ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 318 เป็นเจ้านายก็มีช่วงเวลาที่ร้องไห้และยากจน
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]
- ตอนที่ 318 เป็นเจ้านายก็มีช่วงเวลาที่ร้องไห้และยากจน
ตอนที่ 318 เป็นเจ้านายก็มีช่วงเวลาที่ร้องไห้และยากจน
ซูตานหงไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับบัญชีของเขา จึงให้เขาเป็นคนจัดการเอง
“ภรรยา พรุ่งนี้พวกเราเชือดแกะสัก 2 ถึง 3 ตัวไปขายกันดีไหมครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“คุณดูตามความสมควรก็พอแล้วค่ะ” ซูตานหงเข้าไปยกชาสายน้ำผึ้งออกมา ก่อนจะเอ่ยปากถามเขา “ร้อนเงินเหรอคะ?”
สภาพครอบครัวในปัจจุบันไม่น่าจะขาดเงิน ไม่เพียงแต่ไม่ขาดแคลน แต่ยังมีเงินเหลืออีกมาก
แต่ในเมื่อไม่ขาดเงิน แล้วจะขายแกะทำไม
“ผมวางแผนว่าปีนี้จะออกเดินทางไปปักกิ่งเพื่อจัดการเรื่องเปิดร้านน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเล่าแผนการของเขาออกมา
ซูตานหงยิ้ม “อยากไปเปิดร้านที่นั่นจริง ๆ เหรอคะ?”
“อยากสิครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า “ถ้าสินค้าของเราถูกส่งไปที่ปักกิ่งมันต้องไม่แย่กว่านี้แน่นอน”
“มันนานเกินไป” ซูตานหงพูด ต้องใช้เวลา 4 ถึง 5 วันในการขนส่งทางรถไฟ
“คราวที่แล้วผมคุยกับสหายร่วมรบ เขาบอกว่าทางฝั่งเราได้ปรับปรุงถนนอีกสายหนึ่งที่ตรงไปปักกิ่ง ไม่ต้องเดินทางหลายทอด ถ้าปรับปรุงเสร็จแล้ว จากทางฝั่งเราเดินทางไปที่นั่นจะใช้เวลาเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น!” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
“จริงเหรอคะ?” ซูตานหงประหลาดใจ
“ข่าวของหมอนั่นน่าเชื่อถืออยู่” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าแล้วกำชับ “แต่คุณอย่าเพิ่งบอกใครนะครับ เรื่องนี้เป็นความลับ”
“ความลับแล้วทำไมเขาบอกคุณ? อีกอย่างเขารู้ได้ยังไงคะ?” ซูตานหงถาม
“ครอบครัวเขามีอิทธิพลไม่น้อยในมณฑลของเราน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
เมื่อซูตานหงได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าและไม่ถามอะไรมาก ก่อนจะหันไปพูด “ถ้าเป็นแบบนี้ การจัดตั้งร้านที่กรุงปักกิ่งก็ถือว่าไม่เลวเลย คุณคิดจะทำกี่ร้านคะ?”
“ได้ยินพ่อบุญธรรมบอกว่าร้านที่นั่นราคาไม่ถูกเลย ร้านหนึ่งถ้าไม่มีเงิน 8,000 ถึง 9,000 หยวน เกรงว่าจะไม่ได้มันมา” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“แพงขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” ซูตานหงอดพูดไม่ได้
8,000 ถึง 9,000 หยวน สําหรับค่าเงินในปัจจุบันแล้ว เงินจํานวนนี้เพียงพอที่จะซื้อร้านค้าขนาดเล็กถึง 2 แห่งในเมืองมหาวิทยาลัยของพวกเขาได้ทีเดียว
“ไม่แพงหรอก ถ้าทำได้ ก็จะได้กำไรมากกว่าฝั่งเราอีกครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“แล้วยังขาดอีกเท่าไหร่คะ?” ซูตานหงถาม
“ขาดอีก 4,000 หยวนครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“ไม่ต้องขอจากฉันเหรอคะ?” เธอมีเงินเก็บอยู่ไม่น้อย ตอนนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นจ่ายค่าจ้างไปแล้ว เธอเก็บเงินเดือนละ 1,000 หยวนเพื่อใช้จ่ายสำหรับครอบครัว ถ้าใช้ไม่หมดก็แค่เก็บมันไว้
