ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 308 ความรักที่เติบโตไปด้วยกัน
ตอนที่ 308 ความรักที่เติบโตไปด้วยกัน
วันต่อมาเสียงเสียงจึงได้ปล่อยมือจากพี่รองของตน แต่เมื่อเห็นว่าพี่ชายคนรองกลับมามือเปล่า เด็กน้อยก็เดือดดาลขึ้นมาทันที เขาคว้ามือพี่ชายคนรองมากัด จนทำให้คนเป็นพี่ร้องไห้
แม้อยากจะตีแต่ไม่อาจทำไม่ลง ทำได้เพียงร้องไห้ออกมา
รอยฟันขึ้นเป็นจ้ำสีม่วงเขียว เพียงพอให้เห็นว่าเสียงเสียงคนนี้เคยมีแรงดูดนมมากขนาดไหน
แต่คิดว่าเรื่องจะจบแค่นี้หรือ เสียงเสียงยังคิดบัญชีกับพี่คนชายรองไม่จบ เขาเริ่มลงมือทำลายของเล่นของพี่ชายคนรอง เขวี้ยงรถของเล่นที่พี่ชายคนรองรักมากที่สุดลงพื้นอีกด้วย
“ฉันจะขึ้นไปที่สวน แล้วเอาแตงโมมาให้!” ฉีฉีตะโกนบอก
“ไป?” เสียงเสียงมองเขา
“ใช่ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ นายรออยู่ที่บ้าน อย่าพังอะไรอีก! ” ฉีฉีว่า
“ไป” เสียงเสียงโยนของเล่นทิ้ง เชิดหน้าขึ้นมองเขา
ฉีฉีขึ้นไปที่สวนด้วยน้ำตานองหน้าโดยมีเหรินเหรินไปด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคนเดียวคงแบกกลับมาไม่ไหว เมื่อพี่ชายทั้งสองจากไป ซูตานหงจึงเริ่มสอนลูกชายตัวดี “เจ้าเด็กเหม็น ทำไมถึงกัดพี่เขาแรงแบบนี้? พี่ร้องไห้เพราะเราแล้วรู้ไหม”
เดิมทีเธอไม่รู้เรื่องนี้ เธอกำลังยุ่งอยู่ในครัว ออกมาเธอก็เห็นฉีฉีถูกเด็กคนนี้กัดเข้าเสียแล้ว
เสียงเสียงเอ่ย “แตงโม!”
เขานึกถึงเรื่องนี้เมื่อตื่นขึ้นในตอนเข้า ดังนั้นตอนที่พี่ชายคนรองไปที่อ่างเก็บน้ำเขาจึงไม่ได้ตามไป เฝ้ารอแตงโมอย่างใจจดใจจ่อ แต่พี่ชายคนรองกลับมามือเปล่า เขาจะปล่อยอีกฝ่ายไปได้อย่างไร?
“พี่รองไม่ได้เอากลับมา แต่ที่สวนก็ยังมีอีกไม่ใช่เหรอ? ขอให้เขาไปเอามาให้ก็ได้แล้ว” ซูตานหงว่า “คราวหลังห้ามกัดพี่เขาแบบนั้นอีก ถ้าโดนพี่เขาตีกลับมา แม่จะไม่สนใจเลย”
ทางด้านฉีฉีที่ขึ้นภูเขามากับพี่ชายคนโต เขาเอ่ยขึ้น “ตอนนี้น้องสามหลอกไม่ง่ายเลย เขาจำได้แม้กระทั่งผมต้องเอาแตงโมไปให้! ”
เขาคิดว่าน้องชายตัวเองลืมไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังจำได้
“เขาโตขนาดนี้แล้ว ต้องจำได้อยู่แล้วล่ะ เมื่อก่อนนายก็เหมือนกัน ช่วงหน้าร้อนครั้งหนึ่งนายอยากกินไอศครีม แต่ฉันไม่เงิน นายก็เริ่มร้องงอแง น่ารำคาญ” เหรินเหรินว่า
“ผมเคยทำเหรอ?” ฉีฉีรู้สึกประหลาดใจ
“แน่นอนอยู่แล้ว แค่นายจำมันไม่ได้ก็เท่านั้นเอง” เหรินเหรินรู้ความมากขึ้นจนคุ้นชินกับเรื่องแบบนี้ไปแล้ว อย่างไรเสียเขาก็มีน้องชายถึงสองคน
“ต่อไปคงหลอกเขาไม่ได้แล้วสินะ” ฉีฉีถอนหายใจ
“ถ้าไม่กลัวโดนกัดอีกก็ลองดูสิ” เหรินเหรินหัวเราะ
ฉีฉีเบะปาก ดูท่าทางของน้องชายตัวเองแล้ว เพื่อนคนไหนของเจ้าตัวจะเอาชนะได้กัน?
