ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 322 ในชีวิตต้องการเพียงเขา!
ตอนที่ 322 ในชีวิตต้องการเพียงเขา!
การสร้างบ้านใหม่ย่อมต้องสร้างให้ใหญ่กว่าเดิม ไม่ใช่แค่ 80 ตารางเมตร อย่างน้อยต้อง 90 ตารางเมตร พร้อม 3 ห้องนอนและ 1 ห้องนั่งเล่น
หล่อนไม่รู้ราคาบ้านในเมืองเจียงสุ่ย ด้วยในตอนนั้นตนไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงสุ่ยแล้ว แต่อาศัยอยู่ในเมืองอื่น
แม้ราคาบ้านจะแพงขึ้นไม่มาก แต่อย่างต่ำต้องมีถึง 300,000 หยวนสำหรับบ้านขนาด 90 ตารางเมตร และอาจสูงกว่านี้ด้วยซ้ำ
หมายความว่า 100,000 ยังนับว่าน้อยไป
“พี่สามกับพี่สะใภ้สามของแกก็ไม่ได้แย่เสียหน่อย” คุณแม่จี้ท้วงเมื่อเห็นลูกสาวว่าเช่นนั้น
จี้อวิ๋นอวิ๋นเม้มปาก ตั้งแต่ได้เริ่มชีวิตใหม่ หล่อนก็พยายามไม่มีปากเสียงกับผู้เป็นแม่และตั้งใจอดทนเอาไว้ และเอ่ยขึ้น “ถึงจะดีก็เถอะ ต่อให้บ้านของพี่สามตอนนี้มีฐานะดีที่สุด แต่แม่รู้อะไรไหม? เมื่อเกิดการพัฒนา ต่อไปไม่ว่าจะเป็นผลไม้หรือฟาร์มไก่ก็ไม่มีค่าอีกต่อไปแล้ว”
“ได้ยังไงกัน?” คุณแม่จี้นิ่งอึ้งและอดถามขึ้นไม่ได้
“เพราะต่อไปการสัญจรจะสะดวกมากขึ้น ถึงตอนนั้นผลไม้จะถูกส่งจากทางใต้มาถึงที่นี่ได้ตลอดปี ฟาร์มไก่ที่อื่นก็จะผุดขึ้นเหมือนกัน กิจการของพี่สามทำเงินได้มากก็จริง แต่คงไม่ยั่งยืนนักหรอกค่ะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ
“แล้วต้องทำยังไงล่ะ?” คุณแม่จี้โพล่งถาม
“จะทำอะไรได้ล่ะคะ? ก็ต้องปรับตัวให้เร็วที่สุดน่ะสิ ถ้าพี่สามมีเงินก็ให้เขาซื้อที่ดินไว้ เป็นวิถีทางที่ดีที่สุดค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก
หล่อนเองต้องการทำแบบนั้นเช่นกัน หากแต่หล่อนเป็นผู้หญิงที่ไม่มีคนรู้จักและเงินทอง จะทำอย่างไรได้? จึงทำได้เพียงซื้อเสื้อผ้ามาขาย ราคาต้นทุนของมันไม่สูงนัก นำไปขายต่อได้ในราคาเป็น 10 เท่า ถึงได้มีกำไรมาก
“ที่ดินเหรอ? ซื้อไปทำไมกันล่ะ?” คุณแม่จี้ถาม
“ซื้อไว้ย่อมดีอยู่แล้วค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นกล่าว เป็นเพราะหล่อนเห็นแก่พ่อแม่ ไม่เช่นนั้นจะบอกพี่สามในเรื่องนี้หรือ?
“ครั้งก่อนฉันก็ไปบอกพี่สะใภ้สามเรื่องนี้ แต่หล่อนกลับไม่สนใจ แถมไล่ฉันออกมา ถ้าไม่เห็นแก่พ่อแม่ ฉันคงไม่สนใจครอบครัวของหล่อนหรอกค่ะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ย
“อย่าพูดอย่างนั้นเชียว พี่สะใภ้สามช่วยเรื่องหยวนหยวนเอาไว้นะ!” คุณแม่จี้ว่าเข้าให้
จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดสิ่งใดไม่ออก
อันที่จริงหากลูกสาวคนนี้ไม่ได้เป็นลูกของหลี่จื้อ หล่อนคงไม่คิดสนใจ หล่อนเคยถูกไอ้คนสารเลวนอกใจ จึงไม่เชื่อในแนวคิดการเลี้ยงลูกให้มาดูแลตนยามแก่เฒ่า
การมีลูกชายย่อมดีกว่า พวกเขาสามารถพึ่งพาได้ หากมีเงินและมีลูกชาย เขามีแต่ต้องกตัญญูต่อหล่อน ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้สมบัติ และถูกนำไปบริจาคแทนที่จะให้ลูกชาย!
