ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 314 อยู่อย่างสงบ
ตอนที่ 314 อยู่อย่างสงบ
“ไม่เหนื่อย ๆ” เหล่าจางยิ้มและกล่าวสายตาจับจ้องไปที่เสียงเสียงและหยวนหยวน
“นี่คือเสียงเสียงลูกชายคนที่ 3 ค่ะ ส่วนนี่หยวนหยวนลูกสาวของน้องเขย ตอนนี้น้องเขยของฉันยังยุ่งอยู่ เลยฝากฉันเลี้ยงไว้ก่อน” ซูตานหงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็อวยพรให้ฉันด้วยนะคะ ฉันเองก็หวังว่าจะมีลูกสาวสักคน”
เหล่าจางเห็นเธอพูดอย่างใจกว้างก็ตอบกลับ “มีแน่ ๆ ล่ะ”
“เหรินเหริน ขึ้นไปบนภูเขาแล้วเรียกคุณปู่ของลูกลงมากินข้าวนะจ๊ะ” ซูตานหงหันไปพูดกับเหรินเหริน
เหรินเหรินพยักหน้าแล้วเดินออกไป ส่วนฉีฉีเดินไปรอบ ๆ โต๊ะอาหาร ดวงตาของเด็กชายเป็นประกายแวววาว คืนนี้มีอาหารอร่อย ๆ มากมายจริงๆ
“ตัวตะกละ” ซูตานหงพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“หิวแล้วก็กินก่อนเถอะ” เหล่าจางกล่าว
“ไม่ครับ ผมจะรอคุณปู่คุณย่าและปู่บุญธรรมกินข้าวด้วยกัน!” แม้ฉีฉีจะตะกละ แต่ก็ยังเคารพกฎของซูตานหงอยู่
เขาเองก็หิวเช่นกัน ปกติแล้วถึงซูตานหงจะไม่ได้ทำอาหารมากมายนัก แต่อาหารที่ทำก็คล้าย ๆ กัน ไม่ได้แตกต่างจากนี้มาก
ดูอย่างจี้เจี้ยนอวิ๋นที่ถูกเธอเลี้ยงดูจนมีเนื้อหนังมากขึ้นสิ เมื่อไม่นานมานี้เขาได้ลองชั่งน้ำหนักดู และน้ำหนักของเขาก็เพิ่มขึ้นจนเกิน 180 ชั่งแล้ว
แต่ประเด็นก็คือเขาไม่ดูเจ้าเนื้อเลย เพราะสูงเกินไปและดูแข็งแรง จึงไม่อ้วนเลยแม้แต่น้อย
ร่างกายของเขาล้วนอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ
จี้เจี้ยนอวิ๋นเปิดเหล้า มันยังคงเป็นเหล้าเหมาไถ ตอนนี้เหมาไถเป็นเหล้าชั้นดีที่หาได้ยาก ขวดละ 15 หยวน นําหน้าเหล้าอื่นอยู่มาก
“พ่อบุญธรรมนั่งรถมาตลอดทางแล้ว ยังจะดื่มเหล้าอะไรกันคะ” ซูตานหงเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“ดื่มนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม
“ไม่เป็นไร ๆ” เหล่าจางเห็นว่าเป็นเหมาไถ นี่เป็นเหล้าที่เขาชอบจึงพูดขึ้น “ฉันมีเหมาไถนี้อยู่ในลานบ้านเก่าอยู่ แต่ยังเหลืออีกครึ่งลัง ครั้งล่าสุดตาเฒ่าคู่หูฉันให้มาทั้งลังยังดื่มไม่หมดเลย”
“ดื่มไม่หมดก็เก็บไว้เถอะครับ เหล้านี้หากเก็บไว้นาน ๆ พอดื่มแล้วจะมีรสชาติกลมกล่อมขึ้น” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
“นี่ของจริงหรือของปลอม?” เหล่าจางกล่าว
“ผมซื้อมาจากเมืองมหาวิทยาลัยโดยตรง ไม่ได้ซื้อมาจากที่พวกเราอยู่ เหล้าที่นี่รสค่อนข้างอ่อนน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
มันไม่ใช่เหล้าปลอม เป็นของจริง ทว่ารสไม่แรงเท่าเหล้าจากเมืองมหาวิทยาลัย
เขาดื่มมันไปครั้งเดียวแล้วไม่ดื่มอีกเลย จากนั้นจึงไปที่เมืองมหาวิทยาลัยเพื่อซื้อมัน ถึงได้รสชาติที่ยอดเยี่ยมมา
“งั้นถ้าเธอมีเวลาว่างก็ไปซื้ออู่เหลียงเย่*เก็บไว้ คู่หูเก่าฉันให้เหล้าปี 1981 กับฉันมา รสชาติกลมกล่อมมากเลยล่ะ!” เหล่าจางกล่าว
*เหล้าอู่เหลียงเย่ มีเอกลักษณ์ 4 ประการคือ ต้องกลิ่นหอมแรง ใสไร้สี มีรสหวานอมเปรี้ยวและมีกลิ่นหอมติดปากนาน
“เอามาแล้วครับ” เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นเห็นซูตานหงเข้าไปในครัวเพื่อหยิบชามและตะเกียบ เขาจึงกระซิบเสียงเบา “มันอยู่ใต้เตียงของพ่อบุญธรรมบนภูเขา แต่พ่อบุญธรรมอย่าเพิ่งดื่มมันนะครับ เก็บไว้อีกสักหน่อย อีกหลายปีถึงจะดื่มได้”
“ตกลง” เหล่าจางตอบด้วยความยินดี
