ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 349 เกิดปัญหา
ตอนที่ 349 เกิดปัญหา
แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแต่ครอบครัวของจี้เจี้ยนชวนที่มีความเป็นอยู่ดีขึ้น หลายครอบครัวในหมู่บ้านต่างก็อยู่อย่างสุขสบายขึ้นเช่นกัน
เด็กบางคนออกไปทำงานตั้งแต่ยังอายุน้อย และส่งเงินกลับมาให้ทางบ้าน คนที่เข้าไปทำงานที่โรงงานต่างมีรายได้ดีกันมาก
ปีใหม่นี้ไม่ต่างกับปีก่อน คนงานในสังกัดจี้เจี้ยนอวิ๋นแวะเวียนกันมาทักทายในวันปีใหม่ ทำให้บรรยากาศไม่เงียบเหงา
ซูตานหงเตรียมขนมและของว่างไว้หลากหลาย รวมถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดเอาไว้ดื่มกินช่วงปีใหม่
ช่วงปีใหม่อย่างนี้ย่อมเป็นธรรมเนียมที่ต้องกลับไปบ้านเกิดเช่นกัน
บ้านของคุณแม่ซูในตอนนี้ต่างจากเดิม ชาวบ้านน้อยคนนักที่จะมีบ้านแบบนี้
หลังจากปีใหม่ เสียงเสียงก็เริ่มนึกอิจฉาขึ้นมาอีกครั้ง
เหรินเหรินกับฉีฉีไม่ได้สนใจมากนัก แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีบ้านใหม่ แต่ยังมีทุกอย่างที่ควรจะมี ไม่ขัดสนอาหารหรือน้ำดื่ม จึงไม่มีสิ่งใดต้องอิจฉา
ลูกพี่ลูกน้องของพวกเขาไม่มีเสื้อผ้าใหม่ใส่ช่วงปีใหม่ เพราะหมดเงินไปกับการสร้างบ้าน ถึงได้ไม่มีเงินเหลือไปซื้อเสื้อผ้า
“แม่สามีแกไม่กลับมาในปีใหม่นี้จริงเหรอ?” เมื่อมาเยี่ยมวันปีใหม่ คุณแม่ซูก็ดึงตัวลูกสาวมาถามเป็นการส่วนตัว
“ดูเหมือนจะไม่ได้กลับมาค่ะ อยู่ข้างนอกท่านน่าจะมีความสุขดี” ซูตานหงบอก
ไม่ใช่เพราะเธอไม่สำนึกว่าตนเป็นลูกสะใภ้ เพียงแต่เธอไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย เธอคิดว่าตนกตัญญูกับแม่สามีมากแล้ว มีสติรู้ตัวดีทุกอย่าง และเธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
หากแต่ในช่วงวิกฤตแบบนี้ที่ตัวนางเองมีเรื่องบาดหมางกับลูกสาว นางก็ยังเข้าข้างลูกสาวที่ทำให้นางเจ็บปวดโดยไม่คิดลังเล
ไม่ว่าเธอจะกตัญญูเพียงไหน เธอก็เป็นเพียงสะใภ้ที่แต่งเข้ามา ไม่ใช่ลูกในไส้ของนาง
เธอเข้าใจหัวอกแม่สามีดี แต่เธอยังไม่อาจให้อภัยได้แม้จะเข้าใจก็ตาม
ความกตัญญูของเธอไม่ได้น้อยหน้าใคร มันย่อมไม่ควรถูกดูถูกเหยียดหยาม
“เดี๋ยวต่อไปหล่อนก็ต้องกลับมาแน่ ลูกสาวของหล่อนไม่นานก็ออกลาย ดูแลหล่อนได้ไม่นานหรอก” คุณแม่ซูบอกด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ไม่ต้องกังวลเรื่องทางนั้นหรอกค่ะ ถ้าคุณแม่จะกลับมาหรือไม่ก็แล้วแต่ ยังไงก็ไม่ได้ขาดแคลนอาหารการกินอยู่แล้ว” ซูตานหงบอก
เธอคิดใคร่ครวญดีแล้ว หากนางกลับมาจริง และนึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เธอก็คงจะเห็นแก่หน้าพระพุทธรูปต่อให้ไม่เห็นแก่หน้าพระสงฆ์ การที่เธอซ้ำเติมคุณแม่จี้ คงมีแต่จะทำให้จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่สบายใจ
ดังนั้นการทำเช่นนี้จึงไม่ใช่เพื่อคุณแม่จี้ แต่เป็นเพราะเธอใส่ใจต่อความรู้สึกของจี้เจี้ยนอวิ๋น
แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติกับคุณแม่จี้เหมือนเมื่อก่อน
