ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 332 เสียใจเหลือเกิน
ตอนที่ 332 เสียใจเหลือเกิน
“ฉันทำอะไรผิดเหรอคะ?” คุณแม่จี้รู้สึกว่าสะใภ้สามไม่ยอมเชื่อฟังนาง นางเองก็ไม่ชินกับเรื่องนี้ เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงนึกไม่พอใจขึ้นมาเช่นกัน
เรื่องนี้เป็นความผิดของสะใภ้สาม นางเพียงต้องการให้เธอช่วยพูดโน้มน้าวเล็กน้อยเท่านั้น แต่เธอกลับแกล้งป่วยเพียงเพราะไม่อยากพบนางไม่ใช่หรือ?
เธอบอกว่าตนกตัญญูมาตลอด เหตุใดเธอจึงไม่ยอมเชื่อฟังยามที่นางต้องการความช่วยเหลือกันล่ะ?
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” คุณพ่อจี้ลุกขึ้นหลังว่าจบ หยิบไฟฉายและเดินขึ้นสวนไปเพียงลำพัง
ทิ้งคนอื่น ๆ ซึ่งได้แต่มองหน้ากันไว้เบื้องหลัง
จี้เจี้ยนเยี่ยพาจี้มู่ตานกลับบ้านทันที พร้อมทั้งสองพี่น้องเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้
จี้เจี้ยนกั๋วไม่รั้งอยู่นานนัก เขาพาเฝิงฟางฟางและจี้เสี่ยวตงกลับเช่นกัน
เหลือเพียงคุณแม่จี้ อวิ๋นลี่ลี่ และครอบครัวของจี้เจี้ยนเหวิน
“ไหนพวกแกบอกมาซิ ฉันทำอะไรผิด ฉันก็แค่อยากให้อวิ๋นอวิ๋นกลับมา ฉันทำผิดตรงไหน ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าย่อมดีที่สุดอยู่แล้ว!” คุณแม่จี้บอก
“คุณแม่คะ อย่าคิดมากอีกเลยค่ะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พักผ่อนก่อนเถอะค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่ทำได้เพียงบอกเช่นนั้น
เมื่อนางเข้านอนไปแล้ว จี้เจี้ยนเหวินจึงเอ็ดขึ้น “ผมบอกแล้วว่าอย่าให้จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับมา ดูตอนนี้สิ ทั้งครอบครัวต้องเดือดร้อนเพราะหล่อนตั้งแต่ต้นปี!”
“ครั้งนี้พี่สะใภ้สามทำผิดจริงนี่คะ คุณแม่แค่อยากให้หล่อนช่วย…”
“แล้วมันใช่กงการอะไรของพี่สะใภ้สามเหรอ? อยากให้จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับมา แต่ดันไปหาพี่สะใภ้สามแทน หล่อนมีความสามารถในการโน้มน้าวคนอื่น ก็เลยคิดจะให้พ่อคล้อยตามคำพูดพี่สะใภ้สาม แม่คิดจะให้พี่สะใภ้สามช่วยออกหน้าให้ การที่หล่อนไม่ยอมช่วยแล้วมันผิดตรงไหนกันล่ะ?” จี้เจี้ยนเหวินบอก
พูดเช่นนี้ อวิ๋นลี่ลี่ถึงกับเถียงไม่ออก
“แม่ทำแบบนี้ พี่สามคงผิดหวังไม่น้อย!” จี้เจี้ยนเหวินว่าสำทับ
หลายปีที่ผ่านมา พี่สามไม่เคยมีท่าทางผิดหวังแบบนี้มาก่อน สายตาของเขาที่ทอดมองมาหาผู้เป็นแม่ในตอนนี้ยังติดตาจี้เจี้ยนเหวินไม่หาย!
ในตอนที่พี่สามยังเล็ก เขาก็เป็นคนเสียสละที่สุดของบ้าน เพื่อประหยัดอาหารสำหรับครอบครัว เขายอมออกไปเป็นทหาร และยังส่งเงินเบี้ยเลี้ยงกลับมาให้ทุกเดือน
คงไม่ใช่การกล่าวเกินจริง หากจะบอกว่าเขาเรียนรู้มาจากพี่สาม เขาจึงได้จดจำทุกความดีงามเหล่านี้ได้ขึ้นใจ!
