ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 329 ปี 1988
ตอนที่ 329 ปี 1988
หลังพ้นกลางเดือนพฤศจิกายนมาแล้ว งานต่าง ๆ ก็ซาลงเล็กน้อย
แต่เมื่อเข้าเดือน 12 ทางจันทรคติ ก็จะมีงานหลายอย่างให้ทำเพิ่มขึ้น
เนื่องจากเวลานี้เป็นช่วงที่ต้องจับปลาไปขาย ปลาจำนวนมากถูกจับ และส่งไปขายที่ร้านค้าต่าง ๆ
ปลาเป็นสินค้าที่ขายดีเช่นกัน
จี้เจี้ยนอวิ๋นงานยุ่ง ซูตานหงเองก็งานยุ่งเช่นกัน เธอตั้งใจว่าปีนี้จะไม่ทำหมูแดดเดียว แต่เหรินเหรินกับฉีฉีกลับขอให้เธอทำหมูแดดเดียวในปีนี้
เหล่าจางโปรดปรานสิ่งนี้เช่นกัน
เธอจึงทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยช่วงที่คุณแม่ซูมาเยี่ยมเธอ นางบอกว่าตนเองได้แต่อยู่เฉย ไหน ๆ นางไม่มีอะไรทำ นางจึงช่วยทำสักหน่อย ของพวกนี้นำไปขายได้ เหตุใดจะไม่ทำกันล่ะ?
ซูตานหงคิดแบบนั้นเช่นกัน เธอจึงเรียกตัวผู้ช่วย 2 คนคือหลี่อวี้ซุ่ยและหวังหงฮวามาเริ่มหมักและทำหมูแดดเดียวกัน
เธอไม่ได้นำเนื้อหมูที่บ้านตนเองมาทำ และเก็บพวกมันไว้ขายเอากำไร เนื้อหมูบ้านเธออร่อยมาก ราคาจึงสูงกว่าปกติ หากนำไปทำเป็นหมูแดดเดียวคงจะไม่คุ้มค่า
อีกทั้งราคาเนื้อหมูตอนนี้แม้ไม่ถูก แต่ไม่นับว่าสูงนัก 1 ชั่งตกราคา 2 หยวน จี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อมาเป็นจำนวนมากในรอบเดียว ซึ่งพวกมันทั้งหมดถูกชำแหละส่งกลับมา จึงทำให้ราคาถูกลงมาก และได้ส่วนต่างกำไรมากขึ้น
จี้เจี้ยนอวิ๋นตั้งใจจะทำขายมากกว่านี้ เขาจะได้นำไปขายที่ปักกิ่งได้ด้วย และยังเป็นการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า
เหรินเหรินอยู่บ้านในระหว่างช่วงปิดเทอมหน้าหนาว เขาจึงรับหน้าที่ดูแลเสียงเสียงซึ่งอยู่ในวัยกำลังซน พวกเขาขึ้นไปที่สวน และไม่ได้ลงมาป่วนตอนที่ทุกคนกำลังงานยุ่งกัน
ครั้งนี้เหรินเหรินสอบปลายภาคได้คะแนนเต็มถึง 2 วิชา และได้ที่ 1 ในชั้นเรียน ทำให้สือโถวอิจฉาไม่น้อย
เนื่องจากเขาได้คะแนนมากเช่นกัน วิชาภาษาจีนได้ 78 คะแนน ส่วนวิชาคณิตศาสตร์ได้ 80 คะแนน แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่สะใภ้รองซูยังภูมิใจในตัวเขามาก และพาลูกชายไปดูหนังด้วยกัน
วันนั้นสือโถวจึงกลับมากับผู้เป็นพ่อ
“พี่น้องเขาอยู่กันที่สวน 4 น่ะ พี่รองพาสือโถวขึ้นไปหน่อยสิคะ” ซูตานหงบอก
ซูจิ้นตั๋งถามสือโถวว่ารู้จักทางไปสวนหรือไม่ เจ้าตัวตอบมาว่าไม่รู้ ด้วยเขายังไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน ซูจิ้นตั๋งจึงต้องพาเขาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
เขาเอ่ยหลังกลับมา “ตานหง ปีนี้เธอทำหมูแดดเดียวเท่าไหร่เหรอ?”
