู่ห่างครัว นี่เป็นงานของสตรี ออกไปเร็วค่ะฉันทำเองได้” ซูตานหงรีบบอกเมื่อเห็นว่าเขาจะมาช่วยทำ
“กฎจุกจิกแบบนั้นเอามาจากไหนกัน” สามีของนางกล่าวและเขาก็เริ่มลงมือทำ นางรู้จากความทรงจำว่าสามีก็ทำอาหารเป็น และทุกครั้งที่เขากลับมาเขาก็จะทำให้อาหารกิน
นางรู้สึกว่านางคงจะมีความสุขเป็นอย่างมากถ้าได้แต่งกับสามีเช่นนี้ แต่สำหรับเจ้าของร่างเดิมกลับไม่ได้จริงจังอะไรกับเรื่องนี้นัก ตอนที่เขากลับมา สิ่งเดียวที่เจ้าของร่างตื่นเต้นยินดี ก็คือในเวลาที่ได้ปรนนิบัติสามีและถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักบนเตียง นั่นเป็นเพียงช่วงเวลาเดียวที่เธอหวงแหน
ซูตานหงทำเกี๊ยวมาเป็นจำนวนมากและยังห่อเกี๊ยวสำหรับในส่วนของพรุ่งนี้เช้าไว้ด้วย
ทั้งสองกินเกี๊ยวเป็นมื้อเย็น และจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ได้เรียนรู้ถึงความเคร่งครัดเจ้าระเบียบของภรรยาตนเอง เธอจะเคี้ยวอาหารอย่างช้าๆ และไม่พูดอะไรเลยในเวลารับประทานอาหาร เมื่อเขาพูดด้วยเธอก็มองมาอย่างไม่พอใจบอกไม่ให้เขาพูดอะไรในเวลาที่กินอาหาร กล่าวว่าเวลากินไม่พูดเวลานอนไม่เอ่ยปาก
แม้ว่าภรรยาของเขาจะมีท่าทางการกินที่ดูแปลกไป แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอกลับมีท่าทางที่ดูสบายๆ
“ฉันอิ่มแล้วค่ะ” ผู้เป็นภรรยาบอกหลังจากที่กินเกี๊ยวไปได้สี่ตัว
“กินแค่นี้เองเหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถึงกับอึ้งไปแล้วมองไปทางภรรยาที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป
ถึงเธอจะรู้ว่าทำความผิดแต่เธอก็ไม่ควรกลัวจนถึงขนาดไม่กล้ากินไม่ใช่หรือ? ปกติแล้วภรรยาของเขากินจุมากพอ ๆ กับเขาเลย
“ฉันต้องลดน้ำหนักค่ะ” ภรรยาของเขามองมาที่เขาอย่างเขินอายและก้มหน้าลงเหมือนเด็กที่ทำความผิดไว้ “ฉันเคยเป็นคนที่ไม่ได้ความ คุณไม่เป็นห่วงฉันนะคะ ต่อไปนี้ฉันจะใช้ชีวิตให้ดี”
“ผมรู้แล้ว ถ้างั้นคุณก็ควรกินอีกสักหน่อยไหม? คุณจะลดไขมันจากตรงไหน? คุณอ้วนที่ไหนกัน?” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกค่ะ คุณกินของคุณต่อเถอะ อ้อ เอาเงินมาให้ฉันด้วยนะคะ” ซูตานหงบอก
นางรู้ถึงความสำคัญของเงินจากความทรงจำของตน ในชาติก่อนนางไม่เคยต้องกังวลในเรื่องอาหารและเสื้อผ้า โดยทั่วไปแล้วเงินจะถูกส่งให้บ่าวรับใช้เป็นคนนำไปใช้ ตัวนางจึงไม่เคยต้องซื้ออะไรเอง
แต่มีคำกล่าวว่าเมื่อมีอาหารอยู่ในมือ ใจก็ไม่ต้องตื่นตระหนก เงินนี้จำเป็นต้องถูกเก็บไว้ อีกทั้งเงินเหล่านี้เป็นเงินในบ้านของนาง นางจึงต้องเป็นคนเอากลับไปจัดสรร
นี่แหละถึงสมกับเป็นภรรยาของเขา
จี้เจี้ยนอวิ๋นให้เงินกับเธอและคิดอย่างนั้น
ซูตานหงไม่สนใจเขา หลังจากได้เงินมาก็กลับเข้าไปในบ้านและนับเงินที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ มีเงินอยู่ทั้งหมด 345 หยวนกับอีก 46 เฟิน แม้จะไม่รู้มูลค่าของเงิน แต่นางก็พอรู้ว่านี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย!
คราวนี้สามีของนางนำเงินกลับมาให้มากกว่า 70 หยวน เงินที่ได้มาในสองเดือนนี้มากกว่าที่ได้ในเดือนอื่นๆ ถึงสิบกว่าหยวน?
ซูตานหงหยิบเงิน 20 หยวนแยกออกมา จากนั้นก็เดินไปตักน้ำในถังด้านนอกเพื่อเอากลับมาต้ม นางวางเงิน 20 หยวนลงบนโต๊ะและพูดว่า “คุณเอาไปให้คุณแม่ด้วยนะคะ”
จี้เจี้ยนอวิ๋นตะลึงงันไปก่อนจะพยักหน้าบอก “ตกลง”
และเมื่อเห็นเธอกำลังวุ่นเขาจึงถามว่า “คุณต้มน้ำอีกทำไม?”
“สำหรับให้คุณอาบน้ำไงคะ” ซูตานหงตอบพร้อมกับใส่ฟืนเข้าไปในเตาดิน
หลังจากที่ได้ยินจี้เจี้ยนอวิ๋นก็เข้าใจความหมาย ดูเหมือนว่าในคืนนี้เขาจะได้กินเนื้อแล้ว เขาจะต้องทำตัวดีๆ ดังนั้นเขาจึงกินเกี๊ยวไปอีกสองชาม
ตอนนี้เกือบเข้าเดือนตุลาคมแล้ว อากาศจึงเริ่มเย็นลง สองวันที่ผ่านมาน้ำค้างด้านนอกเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง ดังนั้นจึงต้องต้มน้ำสำหรับอาบ
ในขณะที่ซูตานหงต้มน้ำอยู่ จี้เจี้ยนอวิ๋นที่กินอิ่มแล้วก็ออกไปด้านนอก เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าไม่มีน้ำสำหรับใช้ในบ้านเหลืออยู่ในถังแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขากลับมาแล้ว ดังนั้นงานนี้เขาจึงต้องเป็นคนทำ
____________________________