เมื่อพี่สามแต่งงานและเริ่มทำกิจการ เขาก็ยังคอยจุนเจือเงินทองให้บ้าง ภายหลังจากที่ปลดประจำการมา ก็ย่อมเป็นเขาที่คอยดูแลพ่อแม่
และเป็นเพราะเขากลับมาอยู่ที่บ้านเกิด พี่สะใภ้สามจึงไม่ได้ทำตัวไร้สำนึกเท่าแต่ก่อน แถมเธอยังกตัญญูมากนัก ไม่แม้แต่จะโวยวายอะไรด้วยซ้ำ
เพียงเพราะว่าเธอไม่ยอมช่วยในเรื่องนี้เท่านั้นน่ะหรือ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
ไม่แปลกที่พี่สามจะผิดหวังเพียงนี้ หากเปลี่ยนเป็นตัวเขาเอง ก็คงจะผิดหวังเช่นกัน!
จี้เจี้ยนอวิ๋นผิดหวังเหลือเกิน ขณะที่รู้สึกผิดหวังนั้น เขายังรู้สึกผิดกับภรรยาด้วย
เมื่อกลับถึงบ้าน เขาปล่อยให้ลูก ๆ เล่นกันเอง คืนนี้เหล่าจางอยู่นอนค้างเป็นเพื่อนเด็ก ๆ ไม่ได้ขึ้นไปที่สวน
จี้เจี้ยนอวิ๋นล้างเท้าให้ภรรยาเหมือนเช่นเคย
ซูตานหงก็ปล่อยให้เขาทำเช่นนั้น
เธอรู้ดีว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ว่ากันตามตรง เธอไม่ได้คิดมากเรื่องที่คุณแม่จี้เมินเฉยใส่นัก อย่าว่าแต่นำมาใส่ใจเลย
เรียกได้ว่าตั้งแต่ที่เธอได้ยินจากป้าหยางว่าคุณแม่จี้กับจี้อวิ๋นอวิ๋นแอบไปพบกัน เธอก็คาดเดาได้แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์อย่างเช่นในวันนี้
สุดท้ายแล้วเธอเป็นเพียงลูกสะใภ้ ไม่ใช่ลูกในไส้ของนาง จึงต่างกันมากอยู่แล้ว
เธอจะไปเรียกร้องอะไรได้กัน?
จี้เจี้ยนอวิ๋นล้างเท้าให้ภรรยา รวมถึงตัวเขาเอง ก่อนขึ้นเตียงและนอนกอดภรรยาหลับไป
เขาได้แต่บอกภรรยาว่าเขาขอโทษ
หลังจากนั้นเขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก หากแต่ในคืนนั้น เขาพลันตระหนักได้ว่าครอบครัวของเขามีเพียงภรรยาและเหล่าลูกชาย
นี่เป็นครอบครัวที่แท้จริงของเขา ครอบครัวที่ไม่อาจแทนที่ได้และขาดไปเสียไม่ได้
คนอื่น ๆ รวมถึงแม่เขานั้นไม่อาจนับได้
นอกจากเรื่องของคุณแม่จี้ ปีนี้ก็ผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น
ในวันแรกของปีใหม่ คุณพ่อจี้ก็ลงมากินข้าวที่นี่ ซึ่งนับเป็นการแสดงออกชัดเจน ซูตานหงจึงเตรียมอาหารมากมายไว้พร้อมสรรพ
หากมาก็พร้อมต้อนรับ ไม่มาก็ไม่เป็นไร
ตอนนี้ซูตานหงไม่คิดมากอีกแล้ว เธอหวังเพียงใช้ชีวิตครอบครัวอย่างสงบสุข และมีความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้าน
เธอไม่คิดสนใจสิ่งอื่น และจี้เจี้ยนอวิ๋นก็เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีมาก
แขกมากมายแวะเวียนมาเยี่ยม ชวนให้บรรยากาศมีชีวิตชีวา
เหรินเหริน ฉีฉี และเสียงเสียงไม่ใช่เด็กเล็กอีกแล้ว พวกเขาต่างมีมารยาทงดงามมาก
เธอไปที่บ้านคุณแม่ซูในวันถัดมา และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
แต่คุณแม่ซูเป็นคนอย่างไร? นางย่อมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว
นางรีบดึงตัวลูกสาวมาคุยเป็นการส่วนตัว
“ไม่ต้องคิดมากเรื่องทางนั้นหรอกนะคะ สนใจแค่เรื่องที่จำเป็นก็พอค่ะ ไม่ต้องไปใส่ใจเรื่องอื่น” ซูตานหงว่าอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน
“ฉันคิดว่าตัวฉันเองรับมือกับแม่สามีของแกได้ดีแล้วนะ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนแบบนี้!” คุณแม่ซูย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา ลูกสาวนางถูกรังแก และอีกฝ่ายก็ไร้เหตุผล แน่นอนว่านางต้องออกโรงปกป้อง!
