ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 309 หญิงสาวผู้ขยันขันแข็ง
ตอนที่ 309 หญิงสาวผู้ขยันขันแข็ง
“ผมขอไปปรึกษากับแม่ก่อนนะครับ” หลี่จื้อขบคิดก่อนเอ่ยขึ้นมา
ลูกสาวถูกแม่ของเขาเลี้ยงดูมาโดยตลอด ตอนนี้หากต้องการเอาลูกสาวมาเลี้ยงที่บ้านของยาย จะต้องคุยกับแม่ของเขาเสียก่อน
คุณแม่จี้พยักหน้าเป็นอันตกลง ก่อนเอ่ย “ไม่ต้องอยู่นานขนาดนั้นก็ได้ ถ้าแม่ของเธอคิดถึงหยวนหยวนก็มารับกลับไปก็ได้”
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลี่จื้อก็พูดเรื่องนี้กับน้าหลี่
น้าหลี่ขมวดคิ้ว “แม่ของเจี้ยนอวิ๋นคงจะไม่ให้จี้อวิ๋นอวิ๋นรู้จักกับหยวนหยวนเป็นการส่วนตัวหรอกใช่ไหม?”
“นางไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของหล่อนเลยครับ” หลี่จื้อเอ่ยขึ้นมา
เรื่องนี้เขาเองก็เข้าใจดี ถ้าบ้านตระกูลจี้ยอมรับจี้อวิ๋นอวิ๋นขึ้นมา เขาคงไม่ลังเลที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้
แต่บ้านของตระกูลจี้ใช่ว่าจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ และไม่คิดจะยอมรับจี้อวิ๋นอวิ๋นตั้งแต่แรกแล้ว
ยิ่งกว่านั้นยังมีเรื่องนิสัยของลูกสาวคนนี้ ตอนนี้เธอถูกเลี้ยงดูมาแบบเก็บตัวมากเกินไป ถ้าได้อยู่ร่วมกับเหล่าบรรดาพี่ชายน้องชายก็น่าจะดีกว่าแน่นอน
“งั้นแกก็ไปถามหยวนหยวนเถอะ” น้าหลี่กล่าว
หลี่จื้อจึงมาพูดคุยกับลูกสาวตัวเอง
ตอนแรกหยวนหยวนมีท่าทางไม่ยินยอม หลี่จื้อเลยเกลี้ยกล่อมเธออยู่ครู่หนึ่ง หลังจากสัญญาว่าจะมาเยี่ยมเธอทุกสัปดาห์แล้ว หยวนหยวนจึงยอมพยักหน้าตกลง
“หยวนหยวนเป็นเด็กดีมากเลย ที่นั่นมีคุณตากับคุณยาย พวกเขาจะดีกับลูกนะ” หลี่จื้อกอดลูกสาว
หยวนหยวนยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องพวกนี้ เธอจึงยอมตกลง จนกระทั่งหลี่จื้อพามาส่ง เมื่อเห็นว่าพ่อของเธอหายไป เด็กหญิงก็ร้องไห้ขึ้นมาในทันที
คุณแม่จี้จึงพาลงเขาไปหาฉีฉี ซึ่งฉีฉีค่อนข้างสนิทกับเธอ
“คืนนี้หยวนหยวนจะนอนที่นี่ไหม?” ฉีฉีเอ่ยชวน “ที่บ้านยังมีเตียงว่างอยู่”
“ค่ะ” หยวนหยวนตอบตกลง
จี้เจี้ยนอวิ๋นกับซูตานหงไม่ได้คัดค้าน เหรินเหรินกับคนอื่น ๆ เองก็เช่นกัน
หลังจากที่หยวนหยวนยอมอยู่ทีนี่ ความสัมพันธ์ของเธอกับฉีฉีก็ดีขึ้น เธอชอบพี่ชายตัวน้อยคนนี้มาก
เสียงเสียงนั้นค่อนข้างซนมากกว่าใคร พอเห็นเพื่อนเล่นใหม่ เขาก็ต้อนรับเธอเป็นอย่างดี พร้อมให้ของเล่นกับเธอ หยวนหยวนรับของมาและเล่นไปด้วยกันกับเขา
“ไม่แปลกเลยที่แม่อยากจะรับมาเลี้ยง เด็กคนนี้พูดจาเสียงค่อยเหมือนลูกแมวเลยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นขมวดคิ้วขณะบอก
ซูตานหงคิดในใจ เด็กน้อยคนนี้อยู่กับย่ามาตั้งแต่ยังเล็ก และด้วยเหตุที่จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับมานี่เอง ย่าของหยวนหยวนจึงต้องเข้มงวด จะปล่อยให้เธอไปเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ ได้อย่างไรกัน?
เธอถึงได้กลายเป็นเด็กนิสัยเช่นนี้
“ให้เธอเล่นกับฉีฉีกับลูก ๆ ไปก่อนเถอะค่ะ” ซูตานหงว่า
ในบรรดาลูกชายของเธอทั้งสามคน ทั้งเหรินเหรินกับฉีฉีไม่ใช่คนขี้อาย ส่วนเสียงเสียงนั้นทั้งดื้อทั้งซน เธออาจค่อยปรับเปลี่ยนนิสัยไปให้เข้ากับพวกเขาได้ ถึงอย่างไรเธอก็ยังเด็ก
ดูท่าว่าของเล่นในบ้านอาจไม่เพียงพอเสียแล้ว ไม่เพียงแค่ของเล่น สมุดวาดภาพระบายสีก็เช่นกัน
เช้าตรู่วันต่อมา เหรินเหรินกินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็เริ่มลงมือวาดภาพ หยวนหยวนเห็นเข้าก็ยืนมอง เหรินเหรินเห็นแววตาที่มีความปรารถนาของหยวนหยวน เขาจึงให้ดินสอกับกระดาษไปอย่างละ 1 ชุด “เธอนั่งวาดตรงนี้ อยากจะวาดอะไรก็วาดไปได้เลย”
“ค่ะ” หยวนหยวนรับพู่กันด้ามงามกับกระดาษสีขาวไปอย่างร่าเริง ก่อนเธอจะลงมือวาด
เพราะยังเด็ก เธอจึงไม่สามารถวาดออกมาเป็นรูปเป็นร่างนัก แต่สิ่งนี้ไม่ส่งผลต่ออารมณ์ของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เลย พอถึง 9 โมงเช้าก็ได้เวลาอาหารว่างพอดี แม้แต่คนที่ออกไปเล่นข้างนอกยังกลับมากินขนมเช่นกัน
ทุกคนได้นมคนละ 1 แก้ว พร้อมกับขนมงาตัด
หยวนหยวนดื่มนมผงที่หลี่จื้อเป็นคนเอามาให้ ซูตานหงเพียงแค่นำมาชงให้เธอดื่ม ไม่ได้ยากลำบากอะไรนัก
“หยวนหยวนจะไปหาคุณยายไหม?” ฉีฉีกินเสร็จแล้วเอ่ยถามขึ้นมา
“ไม่ไป จะวาดรูปค่ะ” หยวนหยวนส่ายหน้า ชี้ไปที่พู่กันกับกระดาษสีขาว
เธอกัดขนมงาตัดในมือของตน มันส่งกลิ่นหอมฟุ้ง เธอติดใจมันมากทีเดียว
“จะบอกให้ว่ากินแบบนี้อร่อยที่สุด” ฉีฉีหยิบเอาขนมของเธอไปนิดหน่อยแล้วจุ่มลงไปในแก้วนม ก่อนให้เธอลองกิน
หยวนหยวนตกใจ หากแต่ลองชิมดูก็พบว่าอร่อยขึ้นมาก เธอยิ้มเสียจนตาหยี
“อร่อยไหม?” ฉีฉียิ้มถาม
“อร่อย! ”หยวนหยวนพยักหน้า แล้วหยิบขนมงาตัดจุ่มลงไปในแก้วนมอีก
ซูตานหงถึงกับทนมองไม่ได้ มันเป็นวิธีการกินแป้งทอดของฉีฉี แต่เขากินแป้งทอดได้เพียงเดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น ฉีฉีชอบกินแบบนั้น กับขนมอื่น ๆ เขาก็มักจะทำเช่นนั้นเหมือนกัน
ตอนนี้เด็กชายกำลังสอนมันให้หยวนหยวน
ฉีฉีออกไปเล่นแล้ว ปีนี้เหรินเหรินจะเข้าเรียน ตอนนี้กำลังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เขาชื่นชอบการวาดรูป นอกจากนี้ยังมีเมาท์ออแกนและไวโอลินซึ่งเขามักจะเล่นในตอนบ่าย
หากไม่ใช่เพราะแถวนี้ไม่มีโรงเรียน เธอก็อยากให้ลูกคนโตเข้าเรียน แต่มันช่วยไม่ได้ เขามีนิสัยค่อนข้างเก็บตัว ไม่ชอบออกไปเล่นข้างนอกบ้าน ขณะเดียวกันเขากลับสนใจการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ พวกนี้มากกว่า
“หยวนหยวน วาดเสร็จหรือยัง? ถ้าวาดเสร็จแล้วขึ้นไปเล่นบนเขากับพี่ เดี๋ยวพี่จะพาไปวาดแตงโม” เหรินเหรินวาดรูปเสร็จจึงเอ่ยถามขึ้น
