ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 326 เป่ยซานอันแสนกันดาร
ตอนที่ 326 เป่ยซานอันแสนกันดาร
นอกจากเห็ดต่าง ๆ แล้ว ซูตานหงยังเก็บถั่วเมล็ดสนมาเป็นของว่างอีกด้วย
กระทั่งเกาลัดเธอยังมีติดบ้านเอาไว้ อากาศหนาวเช่นนี้เหมาะแก่การกินไก่ตุ๋นเกาลัดมาก ครั้งก่อนเธอทำให้เหล่าจางกิน เขาถูกใจกับรสชาติไม่น้อย
ผ่านพ้นช่วงวันหยุดฤดูร้อนมาได้ไม่กี่เดือน เหล่าจางอ้วนท้วนกว่าก่อนมาก โดยเฉพาะผิวพรรณที่ดูสดใสทีเดียว
เขาเองรู้ตัวดีเช่นกัน
เขาจึงมักลงมากินข้าวด้วยบ่อยครั้ง
ตอนเช้ามักจะมีโจ๊กหลากชนิดไม่ซ้ำกันในเดือนหนึ่ง ทั้งโจ๊กเนื้อล้วนเม็ดบัว โจ๊กเนื้อล้วนใส่ไข่ โจ๊กกระดูกหมู กินเคียงกับผักต่าง ๆ ไข่เป็ดเค็ม และอื่น ๆ ชวนให้อิ่มหนำสำราญรับช่วงเช้า
มากไปกว่านั้น หลังจากมื้อเช้าตอน 7 โมงแล้ว เมื่อถึงราว ๆ 9 โมง ซูตานหงก็มักจะเตรียมของว่างเอาไว้
เธอตั้งใจทำให้เสียงเสียงกิน เธอจึงทำของว่างเตรียมเอาไว้เป็นบางครั้งคราว หลังจากมื้อเที่ยงชุดใหญ่ การดื่มชายามบ่ายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยจะดื่มราวบ่าย 3 โมง บางครั้งมีถั่วเขียวต้ม ขนมงาตัด หรือไม่ก็ซุปงา ซุปถั่วลิสง หรือโจ๊กแปดสมบัติอะไรทำนองนี้
ของว่างเหล่านี้เป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ในช่วงบ่าย 3 โมง
มันแทบเป็นกิจวัตรไปเสียแล้ว บางครั้งฉีฉีไม่ได้นอนกลางวันและออกไปเล่นข้างนอก แต่เขาก็ยังกลับมากินอาหารตรงเวลา
เนื่องจากต้องหิ้วท้องหลังมื้อเที่ยงไปจนถึง 5 โมงครึ่ง เกือบ 6 โมงเย็นถึงได้ถึงเวลามื้อเย็น
ของว่างเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น
ด้วยอาหารการกินเช่นนี้ เหล่าจางจะไม่อุดมสมบูรณ์ขึ้นได้อย่างไร?
ไม่แปลกที่จี้เจี้ยนอวิ๋นจะน้ำหนักขึ้นไม่น้อย ช่วงนี้เขาไปกลับระหว่างที่นี่กับปักกิ่ง ถึงได้ผอมลงเล็กน้อย แต่น้ำหนักสูงสุดของเขาเคยพุ่งไปถึง 190 ชั่ง!
เขาตัวใหญ่ราวหมีดำ ยามที่ซูตานหงโดนเขาทับตอนกลางคืน เธอจะรู้สึกหนักเพียงไหนกัน?
จี้เจี้ยนอวิ๋นรับซื้อผลผลิตบนภูเขาจากชาวบ้าน ย่อมทำให้พวกเขามีรายได้คล่องมือขึ้น เดิมทีผลผลิตบนเขาจะถูกเก็บ และนำไปขายที่ตลาด แต่ในยุคนี้พวกมันไม่ได้มีมูลค่ามากนัก
ราคาตอนนี้ค่อนข้างต่ำ ผิดกับราคาที่จี้เจี้ยนอวิ๋นเสนอให้ พวกเขาขายได้ในราคาใกล้เคียงกับที่ตลาด อีกทั้งยังไม่ต้องลำบากเดินทางไปถึงตลาด
“ปีหน้าเธอจะมารับซื้ออีกไหม?” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้น
“มาครับ ช่วยเก็บเกี่ยวแล้วตากเอาไว้ให้เราทีนะครับ ผมจะให้ราคาที่มากขึ้น เด็ก ๆ จะได้มีเงินไปเรียนหนังสือ” จี้ต้าหย่งบอก
เมื่อเขากลับมาบอกกับจี้เจี้ยนอวิ๋น เขาก็รู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย “ฉันคิดว่าพวกเราที่นี่ยากจนแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าชาวบ้านบนเขาจะลำบากกว่าเราอีก!”