ทว่าเร็ว ๆ นี้ คุณแม่จี้คงจะไม่กลับมาอย่างแน่นอน ตอนนี้กิจการของจี้อวิ๋นอวิ๋นกำลังอยู่ในระยะเริ่มต้น ดูท่าจะไปได้ดีเสียด้วย
เธอเพียงนึกไม่ถึงว่าหลังพ้นจากปีใหม่ไม่ทันจะถึงเทศกาลโคมไฟ จี้เจี้ยนเหวินก็โทรศัพท์มาหา
ซูตานหงไม่รู้แน่ชัดนัก เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาถึง เขาก็มีสีหน้าไม่สู้ดี เธอจึงถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“เกิดปัญหากับโรงงานเสื้อผ้าของจี้อวิ๋นอวิ๋นน่ะสิ ตอนนี้เจ๊งหมดแล้ว!” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกทั้งสีหน้าดำคล้ำ
“หล่อนไปเปิดโรงงานตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? หล่อนไม่ได้แค่ขายเสื้อผ้าหรอกเหรอ?” ซูตานหงถามอย่างแปลกใจ
“เปิดตั้งแต่สิ้นปีที่แล้วครับ หล่อนแอบทำเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดเรื่องนี้” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
“เสื้อผ้ามีปัญหาอะไรเหรอคะ?” ซูตานหงถาม
“สีซีด เลยต้องระงับการผลิต” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ
ซูตานหงมุ่นคิ้ว “น้องสี่โทรมาใช่ไหมคะ?”
“เขาบอกว่าอยากพาแม่กลับมาก่อนน่ะครับ คงจะกลับมายืมเงินแน่ ครั้งนี้สูญเงินไปมาก” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
“ใครยืมคะ?” ซูตานหงถามทันที
เธอย่อมต้องถามเรื่องนี้ ใครต้องการยืมก็ต้องมาพูดด้วยตนเอง เงินของครอบครัวเธอไม่ได้ลอยมาได้เองเสียหน่อย!
“ผมไม่รู้ว่าเขาจะมายืมไหมหรอกนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย “ถ้าเขามายืม ก็บอกไปเลยนะครับว่าผมจะคิดดอกเบี้ยด้วย”
ซูตานหงไม่ได้ออกความเห็นมากนัก
“ตานหง พรุ่งนี้แม่จะกลับมานะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
แม้เขาจะผิดหวังในตัวแม่ของตน แต่อย่างไรนางก็ยังเป็นแม่ ความสัมพันธ์นี้ไม่อาจตัดขาดได้ชั่วชีวิต
“จี้อวิ๋นอวิ๋นหาเลี้ยงคุณแม่ไม่ได้อีกแล้วเหรอคะ?” ซูตานหงว่าเสียงเรียบ
จี้เจี้ยนอวิ๋นนิ่งเงียบ
“ถ้าคุณแม่จะกลับมาก็ตามใจเถอะค่ะ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป ขอแค่ไม่สร้างเรื่องอีกเป็นพอ” ซูตานหงกล่าว
เธอนึกไม่ถึงว่าจะเร็วถึงเพียงนี้ แม่ของเธอเพิ่งพูดเรื่องนี้ไปเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา จากนั้นแม่สามีของเธอก็กลับมาจริง ๆ
“จะไม่ทำให้คุณไม่สบายใจแน่ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นรีบบอก
ซูตานหงเหลือบมองเขา “ฉันแค่เป็นห่วงคุณต่างหากค่ะ!” เธอนึกไว้เสมอว่าหากไม่ได้เห็นแก่เขา เธอกับคุณแม่จี้อย่างมากคงเป็นได้เพียงคนแปลกหน้ากัน
“ผมรู้ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพลันรับคำ
“ช่างเถอะค่ะ อย่าคิดมากในเรื่องนี้เลยนะคะ” ซูตานหงแตะแขนเขาอย่างไม่ถือสา ก่อนเดินเข้าครัวไป
เธอยังทำเกี๊ยวไม่ทันเสร็จดี พี่ชายใหญ่ของเธอก็ลงมาจากสวนตามที่บอกให้มาเอาอาหารขึ้นไปให้แม่เธอ ซึ่งแม่ของเธอก็เห็นใจ ไม่คิดหัวเสียที่เธอชักช้าแต่อย่างใด!