ดังนั้นตอนนี้เธอมีเงินจํานวนไม่น้อยอยู่ในมือ
“ไม่ต้องหรอกครับ คุณแค่ดูแลบ้านก็พอแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นส่ายหน้า
วันรุ่งขึ้น จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เชือดแกะไปขาย
เขาเชือดแกะไปทั้งหมด 5 ตัว พวกมันทั้งตัวใหญ่และอ้วนพี หนึ่งตัวน้ำหนักประมาณ 100 ชั่ง หากเลี้ยงไว้จนถึงเทศกาลปีใหม่ มันจะสามารถเติบโตได้ถึง 130 ชั่ง
ราคาของเนื้อแกะในฤดูหนาวจะค่อนข้างแพง ตอนนี้ฤดูร้อนราคาจึงถูกกว่ามาก 1 ชั่งราคา 5 หยวน ในช่วงปีใหม่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีกชั่งละ 2 หยวน ทั้งยังขายดีเป็นพิเศษ
หลังจากเชือดแกะไป 5 ตัว เหล่าฉินและซูจิ้นตั๋งต่างแบ่งกันคนละครึ่งตัว ให้เซียวต้าจวินขายอีก 1 ตัว ส่วนที่เหลือถูกนำไปขายที่เมืองมหาวิทยาลัยโดยตรง
แกะ 5 ตัว ได้เงินมาเล็กน้อยและยังไม่เพียงพอ ทว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่ได้รีบร้อน หลังจากเชือดแกะไป 5 ตัวเขาก็ไม่ได้เชือดอีก เพราะมันไม่ค่อยคุ้มค่า แต่ที่แกะทั้ง 5 ตัวนี้ถูกเชือดเนื่องจากพวกมันอ้วนมากและได้รับการดูแลอย่างดีจากเขา
ตอนนี้กําไรในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นไม่น้อย ก่อนหน้านี้อยู่ที่ 2,000 หยวน แต่เนื่องจากของในร้านขึ้นราคา เขาจึงคำนวณได้ว่ามีรายได้มากกว่า 3,000 หยวนต่อเดือน
รวมกับการขายแกะแล้ว เดือนหน้าอาจจะซื้อร้านที่ฝั่งปักกิ่งได้ และไม่ได้ซื้อแค่ร้านเดียว เขาตั้งใจจะไปซื้อถึง 2 ร้าน
แม้ว่าตอนนี้จะดำเนินการแค่ร้านเดียว แต่ก็ควรซื้อร้านอื่นไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นเกรงว่าราคาจะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ด้วยความคิดนี้เอง ในวันถัดมา จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงพาซูจูเหมา ซูอันปังและคนอื่น ๆ ไปจับปลา
พวกเขาจับขึ้นมาไม่น้อย จากนั้นจึงขอให้สวี่เหอซานนำไปขายในเมืองและเอาไปให้จี้เฟิงอีกเป็นจำนวนมาก
ตอนนี้จี้เฟิงอายุ 16 ปี เป็นเด็กจากครอบครัวยากจนและต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัวมาเป็นเวลานาน ตอนนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ทำให้เด็กหนุ่มผู้นี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
นอกจากนี้จี้เฟิงก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ตอนนี้ร้านที่เขากับย่าดูแลอยู่ไม่เพียงแต่ขายปลาเท่านั้น แต่ยังขายไก่ด้วย กําไรในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นจากเดิม 50 หยวน จนถึงทุกวันนี้ก็คงที่ที่ 130 ถึง 140 หยวนต่อเดือน ถือว่าไม่เลวเลย
ค่าแรงของสองย่าหลานเพิ่มขึ้นเป็น 60 หยวนต่อเดือน แม้ว่าจะกินอาหารครบ 3 มื้อ และซื้อเสื้อผ้าเป็นครั้งคราว ก็ยังสามารถเก็บเงินได้เดือนละ 40 หยวน