ไม่นานคุณพ่อกับคุณแม่จี้ก็ลงมา ตอนนี้อากาศร้อนมาก แม้อาหารจะเย็นไปบ้างก็ไม่เป็นไร เนื่องจากเพิ่งผ่านไปไม่นาน
นอกจากนี้แล้วก็ไม่ได้เชิญใครมาอีก มีเพียงคุณพ่อกับคุณแม่จี้ลงมาจากภูเขาเพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน สองผู้เฒ่ายินดีกับการมาของเหล่าจางมาก แม้คุณแม่จี้จะคิดเล็กคิดน้อยอยู่บ้าง แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็บอกกับนางว่าหากมีพ่อบุญธรรมซึ่งเป็นศาสตราจารย์อาวุโสของมหาวิทยาลัยปักกิ่งคอยอบรมสั่งสอนลูกชายทั้งหลายของเขา พวกเขาคงได้ประโยชน์ไปตลอดชีวิต ถ้าลูกชายได้รับการสั่งสอนที่ดี ลูกหลานในอนาคตก็ได้ประโยชน์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นี่คือสิ่งที่แม้มีเงินก็จับต้องไม่ได้ ดังนั้นอย่ากังวลกับผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้เขาหาเงินได้ขนาดนี้แล้ว เลี้ยงพ่อบุญธรรมอีกแค่คนเดียวจะทำให้อดอยากขนาดไหนกันเชียว?
คุณพ่อจี้ไม่ได้เกลี้ยกล่อมคุณแม่จี้ แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นคนพูดจาโน้มน้าวเอง ดังนั้นจึงบอกเหล่าจางที่โต๊ะอาหารเย็นว่าเหรินเหรินจะเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในเดือนกันยายนปีนี้
“เธอไม่ต้องห่วงเรื่องการศึกษาของทั้งเหรินเหริน ฉีฉี และเสียงเสียงหรอก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน ฉันจะอบรมพวกเขาทั้งสามให้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในเมืองหลวงให้เธอเอง” เหล่าจางกล่าว
คําพูดนี้ถูกใจคุณแม่จี้มาก จึงพยายามอย่างหนักให้เหล่าจางทานอาหาร “ซี่โครงหมูตุ๋นนี้เป็นอาหารจานเด็ดของตานหง เหล่าจางกินเยอะ ๆ หน่อย เนื้อตุ๋นและปลานี่อร่อยมาก ดื่มเหล้าให้น้อยแล้วกินเนื้อให้เยอะ ๆ เถอะค่ะ”
“ได้ ๆ” เหล่าจางตอบรับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มื้อเย็นวันนี้อร่อยมากอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งครอบครัวกินกันจนอิ่มแปล้ เมื่อกินเสร็จแล้ว ซูตานหงจึงไปอุ่นถั่วเขียวต้ม
พวกเขาไม่ได้ดื่มมากนัก แค่ดื่มกันพอหอมปากหอมคอเท่านั้น ส่วนใหญ่คือการกินผักและเนื้อสัตว์
เหล่าจางเองก็กินอาหารอย่างอิ่มเอมใจ อาหารพวกนี้ยังดีกว่าพ่อครัวใหญ่ของกรุงปักกิ่งเสียอีก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบรรยากาศ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถกินอาหารเหล่านี้จนหมดเกลี้ยง
คืนนี้ดึกมากแล้ว อีกทั้งเหล่าจางเพิ่งมาถึงเป็นวันแรก คุณพ่อจี้จึงปล่อยให้เขาพักที่บ้าน 1 คืน พรุ่งนี้ค่อยขึ้นไปบนภูเขาก็ยังไม่สาย
จี้เจี้ยนอวิ๋นก็พูดเช่นเดียวกัน ดังนั้นเหล่าจางจึงพักอยู่ที่บ้าน 1 คืน
เขานอนกับเหรินเหรินและฉีฉี ส่วนหยวนหยวนนั้นขึ้นไปนอนบนภูเขากับคุณพ่อและคุณแม่จี้
ตอนนี้เด็กหญิงตัวน้อยคุ้นเคยกับที่นี่มากกว่าครั้งแรกที่เพิ่งมามาก คืนนี้เธอกินอย่างมีความสุข เธอกับเสียงเสียงยังคงกินโจ๊ก แต่พวกเขาก็กินอาหารจานเนื้อไปเล็กน้อย ดูจากใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอก็รู้ได้ทันทีว่าถูกใจ คุณแม่จี้จึงป้อนเธอ และเธอก็กินจนหมด
อาหารมื้อดึกเป็นต้มถั่วเขียวเย็น
คืนนี้เหล่าจางพาเหรินเหรินไปนอนกับเสียงเสียง ด้วยมุมปากที่มีรอยยิ้ม
หลังจากรับประทานอาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น เขาจึงขอให้จี้เจี้ยนอวิ๋นพาขึ้นไปบนภูเขา แม้ว่าชีวิตที่บ้านจะดีมาก แต่เป็นไปได้เหรอที่เขาจะอาศัยอยู่ที่นี่?
จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่เกรงใจ เหรินเหรินกับฉีฉีก็เดินตามไปด้วย บ้านบนภูเขาไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็กจนเกินไป มีสนามหญ้าเล็ก ๆ แยกออกมา
แต่เหล่าจางแค่มานอนที่นี่ ส่วนกินข้าวหรืออาบน้ำนั้นทำที่บ้าน
“ทำไมต้องยุ่งยากนักล่ะ?” เหล่าจางกล่าว “เธอแค่ตั้งเตาให้ฉัน ฉันทำเองก็ได้”
“ให้เหรินเหรินกับฉีฉีมาเรียกเถอะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“ไม่มีปัญหา ผมจะรับผิดชอบการขึ้นมาเรียกปู่บุญธรรมเองครับ!” ฉีฉีรีบกล่าวทันที
“ผมจะมาด้วย ผมยังต้องศึกษาความรู้จากปู่บุญธรรมน่ะครับ” เหรินเหรินพูด
“พวกเธอทั้งสองมาก็ได้” เหล่าจางเห็นว่าพวกเขาพ่อลูกเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้ยืนกรานอีกต่อไป จึงหันไปถามต่อ “ดอกไม้พวกนี้พวกเธอปลูกเองหมดเลยเหรอ?”
“แม่ของผมพาพวกผมมาปลูกดอกไม้ที่นี่ครับ แม่บอกว่าควรปลูกดอกไม้และต้นไม้บ้าง ใช่แล้ว ที่นี่ยังปลูกหญ้าไล่ยุงอยู่หลายกระถาง แม่บอกว่าปลูกแล้วจะไม่มียุงมา!” ฉีฉีพาปู่บุญธรรมของเขามาดู
“หญ้าไล่ยุงนี่เติบโตไม่เลวเลย” เหล่าจางพูด
กระถางหญ้าไล่ยุงเหล่านี้ล้วนเติบโตดกหนาและแข็งแรง ทั้งยังเขียวชอุ่มมาก และมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของหญ้าไล่ยุงโชยมาแต่ไกล
เมื่อฉีฉีได้ยินปู่บุญธรรมของเขาพูดแบบนี้ เขาก็รู้สึกประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งหมดเติบโตขึ้นได้เพราะการรดน้ำของเขา!
ในลานบ้านเล็ก ๆ มีดอกไม้และหญ้า รวมถึงมีเครื่องใช้ทุกชนิดในนั้น ในถังยังมีน้ำสะอาดด้วย
กาต้มน้ำ แก้วน้ำ หรืออะไรก็แล้วแต่ ล้วนเป็นชุดเดียวกัน
หลังจากดูอยู่ครู่หนึ่ง เหล่าจางก็ปล่อยให้จี้เจี้ยนอวิ๋นที่มีงานยุ่งไป “ให้เหรินเหรินกับฉีฉีพาฉันไปเดินเล่นรอบ ๆ ก็พอ เธอมีงานต้องทำไม่น้อย ไปทำงานของเธอเถอะ”
“ได้ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นมีหลายอย่างต้องทำจริง ๆ เขายังไม่ได้ไปอ่างเก็บน้ำเลย จึงหันไปพูดกับเหรินเหรินและฉีฉี “พาปู่บุญธรรมของลูกไปเดินรอบ ๆ ทั้งสองคนทำได้ไหม?”
“ได้!” เหรินเหรินและฉีฉีรีบพูดทันที
“ตกลง งานนี้มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของพวกลูกนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตบไหล่พวกเขาสองพี่น้อง