“ทำไมถึงเยอะขนาดนี้ล่ะ?” เมื่อซูจิ้นจวินลงมาจากสวน เหรินเหรินก็ส่งตะกร้าที่เต็มไปด้วยเกี๊ยวให้เขา มันมีจำนวนเพียงพอสำหรับทุกคน
“แม่ใส่มาให้ครับ คุณลุงเอาขึ้นไปนะครับ” เหรินเหรินบอก
“อ๋อ ได้สิ” ซูจิ้นจวินไม่ปฏิเสธน้ำใจเขาเช่นกัน
คุณแม่ซูเห็นว่าลูกคนโตกลับมาพร้อมเกี๊ยวมากมาย ก็เกิดไม่แน่ใจนักและถามกับลูกชาย เมื่อเขาไม่รู้เหตุผล นางจึงไม่ได้สนใจอะไรอีก
อย่างไรก็ตามมีเรื่องน่าแปลกใจเกิดขึ้นในวันถัดมา ว่าครั้งนี้คุณแม่จี้ไม่ได้กลับมาแล้ว ซึ่งลูกสาวของนางว่าไว้อย่างนั้น
“ฉันว่าแล้วว่าคนอย่างนั้นคงเปลี่ยนสันดานไม่ได้หรอก! ครั้งนี้คงต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ๆ การทำธุรกิจมันง่ายเสียที่ไหนล่ะ!” คุณแม่ซูว่าเย้ย
ซูตานหงไม่ได้ใส่ใจที่จะรับรู้เรื่องนี้นัก และบอก “เดี๋ยวฉันก็จะกลับแล้ว แม่ไม่ต้องไปพูดอะไรมากนะคะ”
“ในเมื่อหล่อนเป็นอย่างนั้นก็อดพูดไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันจริงจังนะ หล่อนสูญเงินไปมากขนาดนั้น ฉันเกรงว่าคราวนี้ต้องกลับมายืมเงินแน่!” คุณแม่ซูว่าขึ้น
ถึงอย่างไรขิงแก่ย่อมเผ็ดร้อนกว่าขิงอ่อน* ถึงรู้ทันเรื่องที่คิดมาหยิบยืมเงิน
*ขิงแก่ย่อมเผ็ดร้อนกว่าขิงอ่อน = มีประสบการณ์มากกว่า
“ก็ไม่รู้สินะคะ” ซูตานหงเอ่ย
“ครั้งนี้อย่าไปเห็นแก่ที่เป็นแม่สามีนะ ไม่ว่าใครจะมายืมเงินก็แค่บอกไปว่าไม่มีซะ” คุณแม่ซูบอก
“มันจะทำให้เจี้ยนอวิ๋นไม่สบายใจเอานะคะ” ซูตานหงท้วง
“เจี้ยนอวิ๋นจะพูดอะไรได้ แกรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรตามมา? ระหว่างพี่น้องบางทีมันก็พูดยาก แกนั่นแหละที่ต้องเป็นคนพูด!” คุณแม่ซูจ้องเขม็ง
“งั้นฉันจะยืนกรานไปแบบนั้นแล้วกันค่ะ” ซูตานหงส่งยิ้ม
แม้จี้เจี้ยนอวิ๋นจะเก็บเงินส่วนตัวเอาไว้ แต่มันยังมีอยู่เหลือเฟือ และเธอไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามในส่วนนี้ แต่เธอรู้โดยประมาณว่ามีอยู่มากเท่าไร รู้ว่าเขานำออกมาใช้เมื่อไร เธอรู้ทั้งนั้น
เจี้ยนอวิ๋นของครอบครัวเธอไม่ได้ปิดบังเธอในเรื่องนี้ เขารู้นิสัยเธอดี สิ่งที่ควรเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างสามีภรรยาพึงเก็บเป็นความลับ สิ่งใดควรเปิดเผยต่อกันย่อมต้องทำตามนั้น ไม่อย่างนั้นหากเธอมารู้เรื่องด้วยตนเอง เธอก็คงจะยอมให้อภัยได้เพียงครั้งเดียว ทว่าต่อไปอาจคิดระแวงไม่เลิก!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เห็นเค้าลางความหายนะมาแต่ไกล นังอวิ๋นๆ เจ๊งไปเท่าไหร่เนี่ย เดาว่าคงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ไม่อย่างนั้นพี่สี่คงไม่มาขอความช่วยเหลือจากบ้านตานหงหรอก
ไหหม่า(海馬)