ซูตานหงเข้าใจได้ทันทีจึงบอก “ปีนี้ฉันว่าจะทำส่งไปขายที่ร้านที่ปักกิ่งด้วยค่ะ แต่คงจะไม่ได้แบ่งไปให้ใคร”
ซูจิ้นตั๋งเสียดายเล็กน้อย รสมือของน้องสาวเขาช่างดีอย่างไม่มีที่ติ เธอเคยนำมาให้เขาชิมครั้งหนึ่ง หากนำไปขายคงหมดเกลี้ยงอย่างแน่นอน
ซูตานหงคิดไว้ว่าปีนี้คงไม่ทำมากกว่านี้แล้วเพราะขั้นตอนที่ยุ่งยาก แต่รสชาติของมันช่างอร่อยล้ำ ตอนนี้พวกมันถูกแขวนตากอยู่ตรงลานหลังบ้านจนเต็มพื้นที่ เธอจึงไปขอยืมพื้นที่บริเวณหลังบ้านป้าหยางเพิ่ม และนางก็ตกลง
ไม่ได้มีเพียงซูจิ้นตั๋งที่มาถามว่าจะแจกจ่ายบ้างหรือไม่ แต่ยังมีเหล่าฉินที่มาถามด้วย หมูแดดเดียวของจี้เจี้ยนอวิ๋นช่างหอมอร่อยเหลือเกิน
หากแต่ซูตานหงก็ได้ปฏิเสธไปทั้งหมด
เพราะต้องส่งไปขายที่ปักกิ่ง และยังมีลูกค้าที่เมืองมหาวิทยาลัยจองเอาไว้ แน่นอนว่าเธอต้องนำไปขายก่อน
โดยเฉพาะที่เมืองมหาวิทยาลัย ลูกค้าทั้งหลายต่างเป็นลูกค้าประจำ พวกเขาจึงสมควรได้รับประโยชน์ในฐานะลูกค้าเก่าแก่
จี้เจี้ยนอวิ๋นหัวเราะและพูดถึงหมูแดดเดียวฝีมือเธอ มันขายดียิ่งกว่าสินค้าอื่น ๆ ในร้านเสียอีก
ซูตานหงส่งยิ้มและสบตามองเขา คงเพราะเธอทำหมูแดดเดียวปีละครั้ง และมีเฉพาะช่วงนี้ มันจึงทั้งแพงและหายาก เป็นธรรมดาที่จะขายดี ไม่เช่นนั้นหากพลาดไปแล้ว คงต้องรออีกทีปีหน้า
ไม่ว่าอย่างไรหมูแดดเดียวประจำปีคงจะเป็นที่นิยม ยิ่งเป็นหมูแดดเดียวที่เอร็ดอร่อยเช่นนี้ด้วย
สองสามีภรรยาจึงง่วนอยู่กับงานของตนกระทั่งวันที่ 20
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเริ่มเชือดหมู
หมูมากกว่า 30 ตัวถูกเชือดภายใน 5 วัน พวกมันถูกนำไปขายในวันที่ 25
หลังจากแบ่งให้ซูจิ้นตั๋งกับเหล่าฉินไปขาย เซียวต้าจวินยังมารับไปขายที่ร้านด้วย จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงส่งส่วนที่เหลือไปขายที่เมืองมหาวิทยาลัย
ราคาที่เมืองมหาวิทยาลัยค่อนข้างสูง แต่ถึงกระนั้นยังมีคนรีบมาหาซื้อกัน
อย่างเช่นลุงเกาที่พาลูกชายทั้งสองซึ่งกลับมาจากใจกลางเมืองมาด้วย พวกเขาอยู่ในวัย 30 และ 40 ปี ดูท่าทางเป็นคนอนาคตไกล
ทุกคนต่างแหวกทางให้เมื่อพวกเขามาถึง
พวกเขายังมีครอบครัวของลูกสะใภ้อีก จะซื้อสินค้ากลับไปได้มากเท่าไรกัน?