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกสาวนางแต่อย่างใด เป็นคุณแม่จี้ที่ต้องการให้ลูกสาวกลับมาในวันปีใหม่ คุณแม่จี้เป็นคนรนหาที่เอง เป็นความผิดของคุณแม่จี้ที่ลากซูตานหงมายุ่งกับเรื่องนี้!
แต่เมื่อเห็นท่าทางของลูกเขยอย่างจี้เจี้ยนอวิ๋นแล้ว คุณแม่ซูจึงไม่ได้พูดต่อว่าออกไป แม้เห็นได้ชัดว่านางไม่พอใจคุณแม่จี้
หลังวันปีใหม่ คุณแม่ซูก็ได้แวะมาเยี่ยม แต่กลับมีท่าทางต่อคุณแม่จี้เหมือนกับคนรู้จักโดยทั่วไป
นางเคยสนิทสนมใกล้ชิดกับคุณแม่จี้ ทั้งหมดนี้เพียงเพราะคุณแม่จี้ปฏิบัติกับลูกสาวนางเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ใส่ใจคุณแม่จี้แม้แต่น้อย
ฝ่ายคุณแม่จี้พลันเปลี่ยนสีหน้า นางไม่นึกสนใจคุณแม่ซูเช่นกัน
ความสัมพันธ์อันดีเมื่อครั้งเก่าก่อนได้เปลี่ยนไปเสียแล้ว
แต่สิ่งที่สะเทือนใจที่สุดสำหรับคุณแม่จี้คือการกระทำของจี้เจี้ยนอวิ๋น ปีนี้เขาบอกว่าไม่ต้องการให้นางเข้ามาดูแลสวนสตรอเบอรี่และแตงโมแล้ว
หมายความว่าอย่างไรกัน?
คุณแม่จี้จะดูไม่ออกได้อย่างไร หมายความว่านางจะไม่ได้เงินแล้วน่ะสิ
ด้วยเหตุนี้ คุณแม่จี้จึงเอาแต่อยู่บ้านมาตลอดหลายวัน ไม่แม้แต่จะลุกขึ้นมาทำอาหาร
แม้นางจะไม่ได้ทำอาหาร แต่ยังมีคนคอยทำให้ เป็นเหล่าจางที่รับหน้าที่นี้
เหล่าจางเห็นว่านอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครทำอาหาร จึงลงมือทำ แต่ปรากฏว่าอาหารฝีมือเขามีรสชาติไม่น้อยหน้าคุณแม่จี้เลย จึงไม่มีใครถามถึงความเป็นไปของคุณแม่จี้ รวมถึงซูตานหงด้วย
คุณแม่จี้ลงจากสวนในวันนั้น นางเรียกรถเพื่อเดินทางเข้าเมืองทันที
ใช่แล้ว นางมาเพื่อระบายกับลูกสาว บอกว่าตอนนี้นางไม่มีความสุขเพียงไหน แม้แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นยังไม่เชื่อฟังนาง ทั้งยังเมินเฉยใส่
“แม่ง่วนกับงานสวนอยู่ทุกวี่วัน พี่สามใจร้ายกับแม่ได้ยังไงกัน?” จี้อวิ๋นอวิ๋นไม่พอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ฉันเองก็คิดไม่ถึงมาก่อน แล้วยังบอกว่าเป็นความผิดของแก ตอนนี้ดูเหมือนที่แกพูดจะถูกแล้ว ซูตานหงไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาเลย” คุณแม่จี้เอ่ยพร้อมน้ำตาคลอ
นางรู้สึกเสียใจเหลือเกิน และไม่อาจอดกลั้นได้อีกเมื่อได้พบหน้าลูกสาว นางจึงปลดปล่อยทุกความโศกเศร้าออกมา