ตอนนี้เขาอายุ 16 ปี ทว่าดูมั่นคงกว่าแต่ก่อนมาก อีกอย่างเป็นเพราะได้กินอิ่ม รูปร่างจึงสูงขึ้นไม่น้อย หลังจากที่เข้าวัยแตกหนุ่มแล้วก็ดูดีมาก และยังเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลา
ได้ยินมาว่ามีคนมาสอบถามเขาแล้ว
จี้เจี้ยนอวิ๋นตกปลามา 3 วันติดต่อกัน หลังจาก 3 วันนั้น เขาหาเงินได้ไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องทำงานในขณะนี้
ซูอันปังและคนอื่น ๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในวันที่อากาศร้อนแบบนี้ ช่างเหน็ดเหนื่อยจริง ๆ
“เถ้าแก่ร้อนเงินหรือเปล่านะ?” ในที่ส่วนตัว ซูอันปังและคนอื่น ๆ ถึงกับบ่นพึมพำออกมา
“ไม่น่าจะร้อนเงินหรอกมั้ง?” สวี่เหอซานพูด
“ฉันว่าไม่แน่หรอก เถ้าแก่ต้องจ่ายค่าจ้างให้คนตั้งเยอะ เดือนนี้ต้องจ่ายเงินเดือนเท่าไหร่?” ซูอันปังกล่าว
หลังจากคํานวณดูแล้ว พบว่ามีคนงานประมาณ 20 กว่าคนภายใต้การว่าจ้างของจี้เจี้ยนอวิ๋น ตอนนี้เงินเดือนของพวกเขาเพิ่มขึ้นสูงขนาดนี้ เมื่อคํานวณแล้วเดือนหนึ่งก็ต้องจ่ายเงินเดือนมากกว่า 1,000 หยวน เป็นจำนวนที่สามารถมองเห็นได้ชัดทีเดียว
จี้เจี้ยนอวิ๋นหาเงินได้เท่าใด พวกเขาไม่รู้ แต่รายจ่ายนั้นดูออก ค่าใช้จ่ายเดือนละกว่า 1,000 หยวนนี้น่ากลัวจริง ๆ
ที่สำคัญยังมีลูกเมียต้องเลี้ยงดูอยู่ที่บ้าน!
ดังนั้นซูอันปังจึงไปแอบถามจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นการส่วนตัว “เถ้าแก่ เงินไม่พอใช้เหรอครับ? จะจ่ายเงินเดือนผมช้าหน่อยก็ไม่เป็นไรนะครับ”
“ฉันร้อนเงินก็จริง แต่เงินเดือนของพวกนายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะจ่ายให้” จี้เจี้ยนอวิ๋นโบกมือ
แน่นอนเขารู้ดีว่าตนเองทำให้เกิดความเข้าใจผิดจากการขายแกะและหาปลา แต่ในฐานะเจ้านาย เขาก็ไม่รังเกียจที่จะร้องไห้และยากจน
“เถ้าแก่ยังต้องมีเถ้าแก่เนี้ยกับพวกเหรินเหรินที่ต้องเลี้ยงดู ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเรายังพอมีเงินเก็บในมืออยู่บ้างนะครับ” ซูอันปังพูด
“รอถึงปีใหม่ก็ดีขึ้น ไม่ต้องห่วงหรอก” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เดิมทีก็เพื่อส่งเจ้าเด็กซื่อบื้อนี่ออกไป
จากนั้นอีกไม่กี่วันก็ถึงเวลาจ่ายเงินเดือน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็จ่ายให้ตรงเวลา เป็นค่าใช้จ่ายกว่า 1,000 หยวน เป็นที่น่าปวดใจนัก
แต่โชคดีที่ซูจิ้นตั๋งกับเหล่าฉินมาจ่ายเงิน กระเป๋าเงินของเขาถึงได้พองตัวขึ้นอีกครั้ง
“ไม่คิดจะไปซื้อที่ในเมืองเพื่อเปิดอีกร้านเหรอครับ?” เมื่อซูจิ้นตั๋งมาจ่ายเงิน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็สอบถาม
ก่อนหน้านี้เขาเคยถามเมื่อนานมาแล้ว และตอนนี้ก็ถามขึ้นอีกครั้ง
“แม่ของสือโถวบอกว่าช่างมันเถอะ ก็เลยยังลงมือไม่ได้” ซูจิ้นตั๋งกล่าว
ความจริงแล้วเขาก็อยากได้เช่นกัน แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากลงมือทำอีก ธุรกิจก็ไม่น่าจะเสียหาย
จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก
“แต่ที่เมืองมหาวิทยาลัย ฉันตั้งใจจะซื้อบ้านเก็บไว้ให้สือโถว จี้เจี้ยนอวิ๋นนายพอจะแนะนำที่ดี ๆ ได้ไหม?” ซูจิ้นตั๋งเปลี่ยนเรื่องพูด