ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 313 พ่อบุญธรรมมาถึงบ้าน
ตอนที่ 313 พ่อบุญธรรมมาถึงบ้าน
แม้ว่าเหล่าจางจะดูสงบนิ่งมาก แต่ในใจของเขากลับไม่สงบเหมือนดังเคย เขาไม่อยากอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่ภายในเมืองปักกิ่ง ที่บ้านนั้นเงียบเหงาเกินไป ในแต่ละวันช่างผ่านไปอย่างไร้จิตวิญญาณ
เมื่อยอมรับลูกชายบุญธรรมแล้วเขาจึงอยากมาอยู่อาศัยที่นี่ ต่อให้ร่างกายของเขาจะทรุดโทรมเล็กน้อย แต่เขาก็ยังแข็งแรงมาก หากเป็นไปได้แล้วเขาจะอยู่ที่นี่อีกหลายปี รอจนกระทั่งร่างกายเขาอ่อนแอลง ถึงตอนนั้นเขาค่อยกลับมาที่ปักกิ่ง ไม่อยากอยู่เป็นภาระให้ลูกชายบุญธรรมที่นั่น
ส่วนเรื่องค่าครองชีพหรืออะไรก็ตาม เขายังมีเงินเกษียณจากปักกิ่งที่จะโอนเข้าบัญชีของเขาโดยตรงอยู่ ซึ่งเขาสามารถไปรับเงินยังที่ทำการไปรษณีย์ได้โดยไม่ต้องให้เจี้ยนอวิ๋นเลี้ยงดู
จากปักกิ่งเดินทางมาที่นี่ใช้เวลาถึง 5 วัน
เมื่อเหล่าจางออกจากสถานีรถไฟ จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ได้พบกับเขา
จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้มารับแค่คนเดียว เขายังพาเหรินเหรินกับฉีฉีมาด้วย
เหรินเหรินยังคงจำได้ว่าในขณะนั้นเขาเรียกอีกฝ่ายว่าปู่บุญธรรม ส่วนฉีฉีเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่เขาก็เรียกว่าคุณปู่จางเช่นกัน
“คุณปู่จางอะไรเล่า เรียกคุณปู่เลยสิ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
“เรียกปู่บุญธรรมก็พอแล้ว” เหล่าจางพูดด้วยความรู้สึกดีใจสุดแสน
เพื่อเป็นการเรียกแยกกับคุณพ่อจี้ เรียกปู่บุญธรรมก็เหมาะสมแล้ว
ฉีฉีจึงเรียกว่าปู่บุญธรรม เหรินเหรินก็เรียกตาม พร้อมกับถือสัมภาระให้ปู่บุญธรรม ในนั้นมีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนอยู่ 2 ถึง 3 ชุด นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว
เหล่าจางรู้สึกละอายเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าเจี้ยนอวิ๋นจะพาลูก ๆ มาด้วย ดังนั้นเขาจึงยัดเงินให้เด็กน้อยทั้งสองคนละ 10 หยวน
เมื่อเห็นเช่นนั้นฉีฉีก็เบิกตากว้าง ปู่บุญธรรมของเขาช่างร่ำรวยจริง ๆ เจอกันครั้งแรกก็ให้เงินก้อนโตแล้ว!
“พ่อบุญธรรม ไม่ต้องให้พวกเขาหรอกครับ พวกเขามีเงินค่าขนมของตัวเองแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“เก็บไว้เป็นค่าขนมเถอะ เด็กผู้ชายไม่มีเงินไม่ได้หรอก” เหล่าจางพูด
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มและไม่พูดอะไรอีก ปล่อยให้เด็กน้อยทั้งสองรับไว้
ปฏิกิริยาของเหรินเหรินค่อนข้างเป็นปกติ ในตอนนี้เงินค่าขนมที่เขาเก็บได้เองมีอยู่ประมาณ 100 หยวน ทั้งหมดถูกมัดไว้ด้วยหนังยางแยกไว้เป็นฟ่อน
ฉีฉีมีความสุขมาก เขาเองก็เก็บเงินไว้เหมือนกัน หลังได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาครั้งล่าสุด เขาก็เก็บเงินได้มากพอตัวทีเดียว จึงนำไปแลกกับแม่ของเขา ซึ่งนี่ก็เป็นการพบกันพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครั้งที่ 2!
จี้เจี้ยนอวิ๋นขับรถมาเอง เมื่อเห็นรถคันนี้ยังใหม่อยู่ เหล่าจางจึงถามขึ้น “เพิ่งซื้อใหม่เหรอ?”
