ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 301 ทุกที่เป็นเงินเป็นทอง
ตอนที่ 301 ทุกที่เป็นเงินเป็นทอง
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูไม่อยากต้อนรับหล่อนจริง ๆ จี้อวิ๋นอวิ๋นก็ไม่คิดจะอยู่ต่อให้เป็นที่รังเกียจ ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของหล่อนให้เกียรติซูตานหงมากกว่าพี่สะใภ้สี่ของหล่อน คิดหรือว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นจะมาเหยียบที่นี่?
เห็นหรือเปล่าล่ะว่าหล่อนไปหาพี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองบ้างไหม?
จี้อวิ๋นอวิ๋นเก็บข้าวของแล้วเดินหันหลังกลับไป
เมื่ออวิ๋นลี่ลี่เห็นหล่อนเดินกลับมาพร้อมกับของ เลยถามออกไปว่า “เธอไม่ได้คุยดี ๆ กับพี่สะใภ้สามเหรอ?”
“คุยแล้วค่ะ แต่หล่อนไม่คิดจะรับน้ำใจจากฉันเลย!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ยอย่างไม่แยแส “ฉันไปแล้วนะคะพี่สะใภ้สี่ ที่ร้านของฉันงานยุ่งมาก ฉันจะต้องไปดูแล พี่ช่วยขนเสื้อผ้าพวกนี้ไปให้ฉันหน่อยก็แล้วกันค่ะ”
“ช่างมันเถอะ ถ้าพี่สะใภ้สามไม่เอา เธอก็เอากลับไปด้วยเลย” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ย
จี้อวิ๋นอวิ๋นจึงขนเสื้อผ้าเหล่านี้กลับไปด้วย
ใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว วันนี้จึงเป็นวันที่หล่อนหาเวลาว่างออกมาได้ เพราะช่วงนี้งานยุ่งมาก
หล่อนกลับไปอย่างรีบเร่ง และเมื่อจี้เจี้ยนเหวินกลับมาถึง อวิ๋นลี่ลี่ก็บอกกับเขาในเรื่องที่จี้อวิ๋นอวิ๋นจะเปิดร้าน
จี้เจี้ยนเหวินขมวดคิ้ว “หล่อนคิดจะทำแบบเดิมงั้นเหรอ?”
“แบบเดิมอะไรล่ะคะ? ฉันว่าครั้งนี้อวิ๋นอวิ๋นคงจะทำอะไรที่มันจริงจังแล้ว คุณดูสิคะ หล่อนเอากระโปรงมาให้เยียนเอ๋อร์ถึงสองตัว ทันสมัยมากเลยล่ะ หล่อนบอกว่ามันเป็นของนำเข้ามาจากทางใต้ ไม่เหมือนกับของพวกเราที่นี่ เป็นสินค้าตัวใหม่ ทันสมัยสุด ๆ” อวิ๋นลี่ลี่พูดพลางหยิบเสื้อผ้ามาให้เขาดู
จี้เจี้ยนเหวินไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้ “ให้หล่อนไปหางานทำดี ๆ ก็พอแล้ว อย่าทำอะไรที่มันเสียเปล่าแบบนี้!”
ในการกลับมาเกิดใหม่ของจี้อวิ๋นอวิ๋นในครั้งนี้ หล่อนตั้งใจว่าจะทำธุรกิจใหญ่ หล่อนรู้ว่าหลังจากนี้โลกจะพัฒนาไปไกลขนาดไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าทุกที่เป็นเงินเป็นทอง แน่นอนว่าหล่อนต้องตามกระแสของยุคสมัยและตามจังหวะของเวลาเพื่อแสวงโชคลาภให้ตนเอง!
ร้านขายเสื้อผ้าเป็นทางเลือกแรกของหล่อน ในชาติที่แล้วหล่อนทำธุรกิจขายเรือนร่างมาก่อน ดังนั้นหล่อนจึงต้องแต่งตัวให้เป็น เพื่อจะได้สวมใส่เสื้อผ้าให้เข้าชุดกัน
ถึงแม้ชื่อเสียงในเมืองของหล่อนจะไม่ดีนัก แต่พื้นที่เมืองก็ใหญ่โตออกขนาดนั้น ใครจะมาสนใจเรื่องของหล่อนได้ทุกคนกัน?
แถมตอนนี้มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว ภาพลักษณ์ปัจจุบันของหล่อนต่างจากปีที่แล้วมาก หล่อนแต่งตัวดูทันสมัยตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วยังทำผมดัดลอนอีกด้วย จนสาว ๆ ในเมืองต่างพากันอิจฉาเมื่อเห็นหล่อน และพากันถามหล่อนว่าไปดัดผมที่ไหนมา
ที่สำคัญที่สุดก็คือร้านเสื้อผ้าของหล่อน ซึ่งกิจการดำเนินไปอย่างดีมาก หล่อนเพิ่งเปิดร้านนี้ได้ 20 วัน ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนดี มันก็ทำกำไรไปแล้วเกือบ 80 หยวน!