สองพี่น้องเดินขึ้นภูเขาไป ฉีฉีเข้าไปฟ้องย่าของตน แล้วยื่นแขนที่โดนกัดให้นางดู
คุณแม่จี้ปวดใจเป็นอย่างมาก “ทำไมฟันของเสียงเสียงถึงได้คมขนาดนี้? กัดจนเกือบเลือดออกเลย เจ็บมากไหม? เดี๋ยวย่าทายาให้นะลูก”
ฉีฉีให้ย่าตัวเองทายาให้จนเสร็จ ก่อนเขากับพี่ชายจะแบกแตงโมกลับไป ซึ่งก็เลือกผลไม่ใหญ่มากนัก ไม่อย่างนั้นคงจะแบกกันไปไม่ไหว
คุณแม่จี้ถอนหายใจกับคุณพ่อจี้ “ผ่านไปแป๊บเดียว เสียงเสียงก็กัดคนได้แล้ว”
“รีบไปเก็บไข่เถอะ จี้เจี้ยนอวิ๋นต้องส่งเสียลูกชายตั้งสามคนเรียนมหาวิทยาลัย ยังต้องแต่งลูกสะใภ้อีก ใช้เงินเยอะน่าดูเลย” คุณพ่อจี้ไม่ทันได้สนใจว่านางจะพูดอะไร เขาก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันเพิ่งไปเก็บไข่มา” คุณแม่จี้เอ่ย และพูดขึ้นอีก “หลี่จื้อน่าจะใกล้ปิดเทอมแล้ว ทำไมถึงยังไม่พาหยวนหยวนมาอีก หยวนหยวนชอบกินแตงโมมาก ๆ เลยนะ”
“มีอาหารอร่อยให้กิน เธอก็ชอบหมดแหละ” พูดถึงหลานสาวตัวเอง คุณพ่อจี้ก็ปวดใจ
ครั้งที่แล้วเขาเก็บสตรอเบอร์รี่ 1 ตะกร้า และเรียกให้ซูจิ้นตั๋งเอาไปฝากหลานสาวในยามเดินทางผ่านหมู่บ้านต้าวาน ทั้งยังเอาแตงโมไปฝากด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าตอนนี้คงจะกินกันหมดแล้ว
ไม่ปล่อยให้คิดถึงนาน วันต่อมาหลี่จื้อก็พาหยวนหยวนมาหา
หยวนหยวนโตขึ้นมาอีกปีแล้ว พูดจาฉะฉาน เสียแต่ว่าขี้อายไปหน่อย
“คุณยาย” ยามเมื่อเรียกคำว่าคุณยาย เสียงเธอก็เบาราวกับยุงบิน หากไม่ตั้งใจฟังคงไม่ได้ยินแน่
“โอ้” คุณแม่จี้เห็นแล้วก็รู้สึกหน่วงในใจ รีบเข้าไปกอดหลานสาวผู้น่าเอ็นดูทันที “ไปกันเถอะ ยายจะพาไปกินแตงโม”
หยวนหยวนรีบหันไปมองพ่อของเธอ
“ไปกับคุณยายเถอะลูก” หลี่จื้อเอ่ย
หยวนหยวนจึงไม่ได้ปฎิเสธ
เธอเดินตามคุณยายมา แล้วคุณแม่จี้ก็เลือกแตงโมลูกใหญ่ให้เธอ “อันนี้ดีไหม?”