แต่ลูกสาวคนนี้เป็นลูกของหล่อนกับหลี่จื้อ ความรู้สึกจึงต่างออกไป
ทำให้หล่อนยังต้องการเลี้ยงดูลูกคนนี้ให้ดีขึ้นบ้าง
เมื่อพูดถึงหลี่จื้อ เขาก็ยังไม่ยอมให้อภัยหล่อนมาจนถึงบัดนี้
“แกได้ไปเจอหลี่จื้อบ้างหรือเปล่า?” คุณแม่จี้นึกถึงลูกเขยอย่างหลี่จื้อเช่นกัน นางจึงถามขึ้น
นางเห็นเขามาตลอดปี หลี่จื้อ ลูกเขยของนางเป็นคนดีเหลือเกิน นางประทับใจในตัวเขาไม่น้อย เป็นลูกสาวของนางที่ทำผิดต่อเขาก่อน ตอนนี้แม้เขาหย่ากับลูกสาวนางแล้ว แต่ยังพาหยวนหยวนแวะมาเยี่ยมอยู่บ้าง
“หลี่จื้อยังไม่ยอมยกโทษให้ฉันค่ะ ฉันไปหาเขาหลายครั้งแล้ว เขาไม่ยอมเจอหน้าฉันเลยสักครั้ง” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก
“สมควรแล้ว แกทิ้งผู้ชายประเสริฐอย่างหลี่จื้อ แล้วไปอยู่กับคนแซ่โจวนั่นเองนี่!” พูดถึงเรื่องนี้เมื่อไร นางนึกโกรธขึ้นมาทุกที
“แม่คะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องให้หลี่จื้อกลับมาคืนดีกับฉันโดยเร็ว ฉันคิดถึงเขาจะตายอยู่แล้ว” จี้อวิ๋นอวิ๋นว่าขึ้นอย่างลืมอาย
หล่อนคิดถึงหลี่จื้อมากเหลือเกิน คิดถึงความอ่อนโยนของเขาตอนทนุถนอมต่อครั้งแรกของหล่อนในคืนเข้าหอ ความอดกลั้นต่อความต้องการของเขา และความรับผิดชอบต่อครอบครัวของเขา
หล่อนคิดถึงทุกอย่างของหลี่จื้อ ต้องการเขาเสียจนจิตใจไม่สงบ
หล่อนยังนึกเสียใจนับครั้งไม่ถ้วน เหตุใดตนจึงหลงผิดไปกับโจวจื่อขนาดนั้นตั้งแต่แรก ทิ้งผู้ชายแสนดีอย่างหลี่จื้อ และไปหาอสูรกายแบบนั้น
หล่อนมีโอกาสกลับมาแก้ตัว กลับมาในช่วงเวลานี้ จึงรู้สึกว่าตนยังมีเวลาเยียวยาความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับหลี่จื้อ
หากต่อไปได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอีก หล่อนก็ไม่คิดใช้เงินเดือนของเขาหาเลี้ยงครอบครัว อีกทั้งยังสามารถดูแลเขาตอบแทนได้
หล่อนไม่เรียกร้องให้เขาทำงานบ้านให้ แต่จะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลทุกอย่าง จะอุทิศตนเป็นภรรยาที่แสนดีและอ่อนโยนให้เขา!
หากแต่หลี่จื้อไม่เหลียวแลหล่อนแม้แต่น้อย
สายตาที่เขาสบมองหล่อน ช่างทำให้หล่อนรวดร้าวลึก ราวกับมองสิ่งปฏิกูล
หล่อนเพียงแค่ตามชายอื่นไป แต่ยังคิดได้ภายหลัง ชายคนนั้นเป็นเพียงเรื่องราวในอดีต เหตุใดตอนนี้เขาจึงไม่ชายตามองหล่อนกัน?