คนที่พอมีฐานะในครอบครัวของเขารู้สึกว่าเขายากจนเกินไป
“แถบไหนกัน?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม
“แถวเป่ยซานไง” จี้หงจวินตอบ
ตอนนี้งานเก็บผลไม้ที่สวนแห่งแรกยุ่งมาก และคนอื่นก็งานยุ่ง เขาจึงเรียกตัวจี้หงจวินมาช่วยจี้ต้าหย่งรวบรวมผลผลิตจากบนเขา
จากนั้นจึงทำบัญชีว่าพวกมันมีราคาเท่าไร มีปริมาณมากเท่าไร เทียบกันแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นไว้ใจจี้ต้าหย่งในระดับหนึ่ง แต่กับจี้หงจวิน เขาสามารถเชื่อใจได้เต็มที่ ด้วยอีกฝ่ายทำงานกับเขามานานหลายปีแล้ว
“ผลผลิตทางนั้นมีอะไรบ้างล่ะ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม
“ดูเหมือนจะเริ่มปลูกข้าวโพดแล้ว ส่วนพืชอื่นยังไม่เห็นมากนัก ใช่ไหม?” จี้ต้าหย่งบอก
“ได้เลี้ยงหมูบ้างหรือเปล่า?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถามซ้ำ
“เห็นครอบครัวหนึ่งเลี้ยงอยู่นะ” จี้หงจวินตอบ
“มีหลายบ้านที่เลี้ยงไก่กันด้วย ยังมาถามเราว่ารับซื้อไข่ไหมอยู่เลย” จี้ต้าหย่งเสริม
“พรุ่งนี้ไปที่นั่นอีกที ให้พวกเขาเก็บธัญพืชสำหรับหน้าหนาวไว้ให้เพียงพอ รวมทุกอย่างที่พวกเขาอยากจะขาย บอกว่าปลูกธัญพืชได้ตามใจเลย ไม่ว่าจะข้าวโพดหรืออื่น ๆ ฉันจะรับซื้อทั้งหมดเอง” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
ที่นี่มีฟาร์มไก่หลายที่ มีเล้าหมูหลายแห่ง รวมถึงบ่อปลา เขาต้องใช้อาหารเลี้ยงจำนวนมาก ขอเพียงมีคุณภาพดี เขารับซื้อทั้งนั้น
จี้ต้าหย่งและจี้หงจวินเพียงแต่พูดออกไป หากแต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะตัดสินใจเช่นนี้
ทั้งสองไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด พวกเขาเห็นด้วยกับการตัดสินใจของจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นแหล่งรายได้ก้อนโตสำหรับชาวบ้านในแถบเป่ยซาน
เรียกว่าเป็นเรื่องของรายได้อย่างเดียวคงไม่ถูกต้องนัก เนื่องจากไม่ใช่เงินที่ได้มาเปล่า แต่เกิดจากการลงแรงปลูกพืชผล
พวกเขาต้องไปถึงตลาดที่เป่ยซาน ต้องไปขายของโดยไม่รู้อนาคต ต้องเดินทางไกล จี้เจี้ยนอวิ๋นทำให้พวกเขาสะดวกสบายขึ้นมาก
จี้ต้าหย่งกับจี้หงจวินจึงมารับซื้อผลผลิตในวันต่อมา
“เราแค่พูดกันว่าชาวบ้านแถบนี้ลำบากกันมาก เถ้าแก่ของเราก็สั่งให้มารับซื้อผลผลิต ขอแค่คุณภาพดี เราจะรับซื้อทั้งหมด แต่ต้องเก็บเอาไว้กินเองด้วยนะ หน้าหนาวปีหน้าเราก็จะมารับซื้ออีก นี่ไม่ใช่ธุรกิจชั่วครั้งชั่วคราว แต่ถ้าของคุณภาพไม่ดี ข้อตกลงจะเป็นโมฆะนะครับ เราจะเลิกรับซื้อทันที ลงชื่อที่ผลผลิตของแต่ละครอบครัวเอาไว้ด้วย ถ้าใครเขียนไม่เป็นก็เอามาให้ผมช่วยเขียนได้ เราจะคิดยอดเงินรวมให้ครับ” จี้หงจวินป่าวประกาศ ก่อนเริ่มชั่งน้ำหนักเพื่อคิดเงิน