เงินจำนวนนี้ในยุคอนาคตข้างหน้าที่หล่อนเคยประสบมาถือว่าไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่ในช่วงเวลานี้ เงิน 80 หยวนภายในหนึ่งเดือนนับเป็นเงินจำนวนมหาศาล ครอบครัวหนึ่งจะได้เงินเดือนกันสักเท่าใดกันล่ะ เงินที่หล่อนได้รับภายในเดือนเดียวเท่ากับเงินเดือนของคนอื่นใน 2 เดือนรวมกันเลยนะ!
ยิ่งช่วงสิ้นปีแบบนี้ มีคนไม่น้อยเลยทีเดียวที่คิดอยากจะซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ โดยเฉพาะเสื้อผ้าแบบที่ทันสมัย ธุรกิจร้านเสื้อผ้าของหล่อนถือว่าเฟื่องฟูสุด ๆ ไปเลย
ตอนนี้พ่อกับแม่ยังไม่ให้อภัยหล่อนก็ไม่เป็นไร รอหล่อนหาเงินได้มาก ๆ ก่อน ถึงตอนนั้นก็คงจะยอมให้อภัยหล่อนเอง
และยังมีคนอื่น ๆ อีก ที่ทุกคนเป็นแบบนั้นก็เพราะว่าตอนนี้หล่อนไม่มีเงิน ไม่มีเงินก็ไม่มีที่ยืน ไม่มีตัวตน แม้กระทั่งการให้เกียรติขั้นพื้นฐานก็ไม่ได้รับ
หล่อนต้องคว้าโอกาสที่หายากตอนนี้ไว้ หล่อนต้องทำเงินให้ได้!
ไม่ต้องพูดถึงฝั่งของหล่อนเลย ฝ่ายซูตานหงก็ขมวดคิ้วเช่นกันหลังจากที่จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับไป
เธอกำลังครุ่นคิดว่าคำพูดนั้นของจี้อวิ๋นอวิ๋นมันหมายความว่าอะไรกันแน่? ไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้น แต่ยังมีบุคลิกของจี้อวิ๋นอวิ๋นอีก หล่อนดูแตกต่างจากคนเก่าราวกับเป็นคนละคน แม้ว่าใบหน้าของหล่อนจะยังเหมือนเดิม แต่มันก็ฉายแววภาคภูมิออกมา เหมือนกับแววตาท่าทางของคนในเมืองที่มองดูคนในชนบท
จี้อวิ๋นอวิ๋นดูมีความมั่นอกมั่นใจในแบบนั้น ราวกับว่าหล่อนมีไพ่ตายอยู่ในมือ
ซูตานหงคิด จี้อวิ๋นอวิ๋นที่ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี จะไปมีไพ่ตายอะไรอยู่ในมือได้?
การที่จี้อวิ๋นอวิ๋นนำของมา ก็เป็นเพราะความจริงแล้วหล่อนต้องการกลับมารับประทานอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่า เพียงแต่ซูตานหงไม่ได้ให้โอกาสนี้กับหล่อน
ถ้าหล่อนไปหาจี้เจี้ยนอวิ๋น เธอก็ไม่ต้องวุ่นวายอะไรมาก แต่หล่อนเลือกจะกลับมาหาเธอแบบนี้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องมีการพูดคุยใด ๆ
ดังนั้นอาหารค่ำส่งท้ายปีเก่าของปีนี้จึงไม่มีที่สำหรับจี้อวิ๋นอวิ๋น หล่อนไม่ได้มาร่วมด้วยหลังจากซูตานหงเอ่ยปฏิเสธหล่อนไป
หลังอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า ทุกคนก็คุยกันเป็นเวลานาน มันเป็นธรรมเนียมที่มีมาเนิ่นนาน เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้มีจี้มู่ตานกับเฝิงฟางฟาง พวกหล่อนในตอนนี้ก็มีอัธยาศัยดีขึ้นมาบ้าง จึงไม่จำเป็นต้องสนใจว่าใครจะร่วมงานหรือไม่
เมื่อเหลือกันอยู่แค่สี่สะใภ้ เสียงกระซิบกระซาบก็เริ่มดังขึ้น
“รอบนี้เกิดอะไรขึ้นกับจี้อวิ๋นอวิ๋นกันนะ เหมือนหล่อนกำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เลย ครั้งก่อนที่ฉันเห็นหล่อน หล่อนก็เรียกฉันว่าพี่สะใภ้เสียงดังเชียว” เฝิงฟางฟางเอ่ยขึ้น
นัยน์ตาของอีกฝ่ายฉายแววเห็นอกเห็นใจอย่างยิ่ง ซึ่งทำให้หล่อนรู้สึกอึดอัด
เฝิงฟางฟางไม่รู้เลยว่าชาติก่อนโหวหวาจือไม่ใช่เด็กกตัญญู ก่อนจบชั้นมัธยมต้นเขาได้คบกับพวกอันธพาลในโรงเรียน หลังจากนั้นก็โดนตีจนขาหัก สุดท้ายเขาได้กลับไปทำนาที่บ้านเกิด และได้ภรรยาเป็นคนหูหนวก
ชีวิตในชาติก่อนของเฝิงฟางฟางนับว่าน่าสังเวชมาก ซึ่งจี้อวิ๋นอวิ๋นได้รู้เรื่องเหล่านี้จากอวิ๋นลี่ลี่ ดังนั้นหลังจากที่หล่อนเกิดใหม่แล้วได้มองไปที่ดวงตาของพี่สะใภ้ใหญ่ หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจ
แต่เฝิงฟางฟางไม่เชื่อในเรื่องนี้อย่างแน่นอน และรู้สึกไม่สบายใจนัก หล่อนคิดว่าตอนนี้มีงานอะไรที่ทำให้ครอบครัวมีรายได้หล่อนก็จะทำ ผลการเรียนของลูกชายก็อยู่ในระดับดี หล่อนมีสิทธิ์อะไรมามองด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจแบบนั้น ไปดูแลเรื่องของตัวเองเถอะ!