“ค่ะ” หยวนหยวนดีใจมาก ดวงตาเป็นประกาย
เธอชอบแตงโม ครั้งก่อนได้กินที่บ้านคุณย่า รสชาติอร่อยมากทีเดียว
“หนูไปกินกับพ่อนะคะ” หยวนหยวนบอก
คุณแม่จี้รู้สึกขมขื่นในใจ ก่อนเอ่ยขึ้น “เอาสิ เอาไปกินกับพ่อของหลาน”
คุณแม่จี้อุ้มแตงโมไป และให้หยวนหยวนออกไปเล่น หยวนหยวนรู้สึกสนใจสวนผลไม้แห่งนี้เป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าชอบที่นี่ หลังได้กินแตงโมแล้วจึงไปเดินเล่นพ่อของตัวเอง
“พาหยวนหยวนไปเดินเล่นเถอะ” คุณแม่จี้กำลังตุ๋นซุปไก่ นางเอ่ยขึ้น
นางให้หลี่จื้ออยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน
หลี่จื้อพาหยวนหยวนไปเดินเล่น เขามาดูฟาร์มไก่เป็นแห่งแรก
หยวนหยวนเบิกตากว้าง “ไก่เยอะมากเลยค่ะ”
“ใช่แล้ว นี่เป็นของบ้านลุงสาม หยวนหยวนชอบไหม?” หลี่จื้อยิ้ม
“ชอบค่ะ” หยวนหยวนพยักหน้า
หลี่จื้อให้เธอเอาถั่วอาหารสัตว์ไปป้อนไก่ ก่อนพาไปดูแกะ
ตอนนี้มีแกะให้เห็นน้อยมาก หยวนหยวนตาโตเมื่อได้เห็นมัน เธอชอบมากจนพูดไม่ออก หลี่จื้อพาเธอไปลูบขนแกะ เด็กหญิงยิ้มตาหยีอย่างพอใจ
ช่วงบ่ายวันนี้เธอรู้สึกสนุกสนานเป็นอย่างมาก ทั้งได้ดูไก่และได้เห็นแกะ ซ้ำเดินไปครึ่งทางยังได้พบกับฉีฉี
“หยวนหยวนกลับมาแล้ว” ฉีฉีเป็นเด็กร่าเริง เขาจำหยวนหยวนได้ เนื่องจากหลี่จื้อพาเธอมาหาบ่อยครั้ง
“นี่พี่ฉี” หลี่จื้อแนะนำให้เธอได้รู้จัก
“พี่” หยวนหยวนเป็นเด็กขี้กลัว เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“นี่ หยวนหยวนกินแตงโมไหม? เดี๋ยวพี่จะพาไปดู” ฉีฉีพูดขึ้น
“กินแล้วค่ะ” หยวนหยวนตอบกลับไปเสียงเบา
“ลูกมะเดื่อล่ะ? เธอน่าจะยังไม่เคยเห็น ที่นั่นมีต้นหนึ่งที่โตเร็วกว่าใครเพื่อนอยู่ด้วย ตอนนี้ออกผลแล้ว มะเดื่ออร่อยนะ!” ฉีฉีว่า
หยวนหยวนยังเด็ก แต่กลับโดนพี่ชายของเธอหลอกล่อไปเสียแล้ว และด้วยการสนับสนุนของหลี่จื้อ เธอจึงเดินตามไปดูลูกมะเดื่อ
เนื่องจากพวกเขาอยู่ในสวนผลไม้ หลี่จื้อจึงวางใจได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ทว่าคุณแม่จี้กลับเอ่ยขึ้นมา “หยวนหยวนขี้กลัวเกินไป เมื่อไหร่ที่โตขึ้นจะโดนรังแกง่าย”
“ที่นั่นไม่มีเพื่อนให้เธอเล่นด้วยหรอกครับ” หลี่จื้อกล่าว “รอเธอโตขึ้นอีกสักหน่อย เดี๋ยวผมจะส่งเธอเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว”
“หลี่จื้อ เอาหยวนหยวนมาเลี้ยงที่นี่ไหม? ที่นี่มีเหรินเหรินกับฉีฉี และยังมีเสียงเสียงอีกด้วย ทุกคนล้วนกล้าแสดงออกกันหมด หยวนหยวนขี้อายแบบนี้ ถ้าได้อยู่กับพี่ชายตั้งแต่เด็ก ๆ ได้รับความรักที่เติบโตไปด้วยกันก็น่าจะดีกว่านะ” คุณแม่จี้เอ่ย
นี่เป็นความจริง หากเติบโตมาด้วยกัน ต่อให้เป็นแค่เพื่อนบ้าน ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีจนลืมไม่ลง ถ้าไม่ได้โตมาด้วยกันก็คงใช้ชีวิตของใครของมัน ต่างคนต่างอยู่ ไม่เว้นแม้แต่ลูกพี่ลูกน้อง
ต่อไปหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น หยวนหยวนก็ยังสามารถหาที่พึ่งพิงได้จากบรรดาพวกบรรดาพี่ ๆ น้อง ๆ เขาไม่มีทางอยู่ดูแลลูกสาวไปตลอดชีวิตได้
ดังนั้นข้อเสนอของคุณแม่จี้ที่ให้กับเขาจึงทำให้หลี่จื้อรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก