ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 319 ชีวิตเด็กประถมของเด็กน้อยเหรินเหริน
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]
- ตอนที่ 319 ชีวิตเด็กประถมของเด็กน้อยเหรินเหริน
ตอนที่ 319 ชีวิตเด็กประถมของเด็กน้อยเหรินเหริน
“ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องบ้านน่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด “แต่ผมไปถามให้พวกพี่ได้นะครับ พวกเหอเจี่ยเขารู้”
ครอบครัวเขาซื้อห้องชุด 2 ห้องในเมืองมหาวิทยาลัย ตอนนี้ปล่อยเช่าหมดแล้ว ในปัจจุบันค่าเช่าเพิ่มขึ้นมาก แต่ละปีรายได้ไม่เลวเลย
คราวที่แล้วผู้เช่าคนนั้นยังมาถามเขาอีกว่าจะขายห้องหรือไม่ ทั้งยังตั้งราคาไม่ต่ำเลย ตั้ง 6,000 หยวน
มันเพิ่มขึ้นมาจากตอนที่พวกเขาซื้อมามาก ตอนนั้นห้องชุดทั้ง 2 มีขนาด 108 ตารางเมตร และราคารวมกันทั้งหมดก็มากกว่า 6,000 หยวน
แต่ถึงอย่างนั้น จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่ขายมัน
ล้อเล่นน่า ทำเลตรงนั้นยอดเยี่ยมมาก อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ทำเลดีขนาดไหนกัน? แถมยังมีมาตรการต่าง ๆ ในบริเวณใกล้เคียงและสภาพความเป็นอยู่ก็ดีมากด้วย
เขายังคิดว่ามีห้องชุดแค่ 2 ห้องยังน้อยเกินไป แต่ห้องในชุมชนนั้นไม่มีเหลือแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาต้องซื้ออีกหลัง เพราะตอนนี้เขามีลูกชายถึง 3 คนแล้ว
จะได้มี 1 คนต่อ 1 ห้อง เท่า ๆ กัน
แม้ว่าจะมีอีกที่ที่อยู่ถัดจากโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของเมืองเจียงสุ่ย แต่สภาพบ้านตรงนั้นแย่กว่าที่นี่
เขายังคงชอบเมืองมหาวิทยาลัย ตอนนี้ยังนึกเสียดายอยู่เลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะขายมันหรอก
“งั้นนายช่วยถามหน่อยสิว่าราคาเท่าไหร่?” ซูจิ้นตั๋งกล่าว
จี้เจี้ยนอวิ๋นขอให้สวี่เหอซานนำข่าวนี้ไปบอกแก่ซุนต้าซานและเหอเจี่ย
พวกเขาทั้งคู่กลับไปดูราคาบ้านปัจจุบัน
ในชุมชนที่พวกเขาอาศัยอยู่มีครัวเรือนที่ต้องการย้ายออกและต้องการโอนบ้าน แต่ราคาไม่ถูก มันมีขนาด 90 ตารางเมตร แต่มีราคาอยู่ที่ 5,000 หยวน เป็นราคาที่เหมาะสมแต่ก็ไม่ถูกเลย
“ราคานี้แพงมาก” จี้เจี้ยนอวิ๋นขมวดคิ้ว
บ้านเขาในเมืองมหาวิทยาลัย ขนาดห้อง 108 ตารางเมตร ราคาเพียง 6,000 หยวนเท่านั้น ร้านค้าของเขายังพอเทียบได้ แต่บ้านราคา 90 ตารางเมตร กลับกล้าเสนอราคา 5,000 หยวน?
“ผมกับพี่ใหญ่ซุนไปต่อรองราคาที่นั่น ทางนั้นบอกว่าอย่างน้อยก็ต้องไม่ต่ํากว่า 4,700 ไม่อย่างนั้นไม่ขาย” สวี่เหอซานกล่าว
จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า แล้วบอกกับซูจิ้นตั๋งว่าราคา 4,700 หยวน
“ถ้าพี่อยากซื้อ พรุ่งนี้ผมจะให้พี่รองไปส่งสินค้า พี่นั่งรถเขาไปก็ได้” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
“ฉันจะคิดดูนะ” ซูจิ้นตั๋งพูด
“ถ้าขาดเงิน ผมยังมีอยู่อีกนิดหน่อยนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดอีกครั้ง
“ตกลง” ซูจิ้นตั๋งพยักหน้า
ครั้นเขาบอกกับสะใภ้รองซู หล่อนก็ถึงกับตกใจ “แพงขนาดนี้เลยเหรอ? 90 ตารางเมตรราคา 4,700?”