“หล่อนเอากระโปรงมาให้เสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้คนละตัวด้วยล่ะค่ะ” จี้มู่ตานเอ่ย
หล่อนรับกระโปรงพวกนั้นไว้ ไม่รับเอาไว้ก็คงจะไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
“อวิ๋นอวิ๋นเหมือนจะรู้ความมากขึ้นนะคะ” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ย
“รู้ความมากขึ้นก็ดี แต่ก็อย่าให้หล่อนโผล่หน้ามาให้พ่อกับแม่เห็น ฉันว่าต้องให้พ่อกับแม่ทำใจสักพัก แต่คงยังไม่ยอมรับหล่อนแน่ ๆ ล่ะ” เฝิงฟางฟางว่า
แม้ว่าสังคมปัจจุบันจะเปิดกว้างและกำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่รองเท้าที่พัง*แล้วโดยเฉพาะในสายตาคนรุ่นก่อนก็เป็นรอยที่ลบไม่ได้ไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะใส่ตะกร้าล้างน้ำให้ขาวสะอาดแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
*คนที่ผ่านเรื่องฉาวในเชิงชู้สาวมาก่อน
“ตอนนี้หล่อนไปเปิดร้านเสื้อผ้าอยู่ในเมืองเหรอ?” ซูตานหงถามเสียงเรียบ
“เปิดอยู่ร้านหนึ่ง ขายดีเชียวล่ะค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่รีบพูด
ซูตานหงพยักหน้า และก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก ในเมื่อจี้อวิ๋นอวิ๋นมีความสุขก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าเป็นแบบนี้แล้วหล่อนก็ไม่ต้องกลับมาร้องไห้ฟูมฟายที่บ้าน หล่อนมีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้
เห็นหล่อนเป็นแบบนี้แล้ว ก็บอกได้ว่าหล่อนกำลังต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อกลายเป็นคนรวย
“ผู้หญิงตัวคนเดียวเปิดร้านขนาดนี้ จะทำไหวเหรอ” เฝิงฟางฟางเอ่ยขึ้น
“หล่อนจ้างผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยแล้วค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่ตอบ
“หล่อนกลายเป็นเถ้าแก่เนี้ยไปแล้ว ขนาดจ้างคนมาทำงานด้วย เดือนหนึ่งจะได้เท่าไหร่เนี่ย” จี้มู่ตานสงสัย
“อันนี้ฉันเองก็ไม่รู้นะคะ อวิ๋นอวิ๋นไม่ได้เล่าให้ฟัง แต่ในฐานะที่พวกเราเป็นพี่สะใภ้ หวังว่าหล่อนจะมีชีวิตที่ดีก็พอแล้วล่ะค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่หัวเราะออกมา
ทั้งหมดคุยกันจนถึงเวลาห้าทุ่ม จึงได้เวลาที่จะต้องแยกย้าย
เมื่อกลับมาถึงบ้าน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็กล่อมลูก ๆ ทั้งสามหลับไปแล้ว และเตรียมน้ำให้ภรรยาล้างเท้าอีกด้วย
สองสามีภรรยาแช่เท้าด้วยกัน ซูตานหงคิดว่าเขาจะต้องพูดเรื่องของจี้อวิ๋นอวิ๋นแน่นอน เธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะมีความเห็นอย่างไร แต่สิ่งที่เขาพูดออกมาก็คือ “ปีนี้เรายังไม่ได้เจอคุณพ่อบุญธรรมเลยนะครับ”