ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 331 ผิดหวังเหลือเกิน
ตอนที่ 331 ผิดหวังเหลือเกิน
คุณแม่จี้ต้องการให้จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับมาฉลองปีใหม่ด้วยจริง ๆ
ด้วยเหตุนี้ นางจึงมีปากเสียงกับคุณพ่อจี้
“คุณบอกให้หล่อนกลับมาในวันปีใหม่ แล้วคนในบ้านหลักล่ะจะทำยังไง? คุณยังอยากอยู่อย่างสงบสุขอยู่หรือเปล่า!” คุณพ่อจี้ตะคอก
“ทำไมคุณถึงงี่เง่าแบบนี้ หล่อนเป็นลูกสาวเรานะ เราไม่ได้เก็บหล่อนมาเลี้ยงสักหน่อย!” คุณแม่จี้ท้วงกลับ
“แล้วยังไงล่ะ? ผมบอกคุณแล้วว่าไม่ต้องการลูกสาวแบบนี้ คุณยังกล้าแอบไปพบหล่อนโดยที่ไม่บอกพวกเราอีกเหรอ? คุณเสียสติไปแล้วหรือยังไง? นึกถึงเมื่อปีก่อนสิ คุณโกรธหล่อนจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลเลยนะ!” คุณพ่อจี้ขึ้นเสียง
“เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว อวิ๋นอวิ๋นสำนึกผิดแล้ว จะให้โอกาสหล่อนสักครั้งไม่ได้เลยเหรอ?” คุณแม่จี้เอ่ย
“หล่อนทำให้ตระกูลจี้อับอายขายหน้า คุณยังอยากจะให้ผมให้โอกาสหล่อนอีกเหรอ ตั้งแต่เล็กจนโต หล่อนเป็นคนแรกที่ได้แต่ของดี ๆ ผมถึงกับถามตัวเองอยู่ตลอดว่าตระกูลจี้เลี้ยงหล่อนมาไม่ดีตรงไหน ทำไมหล่อนต้องตอบแทนตระกูลจี้แบบนี้? เป็นแบบนี้แล้วคุณยังอยากจะให้หล่อนกลับมาอีกเนี่ยนะ!” คุณพ่อจี้โพล่งอย่างเกรี้ยวกราด
คุณแม่จี้รู้ว่าสามีใจแข็งชนิดที่ไม่ยอมให้ลูกสาวกลับมาแน่
ดังนั้นในวันที่ 28 คุณแม่จี้จึงแกล้งป่วย
นางคิดว่าครั้งนี้ลูกสะใภ้คงจะขึ้นมาเยี่ยม โดยเฉพาะสะใภ้สาม
เธอเป็นคนที่กตัญญูมาตลอด
ขอเพียงสะใภ้สามมาหา นางสามารถบอกเธอให้ไปโน้มน้าวจี้เจี้ยนอวิ๋น เพื่อให้เขาไปเกลี้ยกล่อมพ่อให้ยอมให้อวิ๋นอวิ๋นกลับมา
หากแต่นางต้องแปลกใจ เมื่อเห็นเฝิงฟางฟาง จี้มู่ตาน และอวิ๋นลี่ลี่ซึ่งมาจากเมืองเจียงสุ่ย พวกหล่อนทั้งหมดต่างถ่อมาเยี่ยมนางถึงที่นี่ มีเพียงซูตานหงเท่านั้นที่คร้านจะขึ้นมาหา
แต่เธอยังสั่งให้เหรินเหรินนำน้ำแกงขึ้นมาให้เป็นการแสดงน้ำใจ ไม่มีสิ่งใดนอกเหนือจากนั้นอีก
เนื่องจากซูตานหงเองก็ ‘ป่วย’ เช่นกัน
แม่สามีเธอคิดอะไรอยู่ ซูตานหงไม่อาจรู้แน่ชัดได้ แต่เธอจะทำให้จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่สบายใจตามที่นางต้องการได้อย่างไร?
จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ต้องการให้จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับมา และซูตานหงเองก็ไม่ต้องการเห็นหล่อนเช่นกัน
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องอธิบายในเรื่องนี้
ทั้งอวิ๋นลี่ลี่ เฝิงฟางฟาง และจี้มู่ตานรู้สึกขายหน้าเล็กน้อยที่ไม่เห็นซูตานหงขึ้นมาเยี่ยม
เป็นอีกครั้งที่พวกหล่อนได้เห็นนิสัยใจคอของซูตานหง
เธอคงไม่ต้องการให้คุณแม่จี้แกล้งป่วย อย่างน้อยนางก็ไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างบีบบังคับเธอได้
อันที่จริงนอกจากซูตานหงแล้ว อวิ๋นลี่ลี่กับจี้อวิ๋นอวิ๋นก็เคยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาก่อน ตอนนี้เฝิงฟางฟางยังไปพึ่งพาจี้อวิ๋นอวิ๋น และเปิดร้านด้วยกัน ดูเหมือนพวกหล่อนจะมีรายได้ดีไม่น้อย เป็นธรรมดาที่จะมีคนคิดไปพึ่งพา
จี้มู่ตานเองต้องการไปพึ่งพาหล่อนเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ ทุกอย่างจึงกลับตาลปัตร
ปีก่อนซูตานหงให้ของกับพวกหล่อนมากมาย พอมาปีนี้กลับไม่มีแม้แต่อย่างเดียว แม้แต่พุทราสักถุงก็คงหมดหวังที่จะได้จากเธอ
“ปีนี้ทุกครอบครัวมารวมตัวกัน เลยต้องไปซื้อของติดไม้ติดมือมาบ้างน่ะค่ะ” ซูตานหงเอ่ยเมื่อพวกหล่อนมาพร้อมหน้าในวันนั้น
เมื่อปีก่อนเธอให้เนื้อหมูจำนวนมาก ทั้งครอบครัวจึงไม่จำเป็นต้องซื้อ
ใช่แล้ว เธอเพิ่งจะแสดงท่าทางไม่พอใจออกไป เธอไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำให้เธอหัวเสีย ในทางกลับกันก็เป็นเธอที่ทำให้พวกหล่อนไม่พอใจ
“เธอเชือดหมูไปตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ?” เฝิงฟางฟางโพล่งขึ้น
“ใช่ค่ะ มีหมูมากก็จริง แต่ฉันให้เจี้ยนอวิ๋นขายออกไปหมดแล้ว พี่สะใภ้เคยชินกับการกินเนื้อหมูที่ได้มาเปล่าแล้วเหรอคะ?” ซูตานหงพูดทั้งรอยยิ้ม
เฝิงฟางฟางถึงกับหน้าเสีย หล่อนรู้ว่าซูตานหงไม่พอใจตน ด้วยเรื่องที่หล่อนไปเข้าพวกกับจี้อวิ๋นอวิ๋น
หากแต่ใครจะไม่เป็นเช่นนั้นบ้าง? กิจการของพวกหล่อนกำลังเป็นไปได้สวยทั้งที!
“จำสิ่งที่เธอพูดเอาไว้ให้ดีเลยนะ ตานหง ถ้าฉันจะซื้อเองฉันก็ซื้อได้” เฝิงฟางฟางเอ่ย
“ค่ะ” ซูตานหงตอบเสียงเรียบ และไม่ได้ใส่ใจหล่อนอีก
เธอหันไปบอกกับอวิ๋นลี่ลี่เรื่องร้านค้าที่เมืองเจียงสุ่ย “ช่วงนี้ทางนั้นดูจะมีปัญหาเรื่องบัญชีนะ ลี่ลี่ หลังปีใหม่พี่จะไปคุยกับพี่ใหญ่ของเธอ ก่อนหน้านี้เห็นแก่หน้าเธอหรอกนะที่เธอขอให้พี่ใหญ่เป็นคนไปดูแลร้านทางนั้น ถ้าพี่เห็นว่าบัญชีมีปัญหานัก พี่ก็จะเปลี่ยนคนใหม่ แล้วจะให้เงินค่าจ้างเยอะด้วย มีอีกหลายคนที่ต้องการงานนี้”
นี่ไม่ต่างกับการตบหน้าอวิ๋นลี่ลี่
ใช่ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอวิ๋นลี่ลี่เคยดีต่อกันมาก่อน และดูท่าจะเป็นไปราบรื่น หากแต่จะมีมิตรแท้ในหมู่สตรีได้อย่างไรกัน?
ซูตานหงที่เป็นคนเปิดเผย เธอย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา
“เรื่องที่พี่สะใภ้สามบอก ฉันจะไปคุยให้ทีหลังค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่หน้าเจื่อนลงเล็กน้อย แต่ตอนนี้หล่อนได้รู้ถึงนิสัยเด็ดเดี่ยวของพี่สะใภ้สามคนนี้แล้ว ถ้าไว้หน้ากับเธอ เธอก็จะไว้หน้ากลับ ถ้าไม่ไว้หน้าเธอ เธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องไว้หน้าใคร
“เอาล่ะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย เธอกลับไปเถอะ” ซูตานหงว่าอย่างเฉยชา
เฝิงฟางฟางออกอาการหัวเสียเมื่อเดินจากมา “ทำตัวงี่เง่าอะไรขนาดนี้ แล้วพวกเรายังต้องทนหล่อนอีก!”