“ตอนนี้จะเทียบกับเมื่อก่อนได้ยังไง อย่าว่าแต่ฝั่งเมืองมหาวิทยาลัยเลย แม้แต่ร้านของเรา ตอนนี้ยังซื้อในราคาเดิมได้อีกเหรอ?” ซูจิ้นตั๋งกล่าว
“ช่างมันเถอะ ก่อนหน้านี้พวกเราก็ไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น” สะใภ้รองซูพูด
ธุรกิจในร้านนับว่าไม่เลว แต่การเก็บเงิน 1,500 หยวนต่อปีก็ไม่ง่าย ตอนนี้พวกเขายังพอมีอยู่ในมือบ้าง แต่ 4,700 หยวนยังลำบากเกินไป
“เจี้ยนอวิ๋นบอกว่าถ้าไม่พอไปเอาจากเขาก่อนได้” ซูจิ้นตั๋งกล่าว
“รบกวนน้องเขยตลอดไม่ดีหรอกนะคะ ช่างมันเถอะ เก็บไปก่อนถ้าพอแล้วค่อยว่ากัน” สะใภ้รองซูพูด
“แน่ใจนะว่าจะไม่ซื้อ?” ซูจิ้นตั๋งถาม
“ตอนนี้ยังไม่ซื้อ สือโถวยังเล็กอยู่เลย ยังมีโอกาสอีกมาก” สะใภ้รองซูกล่าว
ซูจิ้นตั๋งไม่ได้พูดอะไรอีก คิดว่าเก็บเงินได้ค่อยซื้อก็ไม่เป็นไร ดังนั้นจึงบอกกับจี้เจี้ยนอวิ๋น
จี้เจี้ยนอวิ๋นคิดว่าพวกเขาจะซื้อมัน เขาเองก็วางแผนจะให้ยืมเงินไปก่อนหากพวกเขาเงินไม่พอ ไม่คิดว่าจะไม่ซื้อ?
“ไม่ซื้อเหรอ? ต่อไปจะไม่ได้ราคานี้แล้วนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
แม้ว่า 4,700 หยวนจะไม่ถูก แต่หากซื้อมันมา จะต้องไม่เสียใจอย่างแน่นอน
ยกตัวอย่างเช่นจี้เจี้ยนเหวินน้องชายของเขา เมื่อซื้อบ้านยังขอกู้เงิน แม้แต่พ่อกับแม่ของเขายังเอาเงินค่าโลงศพออกมาให้ 500 หยวน หลายปีมานี้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ดูจากตอนนี้เมื่อวันเวลาผ่านไปแล้วสิ เขากับอวิ๋นลี่ลี่ต่างก็ดีใจมากที่ตอนนั้นกัดฟันซื้อ
ตอนนี้มีที่อาศัยอยู่ในเมืองเจียงสุ่ยแล้ว แม้สถานที่นั้นจะเบียดเสียดกันบ้าง แต่ต่อให้เป็นรังเงินรังทองก็ไม่เท่ากับคอกสุนัขของตัวเอง*ไม่ใช่เหรอ?
* ต่อให้เป็นสวรรค์วิมานก็ไม่เหมือนอยู่บ้านตน
ถ้าพวกเขาเก็บออมมาจนถึงตอนนี้ อาจจะไม่สามารถซื้อมันได้
ดังนั้นแม้ว่าในตอนแรกจะไม่ง่าย แต่ก็ซื้อมันมาแล้ว ตอนนี้ประเทศมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ใครจะรู้ตลาดในอนาคตล่ะ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าซูจิ้นตั๋งไม่ได้ตั้งใจจะซื้อ จึงไม่พูดอะไรอีก เพราะมันเป็นเรื่องของเขา ตอนที่เขาขาดเงินค่อยวางแผนเก็บเงินไว้ให้เขายืม
ต่อให้ไม่ต้องยืมเงินออกไป จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังคงขายผลไม้อีกครั้ง ตอนนี้งานยุ่งมาก ไม่มีเวลาจัดการมากขนาดนั้น
วันเวลาของเหล่าจางผ่านไปอย่างสุขสบาย เขาไม่เคยรู้สึกสะดวกสบายเช่นนี้มาก่อนในชีวิต
แค่ลงจากภูเขาให้ตรงเวลาเพื่อกินอาหาร 3 มื้อ บางครั้งก็เดินเตร็ดเตร่ไปรอบ ๆ และให้อาหารไก่ หรือไม่ก็ลงไปในฐานะพ่อบุญธรรมของจี้เจี้ยนอวิ๋น และที่สําคัญคือเขาเป็นศาสตราจารย์อาวุโสจากปักกิ่ง!