ส่วนจี้ต้าหย่งรับหน้าที่ขนผลผลิตขึ้นรถบรรทุก
รถสามล้อของชาวบ้านมีขนาดไม่เล็ก แต่วันนี้กลับมีผลผลิตเต็มคันรถ พืชผลมากมายอัดแน่น หากขนมาไม่ไหวก็สามารถนำส่วนที่เหลือมาวันพรุ่งนี้ได้
ชาวไร่ที่เป่ยซานมีผลผลิตค่อนข้างมาก พวกเขามีอาหารที่บ้านไม่น้อย รวมแล้วได้ 3 คันรถเต็ม พวกมันถูกนำมาขายในครั้งนี้
เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะรับซื้อไก่และไข่ด้วย หากแต่มีพื้นที่ไม่เพียงพอ อีกทั้งยังมีจำนวนไม่มากจึงไม่ได้รับซื้อมา แต่สำหรับบ้านที่เลี้ยงหมู ตอนนี้พวกเขารับซื้อหมูแล้ว จี้หงจวินจึงบอกให้ขุนให้อ้วนท้วน เมื่อถึงสิ้นเดือนมกราคม เขาจะขับรถมารับซื้อไปขาย
ครั้งนี้พวกเขารับซื้อผลผลิตจากชาวบ้านที่เป่ยซานกว่า 20 ครอบครัว ทุกครอบครัวจึงได้เงินส่วนแบ่งไป
นับเป็นเงินจำนวนมาก เงินเกือบ 30 หยวนถูกแจกจ่ายให้แต่ละบ้าน
ถึงอย่างไรจี้เจี้ยนอวิ๋นก็สามารถทำกำไรกลับคืนได้
เนื่องจากเขาสั่งให้จี้หงจวินถามชาวบ้านเรื่องของอุปโภคบริโภคที่ขาดแคลน เมื่อจดรายการสินค้ามาได้ ก็ลงไปนำสินค้าในห้างมาขายให้พวกเขา
แน่นอนว่าต้องขายหมดเกลี้ยง เพราะทั้งคุณภาพดีและใช้ประโยชน์ได้จริง
ครั้งก่อนเขานำเสื้อผ้าขึ้นไปหลายชุด และขายหมดอย่างรวดเร็ว
จี้ต้าหย่งกับจี้หงจวินกลายเป็นพ่อค้าคนดังในเป่ยซาน พวกเขาทั้งรับซื้อผลผลิตในราคาที่เหมาะสม และนำสินค้าจำเป็นมาขายทำให้ไม่ขาดแคลน ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเขาต้องใช้เวลาเดินทางไปหาซื้อกว่าครึ่งวัน เรียกได้ว่าเสียเวลาไม่น้อย
ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีใครมารับซื้อผลผลิตในภายหลัง พวกเขาจึงไม่ได้ขายให้แต่อย่างใด
เนื่องจากพวกเขาเก็บเอาไว้ขายให้จี้หงจวินและเถ้าแก่ของเขา
ปีนี้ทั้ง 20 ครอบครัวที่เป่ยซานจึงมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น
ด้านจี้เจี้ยนอวิ๋น หลังได้ผลผลิตมามากมายก็ไม่กังวลเลยว่าจะไม่มีแหล่งขาย เขาส่งส่วนที่คุณภาพดีไปขายที่ปักกิ่ง ในขณะส่วนที่คุณภาพแย่ถูกนำไปเป็นอาหารหมู
หมูทั้ง 30 ตัวต่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ดูน่ากินเป็นพิเศษ เขาให้อาหารมากเช่นนี้ ถึงคราวสิ้นปีคงจะตัวโตใกล้เคียงกับที่เคย