“ครับ คันที่แล้วยังใหญ่ไม่พอ เลยซื้อคันนี้มาเพิ่มน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
เหล่าจางรู้ว่าลูกชายบุญธรรมของเขานั้นหาเงินได้จริง รถคันนี้มีอยู่ในกรุงปักกิ่งเช่นกัน และต้องใช้เงินไม่น้อย คนที่ซื้อได้จึงมีจำนวนไม่มากนัก
ตาเฒ่าคู่หูของเขายังกังวลว่าเล็กน้อยว่าเจี้ยนอวิ๋นจะชอบบ้านที่ปักกิ่งหรือไม่ และบ้านที่นี่จะเป็นแบบที่ชอบหรือเปล่า?
ฉีฉีที่ได้รับเงินมีท่าทางกระตือรือร้นกับปู่บุญธรรมของเขาเป็นพิเศษ ทันทีที่ขึ้นรถ เขาก็ให้กล่องเชอร์รี่ที่ล้างมาจากบ้านแก่ชายชรา “ปู่บุญธรรม เชอร์รี่นี่เอามาจากภูเขา ปู่กินสิครับ มันหวานมาก นี่เป็นเชอร์รี่จากต้นสุดท้ายที่มี เชอร์รี่ที่เหลือขายไปหมดแล้วครับ!”
“ได้สิ” เหล่าจางรับมา เขาชื่นชอบเหรินเหรินกับฉีฉีมาก เหรินเหรินนั้นสุขุมมั่นคง ส่วนฉีฉีนั้นมีชีวิตชีวา เขามีคำพูดฉลาดเฉียบแหลมแบบที่คนอื่นพูดอย่างเขาไม่ได้ และตรรกะความคิดของเขาก็ชัดเจนมากเช่นกัน
จี้เจี้ยนอวิ๋นขับรถกลับไปที่บ้าน
เหล่าจางเองก็หิวอยู่เล็กน้อย ตอนนี้เกือบถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ดังนั้นจึงกินเชอร์รี่เข้าไป
เมื่อได้กินเขาก็พูดขึ้นมา “เชอร์รี่นี้รสชาติดีเลย!”
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความหวาน มันไม่ฝาดและไม่เปรี้ยวเลย หวานอร่อยกำลังดี
“ในบรรดาผลไม้ทั้งหมดบนภูเขา เชอร์รี่ขายดีที่สุดเลยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“ใช่ครับ เชอร์รี่ขายดีมาก” ฉีฉีก็กล่าว
เหล่าจางให้เขากิน 1 ลูก ฉีฉีจึงพูดขึ้น “ผมไม่กินครับ ปู่บุญธรรมกินเถอะ ผมกินมาเยอะแล้ว แต่ปู่บุญธรรมอย่ากินเยอะเกินไปนะครับ เย็นนี้แม่ของผมทำอาหารอร่อย ๆ เยอะมาก รอให้ปู่บุญธรรมกลับไปกิน”
ซูตานหงทำอาหารเลิศรสเป็นจำนวนมาก ทั้งซี่โครงหมูน้ำแดง หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดง ปลาตัวอ้วนใหญ่ 2 ตัว เป็นปลากะพงนึ่ง 1 ตัว และปลานิลตุ๋นซีอิ๊ว 1 ตัว ทั้งยังมีน้ำแกงข้าวโพดใส่กระดูก ยำเห็ดหูหนู 1 จาน และผัดกะหล่ำปลี 1 จาน รวมถึงแกงจืดสาหร่ายไข่คนอีก 1 หม้อ
เธอทยอยนำอาหารออกมาจานแล้วจานเล่า ขณะนั้นคุณแม่จี้ก็พาหยวนหยวนและเสียงเสียงมาถึงพอดี สองพี่น้องอดไม่ได้ที่จะเดินป้วนเปี้ยนไปทั่วห้องครัว ซูตานหงจึงให้ข้าวโพดคนละ 1 ฝัก
คุณแม่จี้เองก็อดที่จะยอมรับฝีมือของลูกสะใภ้อย่างเธอไม่ได้ นี่มันฝีมือระดับแม่ครัวตัวจริง อาหารพวกนี้ไม่เพียงแต่มีสีสันสวยงามและกลิ่นหอมเท่านั้น ที่สำคัญยังดูน่าอร่อยอีกด้วย
ไม่แปลกใจที่หยวนหยวนจะชอบลงมากินข้าวที่นี่ ไม่ชอบกินข้าวบนภูเขามากนัก
ฝีมือเช่นนี้เกินจะบรรยายจริง ๆ
อีกทั้งยังทำอาหารเป็นหลายจาน หากเปลี่ยนให้นางมาทำแทนจะต้องเป็นเรื่องยุ่งจนวุ่นวายเป็นแน่ แต่ตานหงกลับขยันทำโดยไม่หน้านิ่วคิ้วขมวดเลยสักนิด แถมเธอยังทำต้มถั่วเขียวอีก 1 อย่างโดยตั้งใจให้คืนนี้ทุกคนได้กินต้มถั่วเขียวเย็นคนละ 1 ชามอีกด้วย!
“พอแล้ว ๆ ไม่ต้องทำเยอะหรอก” คุณแม่จี้รีบพูด
ซูตานหงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้ทำอะไรเพิ่มอีกแล้วค่ะ นี่สําหรับคุณลุงใหญ่ ส่วนนี่สําหรับคุณลุงหลี่ คุณแม่ช่วยส่งให้พวกเขาหน่อยนะคะ”
คุณแม่จี้มีหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารให้คุณลุงจี้และพ่อตาของซูอันปัง คืนนี้คุณพ่อกับคุณแม่จี้ลงจากภูเขาเพื่อมารับประทานอาหารที่นี่ ดังนั้นจึงต้องส่งอาหารให้พวกเขา
ซูตานหงจึงทำอาหารส่วนของพวกเขาด้วย โดยมีทั้งหมูตุ๋นน้ำแดง ซี่โครงหมูน้ำแดง ยำเห็ดหูหนูและผัดกะหล่ำปลี อีกทั้งแกงจืดสาหร่ายไข่คน อาหารมื้อนี้จะดูอุดมสมบูรณ์ไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
แต่ไม่ว่าจะเป็นลุงจี้หรือลุงหลี่ ซูตานหงก็จะไม่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไม่เป็นธรรม บางครั้งยังให้เหรินเหรินส่งต้มถั่วเขียวไปให้พวกเขาดื่ม
เนื่องจากทุกวันนี้ทั้งลุงจี้และลุงหลี่ดูแลสวนผลไม้เป็นอย่างดี เจี้ยนอวิ๋นไม่ต้องกังวลกับอะไรทั้งนั้น พวกเขาสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นซูตานหงจึงยินดีที่จะให้พวกเขาได้มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น
แม้ว่างานจะยุ่งทุกวัน ทว่าทั้งลุงจี้และลุงหลี่ต่างก็มีความสุขกับวันเวลาในตอนนี้มาก งานยุ่งเพียงเล็กน้อยจะนับเป็นอะไรได้?
มีทั้งอาหารเหล่านี้และเงินเดือนที่จ่ายตรงเวลาในทุกเดือน พวกเขาต่างก็มีความสุขแล้วต่อให้งานยุ่งแค่ไหนก็ตาม ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่งานไม่ได้ยุ่งจริง ๆ ด้วยซ้ำ
คุณแม่จี้ออกไปส่งอาหาร หลังจากคุณแม่จี้ออกไปเพียงไม่นาน รถของจี้เจี้ยนอวิ๋นก็มาถึงสวนหลังบ้าน และประตูหลังบ้านได้เปิดออก เผยลานหลังบ้านที่ใช้เป็นที่จอดรถโดยเฉพาะ
สวนหลังบ้านในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก
มีต้นพุทราแดงอยู่ 2 ต้น นอกเหนือจากนั้นยังมีกระถางดอกเบญจมาศที่เติบโตอย่างยอดเยี่ยมอีกหลากหลายสายพันธุ์
เหล่าจางเพิ่งลงจากรถก็รู้สึกชอบบรรยากาศที่นี่แล้ว
“ปู่บุญธรรม ไปกันเถอะ ผมได้กลิ่นแล้ว แม่ของผมจะต้องทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินแน่!” ฉีฉีสูดดมกลิ่นหอมด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ได้สิ”
เหล่าจางไม่สนใจจี้เจี้ยนอวิ๋นอีกต่อไป จึงเดินตามเหรินเหรินกับฉีฉีไปที่ลานหน้าบ้าน
ซูตานหงกำลังอุ้มเสียงเสียงและจูงหยวนหยวนที่เพิ่งมาถึง และได้เห็นเหรินเหรินกับฉีฉีพาคุณลุงคนหนึ่งมาด้วย
“พ่อบุญธรรมเดินทางมาคงจะเหนื่อยแย่ ล้างมือกินข้าวเถอะค่ะ” ซูตานหงกล่าวด้วยรอยยิ้ม