“แตงโม?” หยวนหยวนเงยหน้ามองเขา
“ใช่ แตงโม จะไปด้วยกันไหม?” เหรินเหรินพยักหน้าตอบ
“ไปค่ะ” หยวนหยวนรีบพูดตอบกลับไป
“งั้นก็ไปกันเถอะ” เหรินเหรินว่า
หลังจากนั้นเหรินเหรินจึงให้เธอถือกล่องดินสอสีกับกระดาษขาวขึ้นไปด้วย
ซูตานหงอยากให้เสียงเสียงไปด้วย แต่เมื่อครุ่นคิดแล้ว ก็ดูท่าว่าเหรินเหรินจะไปวาดรูปจริง ๆ หากให้เสียงเสียงไปด้วย เขาคงวาดรูปไม่ได้แน่นอน
วันนี้ท้องฟ้าสวยมาก ซูตานหงจึงพาเสียงเสียงซึ่งไม่อาจอยู่ติดบ้านได้นั่งลงบนรถเข็นและพาเดินออกไปเล่น
เธอพามาที่ไร่ เห็นว่าตอนนี้ปลูกพืชไว้หลายอย่างนับไม่ถ้วน เช่นถั่วลิสงและถั่วเหลืองพวกนี้ที่พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งจี้กวงซงกับจี้ต้าหย่งคอยดูแลรดน้ำต้นไม้ที่นี่อยู่ตลอด
เมื่อเห็นว่าเธอมา พวกเขาจึงทักทายและทำงานกันต่อ ซูตานหงมักพาลูกๆ มาเดินเล่นจนเห็นเป็นภาพชินตา พวกเขาต่างคุ้นชินไปเสียแล้ว
ซูตานหงใช้ประโยชน์จากการที่พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นแอบใส่น้ำพุวิเศษลงไปในน้ำ ซึ่งเธอใส่มันลงไปเป็นจำนวนไม่น้อย
แปลงถัดไปเป็นของบ้านจี้หงจวินกับหวังหงฮวา หวังหงฮวากำลังง่วนกับงาน ในจังหวะที่ซูตานหงแวะมา
อย่าดูถูกว่าหวังหงฮวาเป็นผู้หญิงที่ทำนาไม่เป็นเชียว แม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาครอบครัวของหล่อนจะไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ทว่าปีนี้ครอบครัวของหล่อนกลับได้ทำการซ่อมแซมบ้านทั้งหลัง บ้านที่ซ่อมไปนั้นทั้งกว้างและสวยงามกว่าเดิม ซูตานหงเคยไปเห็นเข้าครั้งหนึ่ง มันมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก
เช่นเดียวกับหล่อน สวี่อ้ายตั๋งกับหลี่อวี้ซุ่ยต่างก็ได้ซ่อมแซมบ้านของตนเช่นกัน
สถานการณ์ของสองบ้านนี้ไม่ต่างกันเลย ถือว่าเป็นครอบครัวที่ยากจนมากในหมู่บ้าน เนื่องจากเพิ่งแยกออกมาจากครอบครัวใหญ่ อีกทั้งยังมีที่ดินอยู่เพียงหยิบมือ เมื่อแยกตัวออกมา พ่อแม่จึงไม่ได้สนใจพวกเขา ทำให้ยิ่งขัดสนเข้าไปใหญ่
แน่นอนว่าพวกเขาดำเนินชีวิตกันอย่างลำเค็ญ ไม่มีโจ๊กให้กินอิ่มท้องด้วยซ้ำ
หากแต่ตอนนี้พวกเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่ครอบครัวในหมู่บ้านที่สามารถหาเงินเพื่อสร้างบ้านใหม่ได้ ซึ่งทำให้หลายคนในหมู่บ้านประหลาดใจ
ทว่าบางคนก็กลับเลือกจะมองข้ามไป อย่างเช่นซูตานหง
ไม่ว่าเป็นหลี่อวี้ซุ่ยหรือหวังหงฮวา ผู้หญิงสองคนนี้ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ เนื่องจากทั้งคู่ยากจนและใช้จ่ายกันประหยัดมาก
พวกหล่อนไม่ใช้เงินแม้แต่แดงเดียวกับสิ่งที่ไม่ควรจ่าย แม้สามีของพวกหล่อนจะมีรายได้ที่มั่นคง หากแต่พวกหล่อนกลับไม่เคยคิดที่จะขี้เกียจเลย