ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 307 เก็บแตงโมมาให้กิน
ตอนที่ 307 เก็บแตงโมมาให้กิน
หลังให้พวกเขาแวะมากินข้าวที่บ้านเสร็จแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ขับรถพาพวกเขาเข้ามาในเมือง
“คุณอามีรถขับด้วยเหรอครับ!” เซียวจวิ้นที่ได้นั่งรถเป็นครั้งแรกรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก
“ใช่แล้ว รอหลานโตขึ้นอีกหน่อยก็ขับได้แล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม
อันดับแรกต้องพาพวกเขาไปซื้อหม้อและกระทะในห้างที่เขาร่วมหุ้นกับเจินเมียวหงก่อน เขาออกเงินให้ตามราคาขายปกติ ซึ่งนับว่าไม่แพงเท่าใด
แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องใช้จ่ายเงินไปหลายหยวนเหมือนกัน
ต้าจวินทำท่าจะจ่ายเอง จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเอ่ยขึ้นมา “บอกแล้วไงว่าของพวกนี้ฉันออกเอง ครั้งนี้ฉันออกให้นาย แต่เรื่องที่เหลือนายต้องทำเอง”
เหตุผลอันดับแรกที่เข้ามาในเมืองก็คือการพามาหาเหล่าฉิน ซึ่งเหล่าฉินก็พาพวกเขาไปที่ร้าน หลังจี้เจี้ยนอวิ๋นได้เห็นร้านแล้วก็รู้สึกพอใจ
ร้านค้าดูกว้างขวางอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ยังไม่ได้ทำความสะอาด จี้เจี้ยนอวิ๋นและเหล่าฉินเริ่มช่วยกันทำความสะอาด หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงพวกเขาก็ทำความสะอาดกันเกือบจะเสร็จแล้ว
“วันนี้ไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาลงของแล้วกัน” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
“ได้” ต้าจวินพยักหน้า
แม่ของต้าจวินดีใจมาก เห็นชัดว่าสภาพความเป็นอยู่ของที่นี่ดีกว่าที่นางคิดเอาไว้ จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้พูดเกินจริงเลย ความเป็นอยู่ในครอบครัวของเขาช่างดีมากจริง ๆ แม้แต่ทีวีสีก็ยังมี
ส่วนต้าจวินก็เป็นเช่นนั้นได้ แม้จะสร้างเนื้อสร้างตัวในเมืองแบบนี้แบบค่อยเป็นค่อยไปก็ตาม ครั้นกลับมาถึงบ้าน ซูตานหงก็เอ่ย “บัญชีอะไรพวกนั้น ฉันเอาของพี่เหอมาให้แล้วนะคะ ยึดหลักการคิดบัญชีแบบนั้นเลยค่ะ”
“พรุ่งนี้ตอนเข้าไปเติมของแล้ว ผมจะไปบอกกับเขาให้” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
ซูตานหงไม่ยุ่งเรื่องอื่นแล้ว ต้าจวินคนนั้นดูท่าทางใช้ได้เลย แม่และลูกชายของเขาก็นิสัยดี เธอเลยไม่ได้เอ่ยปากอะไรมากมาย
แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาได้จดบัญชีร้านค้าตามแบบแผนที่เธอวางไว้หรือไม่ ถ้าไม่ตรงตามนั้น เธอก็จะเป็นคนเอ่ยปากเอง
อย่างเช่นสะใภ้ใหญ่ของอวิ๋นลี่ลี่ เธอเองก็ไม่เกรงใจ
เธอใช้เงินจ้างคนมาทำงาน ไม่ใช่เพื่อเป็นแกะอ้วนของใคร ในตอนนี้เธอให้พี่สะใภ้ใหญ่อวิ๋นดูแลบัญชีอยู่ ครั้นไม่พบความแตกต่างอะไร ซูตานหงก็ให้พวกเขาทั้งสองทำต่อไป ไม่เช่นนั้นตอนนี้เธอก็จะเปลี่ยนคนแล้ว
ถึงจะเป็นพี่ชายใหญ่ของอวิ๋นลี่ลี่ เธอก็ไม่เกรงใจเหมือนกัน
คนดูแลในมือมีมากขนาดนี้ เรื่องไหนควรจะพูดก็ต้องพูด ตามหลักการแล้วเธอจะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
ตอนนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวสตรอว์เบอร์รี่บนภูเขาแล้ว สตรอเบอร์รี่จำนวนมากถูกส่งออกทุกวัน เมื่อซูตานหงว่างงาน เธอก็จะทำแยมสตรอว์เบอร์รี่
เธอทำเก็บเอาไว้ให้คนในครอบครัวกิน ซึ่งเหรินเหรินและน้องชายของเขาชอบกินมาก โดยเฉพาะฉีฉีที่บอกว่าแยมสตรอว์เบอร์รี่อร่อยกว่าลูกอม!
“ถ้าลูกเชื่อฟังแม่ แม่จะทำให้ลูกกินทั้งปีเลย” ซูตานหงให้คำมั่นสัญญา
“ผมจะเชื่อฟังครับ ผมเคยไม่เชื่อฟังแม่ด้วยเหรอครับ?” ฉีฉีเอ่ย
“แม่รู้ว่าลูกเชื่อฟังแม่ ดังนั้นก็เลยอยากให้ลูกทำมันต่อไป ไม่ได้หมายความว่าลูกเป็นไม่เด็กดีสักหน่อย” ซูตานหงเอ่ย
ฉีฉีพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
หลังจากฤดูสตรอว์เบอร์รี่ผ่านไป ก็เป็นฤดูของแตงโม
ขณะเดียวกันก็มีแพะให้เชือด
เมื่อปีที่แล้วไม่ได้ฆ่าแพะจนหมด เหลือเอาตัวขนาดกลาง ๆ เอาไว้ ผ่านไปสองสามเดือน แพะตัวขนาดกลาง ๆ ก็กลายเป็นตัวใหญ่ ๆ แล้ว
ดังนั้นในขณะขายผลไม้ จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เริ่มขายเนื้อไปด้วย เช่นเดียวกับปลาที่จับมาจากอ่างเก็บน้ำ ขณะเดียวกันเขาก็กลับมาพร้อมกับลูกปลาชุดใหม่ที่ถูกปล่อยลงในอ่างเก็บน้ำ ถ้าปลาที่จับได้มีขนาดเล็กเกินไปก็ใส่กลับเข้าไป หากเป็นปลาที่มีขนาดโตพอดีก็จะนำไปขาย ทำให้เขาจับปลาไปขายเป็นจำนวนมากได้ทุกวัน
วันนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นนำปลากะพงตัวใหญ่สองตัวกลับมา ส่งตัวหนึ่งไปที่ภูเขา และอีกตัวเก็บเอาไว้กินเอง
เช่นเดียวกับพ่อของพวกเขา เหรินเหรินและฉีฉีก็ชอบกินปลาเช่นกัน ตอนนี้เสียงเสียงเริ่มกินข้าวได้แล้ว ซูตานหงก็ให้ปลากินไปอยู่พอสมควร
“ต้าจวินเริ่มคุ้นชินบ้างหรือยังคะ?” ซูตานหงเอ่ยถาม
หลังจากที่พาเซียวต้าจวินมาที่นี่ เวลาก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว
จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า “น่าจะไม่ชินหรอก มีเรื่องขึ้นทุกวัน ที่นั่นขายปลาดีมากด้วย”
ต้าจวินฆ่าปลาได้ ส่วนเรื่องอื่นแม่ของต้าจวินก็เป็นคนดูแล แต่ก็มีของไม่กี่อย่าง มีไข่ไก่ ไข่เค็มกับไข่เป็ด และก็ผลไม้สด
สิ่งสำคัญคือการขายปลา ซึ่งทำกำไรได้มหาศาล
พวกเขาได้เงินเดือน 80 หยวนต่อเดือน ตัวร้านมีขนาดกว้างพอให้คนอยู่อาศัยแบบไม่แออัดเลย ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกภายในก็ดี แม้ตัวร้านจะเก่าไปบ้าง แต่แบบนี้ก็ดีกว่าบ้านในชนบทที่เขาอยู่มาก
ที่สำคัญก็คือที่นี่ดูมีชีวิตชีวาและเจริญรุ่งเรืองกว่ามาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีงานยุ่งทุกวัน ยุ่งตลอดวันไม่มีเวลาที่จะคิดเกี่ยวกับสิ่งอื่น ๆ
ทางร้านจะมั่นคงหรือไม่ซูตานหงไม่สนใจ แต่เมื่อได้เห็นบัญชีของเดือนนี้ ซูตานหงก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก
วันเวลาแสนวุ่นวายมักผ่านไปเร็วเสมอ พอเข้าเดือนพฤษภาคม อากาศก็เริ่มร้อนจัด และในเดือนมิถุนายนมันก็ร้อนอบอ้าวเหมือนอยู่ในกองเพลิง
ในเวลานี้ แตงโมของเธอกำลังเป็นที่นิยมมาก มันมีราคาไม่แพง ราคาขายส่งอยู่ที่ 1 เหมาต่อหนึ่งชั่ง ปกติขายอยู่ที่ร้านอยู่ที่สองสามเหมาต่อชั่ง หากส่งไปที่เมืองมหาวิทยาลัยก็จะแพงขึ้นมาหน่อย อยู่ประมาณ 4 เหมาต่อชั่ง โดยสินค้าที่ขายในเมืองมหาวิทยาลัยจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่านิดหน่อย เพราะไม่รับขายชิ้นเล็ก ๆ อย่างครึ่งผลหรือหนึ่งส่วนสี่ผล เนื่องจากมันดูกระจัดกระจายเกินไป
ปกติแล้วลูกค้าจะขนแตงโมของครอบครัวเขาไปได้คนละลูก แต่ก็มีหลายคนอย่างเช่นลุงเกาที่สามารถอุ้มไปได้ถึงสองลูก
แตงโมมีรสชาติดีมาก ทั้งหวานทั้งฉ่ำ ถ้าเอาไปแช่ตู้เย็นแล้วเอาออกมากิน ในช่วงอากาศร้อนแบบนี้แล้ว รสชาติของแตงโมก็จะยิ่งทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้นไปอีก
วันนี้เสียงเสียงได้กินแล้ว เด็กน้อยดูพอใจมาก แต่ซูตานหงก็ไม่ได้ให้กินเยอะ ปกติจะให้เขากินไม่กี่ชิ้น เมื่อกินเสร็จแล้วเขาก็อยากจะกินอีก แต่ซูตานหงก็ไม่ยอมให้กิน ต่อเขาจะร้องไห้ก็ไม่ช่วยอะไร แต่หลาย ๆ วันผ่านไป เขาก็ไม่ร้องไห้แล้ว กินเสร็จก็ออกไปเล่น ซึ่งตอนนี้เขาสามารถเดินเตาะแตะเหมือนกับที่พี่ชายทั้งสองคนเคยเดินได้แล้ว และยังชอบเล่นกับต้าเฮยด้วย
อย่างในวันนี้ที่ฉีฉีกลับมาแล้วเห็นน้องชายของเขากำลังดึงขนของต้าเฮย เขาก็รีบเอ่ยขึ้น “เสียงเสียง ปล่อยเร็ว ต้าเฮยเจ็บนะ!”
“ไม่” เด็กน้อยสามารถพูดคำง่าย ๆ ออกมาได้แล้ว สายตาของเขาจ้องเขม็ง บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมปล่อย
ไม่เพียงไม่ปล่อย ยังคว้าขนของต้าเฮยมาไว้ในมืออีก ต้าเฮยไม่ตอบสนองอะไร แต่ฉีฉีรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก ต้าเฮยกำลังจะกลายเป็นของกินของน้องชายเขาแล้ว!
“ถ้ายอมปล่อย พี่จะให้กินแตงโม” ฉีฉีพูดขึ้นอีกครั้ง
“โม?” เสียงเสียงมองเขา
“ใช่ ให้นายกินแตงโม มากับพี่สิ!” ฉีฉีเอ่ย
เสียงเสียงจึงยอมปล่อยมือจากต้าเฮยและเดินตามไป ฉีฉีขึ้นไปหยิบแตงโมที่แม่หั่นเอาไว้ให้น้องชายเขากิน หนึ่งคนกินหนึ่งชิ้น กว่าที่ซูตานหงจะกลับมาที่ห้องครัวก็กินกันหมดแล้ว
“น้องกินไปแล้ว อย่าให้น้องกินอีกนะ” ซูตานหงเอ่ย
“ผมไม่ได้ให้กินเยอะเลย น้องกินไปแค่นิดเดียวเอง” ฉีฉีว่า “แล้วพี่ชายล่ะครับแม่?”
“พี่ชายของลูกไปเก็บไข่เป็ดที่อ่างเก็บน้ำกับพ่อน่ะ” ซูตานหงว่า
“ทำไมไม่บอกผมล่ะ!” ฉีฉีโวยวาย
“ลูกออกไปเล่นมา แล้วจะไปตามที่ไหน?” ซูตานหงเอ่ยอย่างไม่สนใจ “แม่ได้ยินว่าพรุ่งนี้พวกเขาก็จะไปกันอีก”
“งั้นพรุ่งนี้ผมจะไป!” ฉีฉีรีบพูด
“ไป!” เสียงเสียงเอ่ยขึ้นมา
ฉีฉีตกใจ และหันไปปลอบใจ “น้องอยู่บ้านกับแม่นะ พี่จะออกไปเก็บแตงโมมาให้กิน”
แน่นอนว่าเขาโกหกน้อง ไม่งั้นน้องชายก็จะต้องมาพันแข้งพันขา ทำให้พรุ่งนี้เขาไม่ได้ไปแน่
“โม?” เสียงเสียงมองเขา
“ใช่ เก็บแตงโมมาให้นายกินไง!” ฉีฉีเอ่ย