ก่อนหน้านี้ครอบครัวเขาได้มาซื้อเนื้อแกะไปเช่นกัน
จี้เจี้ยนอวิ๋นเชือดแกะจำนวนมากไปเมื่อวันที่ 10 ทั้งหมดล้วนเป็นเนื้อคุณภาพเยี่ยม ลุงเกาซื้อกลับไปจำนวนมากเช่นกัน ตอนนี้เขากลับมาซื้อเนื้อหมูอีก ชวนให้นึกขบขันไม่น้อย
“เห็นทีร้านของจี้เจี้ยนอวิ๋นคงขายทุกอย่างให้ครอบครัวลุงครบแล้วล่ะ ผู้อาวุโสเกา”
“ไม่ใช่เสียหน่อย ฉันแค่ซื้อแกะ 3 ตัวกลับไปเมื่อไม่นานมานี้ พวกมันชิ้นโตแล้วก็เนื้อแน่นมาก ตอนนี้ฉันเลยมาซื้อเนื้อหมูอีก”
“เงินบำนาญทุกเดือนคงได้ยกให้ร้านของจี้เจี้ยนอวิ๋นหมดแน่”
“ว่าไปแล้วก็คล้ายจะเป็นอย่างนั้นนะ ฉันมีเก็บออมเอาไว้บ้าง แต่ไม่นานมานี้กลับเอามาซื้อเนื้อแกะเสียหมดเลย”
“เนื้อแกะพวกนี้ ว่าไปแล้วเป็นอาหารบำรุงชั้นดีนี่!”
“ใช่แล้ว ยาดีเชียวล่ะ!”
คนเฒ่าคนแก่ในเมืองมหาวิทยาลัยต่างได้เงินบำนาญกัน พวกเขาเคยยากลำบากกันมามาก แต่ตอนนี้สุขสบายกันทั้งนั้น
และเพราะว่าแก่ตัวมากขึ้น พวกเขาจึงยิ่งใส่ใจเรื่องสุขภาพ อีกทั้งยังมีเงินทอง แน่นอนว่าต้องนำไปหาซื้ออาหารบำรุงแสนอร่อย
ไม่สิ เรียกว่าเงินส่วนใหญ่มักถูกนำมาจับจ่ายที่ร้านของจี้เจี้ยนอวิ๋นต่างหาก แต่ถึงกระนั้นที่ร้านของเขายังไม่มีผักขาย ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องไปหาซื้อผักที่อื่น ของทั้งหมดจะมีขายครบครันที่ร้านนี้
ตอนนี้ความเป็นอยู่ของผู้คนดีขึ้น หลายบ้านมีตู้เย็น หากซื้อและเก็บไว้ในตู้เย็น จะทำให้เก็บเอาไว้รับประทานได้นานขึ้น
ว่ากันตามตรงก็คือสินค้าที่ขายในร้านของจี้เจี้ยนอวิ๋นมีความพิเศษกว่าที่อื่น แม้จะไปซื้อกินจากเจ้าอื่น แต่ก็สัมผัสได้ว่าสินค้าที่ร้านของเขารสชาติดีกว่า
ไม่ว่าจะเป็นอะไร หรือหน้าตาแบบไหน สินค้าจากครอบครัวเขาก็ดีกว่าเจ้าอื่น!
แม้ดูผิวเผินจะแยกไม่ออก แต่เมื่อกินไปก็จะรับรู้ได้ อย่างตอนเมื่อหลายปีก่อนที่พวกเขาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจออกมาแข็งแรงดีทุกส่วน
ลูกค้า 8 ใน 10 คิดว่าเป็นเพราะพวกเขากินผลิตผลที่มาจากของร้านจี้เจี้ยนอวิ๋น
แม้ลูกค้าเดิมจะรู้ว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นเปิดร้านแห่งที่ 2 และคุณภาพของสินค้ายังคงเดิม แต่พวกเขายังเคยชินกับการซื้อของจากร้านนี้
งานยุ่งจนกระทั่งถึงช่วงสิ้นปี
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเริ่มหาซื้อของขวัญปีใหม่
ปีนี้ต้องซื้อของขวัญปีใหม่ค่อนข้างมาก ทั้งหมูสามชั้นหนัก 2 ชั่ง น้ำตาลทรายแดง 1 ชั่ง น้ำตาลทรายขาว 1 ชั่ง และไข่ไก่ 2 ชั่ง ส่วนที่เหลือคือของหวานและขนมขบเคี้ยว ซึ่งสามารถนำไปมอบให้บรรดาญาติ ๆ เป็นมารยาทได้
ตอนนี้ความเป็นอยู่ของทุกคนสุขสบายขึ้นมาก แม้จะดีขึ้น แต่ปัจจุบันสิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นของดีในปี 1988
พวกเขาได้รับทั้งหมดนี้มาเปล่า ไม่ถูกหักค่าแรงแต่อย่างใด
นอกจากนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นยังส่งของขวัญปีใหม่ไปให้คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน โดยนำไปให้พร้อมพ่อบุญธรรมของเขา