หากเรื่องนี้อยู่ในสังคมเก่าก่อน นี่เป็นตําแหน่งขุนนางที่มีเกียรติ ดังนั้นเขาจึงเป็นที่เคารพนับถือเป็นพิเศษ
เหล่าจางต้องการจ่ายค่าครองชีพให้ซูตานหง แต่ซูตานหงปฏิเสธ “ทั้งหมดนี้เป็นที่ดินของครอบครัวเราเอง อ่างเก็บน้ำก็เป็นของพวกเราเอง จะต้องเอาเงินไปทำอะไรคะ? ถ้าพ่อบุญธรรมกังวลเรื่องเงินก็เก็บไว้ให้เหรินเหรินกับฉีฉีเถอะค่ะ ในอนาคตจะต้องซื้อหนังสือตำราเรียนเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้ฝากพ่อบุญธรรมด้วยนะคะ”
เหล่าจางได้ยินดังนั้นก็ตอบรับทันที
ซูตานหงเห็นเขารับคําก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ชายชรามากินอาหารด้วยกัน แม้ว่าอาหารทุกมื้อจะอร่อยและกินได้เยอะมาก แต่นั่นใช้เงินไปเท่าไหร่ล่ะ เธอไม่ได้เห็นเงินพวกนี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย แล้วจะให้เก็บค่าครองชีพเขาได้อย่างไร
แต่เธอก็ไม่ได้ละเลยคำพูดเหล่านี้ของเขา และไม่ทำลายความนับถือตนเองของชายชรา
อีกอย่างเหล่าจางก็ช่วยเธอด้วย เช่น เรื่องการศึกษาของเหรินเหริน ดังนั้นหากมีเขาอยู่ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซง
ครึ่งเดือนมานี้ เธอเห็นเหรินเหรินเขียนพู่กัน แม้จะยังติดขัดอยู่แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว
ซูตานหงก็เขียนได้ ตัวอักษรนุ่มนวลและสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้หญิง
แต่เธอไม่ได้แตะต้อง อย่าว่าแต่พู่กันนี้เลย แม้แต่กู่ฉินที่จี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อมา เธอก็ไม่เคยแตะต้องมันเลยและเก็บมันไว้ แม้ว่าเธอจะมีทักษะมากมายก็ตาม
ครั้นถึงวันที่ 1 กันยายน เหรินเหรินก็เปิดเทอมแล้ว ปู่บุญธรรมของเขาพาเขาไปลงทะเบียน รวมถึงจัดการค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมทั้งหมดให้เขา
ซูตานหงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เธอเห็นถึงความภูมิใจของพ่อบุญธรรมคนนี้ หากไม่ยอมให้เขาจ่ายเงินเลยคงจะผิดปกติ ดังนั้นซูตานหงจึงไม่สนใจเรื่องนี้ จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เมื่อเหล่าจางเห็นท่าทางของสองสามีภรรยาคู่นี้ก็พอใจเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้เขายังรับหน้าที่รับส่งเหรินเหรินด้วยตัวเอง
โรงเรียนประถมต้องเข้าไปเรียนในเมืองค่อนข้างไกล ผ่านถนนหลายสาย แต่เหล่าจางขี่จักรยานได้ เขาจึงสามารถไปส่งถึงที่นั่นได้ด้วยตัวเอง
ซูตานหงไม่มีข้อโต้แย้ง มีรถรับส่งก็นับว่าดีมาก
เหรินเหรินปรับตัวได้ดีในโรงเรียน เขาสอบได้ที่หนึ่งในชั้นเรียน ยังทำคะแนนได้ 100 คะแนนในทั้ง 2 วิชาของชั้นเรียน จนเป็นที่อิจฉาของเพื่อนร่วมชั้น
นอกจากนี้เขายังเป็นหัวหน้าห้อง เมื่อหัวหน้าห้องเป็นเขา เขาจึงได้รับการยกย่องจากคุณครู ส่วนเพื่อนร่วมชั้นเรียนเห็นท่าทางจริงจังของเขา รวมกับที่เป็นหัวหน้าห้องและเรียนได้คะแนนดี จึงไม่กล้าต่อสู้กับเขา
ดังนั้น เส้นทางชีวิตเด็กประถมของเด็กน้อยเหรินเหรินจึงได้เริ่มต้นขึ้น และเส้นทางของนักเรียนคนนี้ยาวนานเกือบ 20 ปี