“ฉันพยายามโน้มน้าวหลี่จื้อแล้วนะ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่อยากกลับไปคืนดีกับแกอีก แกเองทำเรื่องงามหน้าไว้มาก ฉันว่าเวลาที่เขานึกถึงช่วงแต่งงานอยู่กินกับแก เขาคงไม่มีความสุขเลย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต้องทนกับแกขนาดนั้นหรอก!” คุณแม่จี้บอก
จี้อวิ๋นอวิ๋นพลันตาแดงก่ำ
หล่อนไม่รู้ว่าตอนนั้นผีตนใดเข้าสิง หล่อนทำตัวเสเพลเพียงนั้นได้อย่างไร?
หลี่จื้อเหนื่อยล้ากับการสอนหนังสือทุกวัน ทั้งเตรียมการสอน เตรียมเอกสารและบันทึกมากมาย ตรวจการบ้าน และงานอื่น ๆ ทุกวันมีภาระหน้าที่ให้ทำไม่จบสิ้น
หากแต่เมื่อมาถึงบ้าน หล่อนกลับไม่ได้เตรียมอาหารแม้สักคำไว้ให้ ทั้งยังรอให้เขามาทำอาหารให้หล่อนผู้ที่เอาแต่อ่านหนังสืออยู่ที่บ้านทั้งวัน
ถึงกระนั้นเขากลับไม่ปริปากบ่นสักคำ
ครั้นหล่อนทำตัวเหลวไหลจนถึงที่สุด เขาทำเพียงพูดประโยคเดียวและตัดบทกับหล่อน ไม่พูดสิ่งใดออกมาอีก ไม่คร่ำครวญกับเรื่องเหล่านี้ด้วยซ้ำ กลับเป็นหล่อนที่ไม่อาจคุมตนเอง และยิ่งจองหองอวดดี
ตอนนี้เมื่อย้อนนึกถึงสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป หล่อนก็ไม่อาจสู้หน้าหลี่จื้อได้ บางทีในชีวิตแต่งงานของพวกเขา การหย่าคงเป็นความสบายใจสำหรับหลี่จื้อ?
เขาถึงได้ยืนกรานหนักแน่นไม่ยอมคืนดีกับหล่อน อย่าว่าแต่กลับไปคืนดีเลย หากเห็นหล่อนบนท้องถนน เขาคงทำเพียงหันหนีและเดินจากไป
เมื่อเห็นลูกสาวมีสภาพแบบนี้ คุณแม่จี้ถอนหายใจออกมาเช่นกัน
แต่นางจะพูดอะไรได้ จะบอกว่าหลี่จื้อเป็นฝ่ายผิดได้อย่างไร นางพอทำเป็นมองข้ามเรื่องผิดชอบชั่วดีได้ แต่ไม่อาจพูดเช่นนั้นออกมาได้
ลูกสาวอย่างหล่อน ไม่ต้องถึงมือหลี่จื้อ นางผู้เป็นแม่ยังแทบทนไม่ได้ และคร้านจะใส่ใจเรื่องของเจ้าหล่อน
คนที่ใช้ชีวิตราวกับโลกหมุนรอบตัวเอง ทุกอย่างต้องได้ดั่งใจไปเสียหมด และไม่รู้จักสำนึกบุญคุณคน
“อย่าไปตามตื้อหลี่จื้ออีกเลย ถ้าแกพยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ แกก็เลิกตามตอแยหลี่จื้อเขาซะเถอะ” คุณแม่จี้เอ่ย
“ไม่ค่ะ ฉันต้องการเพียงหลี่จื้อในชีวิต ฉันไม่ต้องการใครนอกจากหลี่จื้อ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพลันโพล่งขึ้น
“ทำไมแกถึงยังดึงดันอยู่นะ?” คุณแม่จี้ว่าสำทับ “ตอนนี้หลี่จื้อไม่เห็นค่าแกอีกต่อไปแล้ว!”
“ต่อให้เขาไม่เห็นค่าฉัน ฉันก็จะพยายามให้เขากลับมารักฉัน ตอนนี้ฉันยังไม่ดีพอ ถึงคราวที่ฉันเป็นคนที่ดีขึ้น เขาจะต้องยอมรับในตัวฉันอีกครั้งแน่ ท่ามกลางผู้ชายทั้งโลก มีแค่หลี่จื้อที่ดีกับฉัน!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ย