อวิ๋นลี่ลี่ทำเพียงนิ่งเงียบ
จี้มู่ตานซึ่งไม่ใช่เป้าหมายของซูตานหงเอ่ยขึ้น “ไม่หรอก หล่อนเคยใจกว้าง แต่ตอนนี้เป็นเพราะหล่อนมีเงินและสุขสบายกว่าเดิมหรือเปล่า?”
เพื่อนตัวน้อยของฉีฉีบังเอิญมาได้ยินเข้า จึงคาบข่าวไปบอกฉีฉี
จี้เจี้ยนอวิ๋นอยู่แถวนั้นด้วยเช่นกัน สีหน้าเขาฉายแววไม่พอใจทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ช่วงที่เขายังเป็นทหารอยู่ ภรรยาของเขาคงรู้เท่าทัน จึงไม่ถูกกับเหล่าพี่น้องสะใภ้พวกนี้
พวกหล่อนล้วนเป็นหมาป่าตาขาว ไม่ว่าจะให้ความช่วยเหลือมากเพียงใด หากพวกหล่อนนึกไม่พอใจขึ้นมา ก็ไม่อาจเปลี่ยนสันดานเดิมไปได้!
แต่คนที่ทำให้เขาผิดหวังที่สุดก็ไม่พ้นแม่ของเขา
เพราะระหว่างที่รับประทานมื้อเย็นในวันส่งท้ายปีเก่า แม่ของเขาคุยกับสะใภ้คนอื่น ๆ แต่กลับไม่ปริปากพูดกับภรรยาเขาสักคำ!
จี้เจี้ยนอวิ๋นทำเพียงเหลือบมองแม่ เธอเป็นลูกสะใภ้ที่กตัญญู จะเทียบกับลูกสาวไม่ได้เชียวหรือ?!
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเด็ก ๆ รู้สึกได้มากที่สุด
จี้เสี่ยวตงผู้เป็นพี่คนโตโพล่งออกมาทันที “ย่าครับ ย่าลืมถามถึงอาสะใภ้สามไปนะครับ!”
“ใช่ค่ะ ย่าไม่ได้พูดถึงอาสะใภ้สามเลย!” เยียนเอ๋อร์ว่าขึ้นเช่นกัน
แม้แต่สองพี่น้องเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้ยังจ้องผู้เป็นย่าเขม็ง
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ อาสะใภ้สบายดี ขอบคุณที่เสี่ยวตงเป็นห่วงนะจ๊ะ ปีนี้อาได้ยินมาว่าสอบได้ถึง 98 คะแนนเลยเหรอ?” ซูตานหงถามพร้อมส่งยิ้ม
“ครับ ได้น้อยกว่าน้องชายนิดเดียว เขาสอบได้คะแนนเต็มตั้ง 2 วิชาแหนะ!” จี้เสี่ยวตงขานรับ
เขากำลังพูดถึงเหรินเหริน
“เก่งกันทั้งคู่เลยจ้ะ” ซูตานหงบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนหันไปถามเยียนเอ๋อร์ “แล้วปีนี้เยียนเอ๋อร์สอบได้คะแนนเท่าไหร่จ๊ะ?”
“คุณนายสาม หนูสอบได้ 95 คะแนนค่ะ ได้ที่ 2 ของห้องเลย” เยียนเอ๋อร์ตอบ
หลังมื้อเย็นซูตานหงจึงเอาแต่คุยกับหลาน ๆ ส่วนกับพวกผู้ใหญ่ เธอไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด
เมื่อกินข้าวเสร็จ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงบอก “คุณยังไม่หายดี กลับกันก่อนเถอะครับ”
“ค่ะ” ซูตานหงพยักหน้ารับ
การรวมตัวกันพูดคุยตามธรรมเนียมจึงไม่เกิดขึ้น
ด้วยคนสำคัญกลับไปแล้ว ย่อมไม่มีเรื่องให้พุดคุยกันอีก
เหล่าจางมาร่วมรับประทานมื้อเย็นด้วยเช่นกัน เขาพอจะรู้เรื่องล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นในบ้านตระกูลจี้มาบ้าง จึงไม่อยู่ต่อนานนัก และกลับไปพร้อมกับจี้เจี้ยนอวิ๋นและเหรินเหริน
ทันทีที่ครอบครัวของจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับไป สีหน้าของคุณพ่อจี้ก็ไม่อาจดำคล้ำไปได้มากกว่านี้แล้ว
“ตานหงกตัญญูต่อคุณมาตั้งมาก แต่คุณกลับทำแบบนี้เพราะนังหมาป่าตาขาวนั่นเหรอ?” คุณพ่อจี้มองหน้าภรรยาและเอ่ยด้วยความผิดหวัง