ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 350 เปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง เหงาหงอย
ตอนที่ 350 เปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง เหงาหงอย
คุณแม่จี้กับจี้เจี้ยนเหวินมาถึงบ้านราว 11 โมงครึ่ง
วันพรุ่งนี้จี้เจี้ยนเหวินต้องกลับไปสอนหนังสือ เพราะตอนนี้กิจการของอวิ๋นลี่ลี่ดำเนินต่อไปไม่ได้ ไม่เพียงแต่เดินหน้าไม่ได้เท่านั้น เงินที่หล่อนหาได้เมื่อก่อนหน้านี้และเงินเก็บที่เหลือก็ยังถูกนำไปลงทุนหมดแล้วอีกต่างหาก
ตอนนี้ทั้งครอบครัวจึงต้องพึ่งพิงงานของจี้เจี้ยนเหวิน
เขาไม่มัวแต่นึกเสียใจ มาขอยืมเงินโดยตรงต่อหน้าจี้เจี้ยนอวิ๋นและซูตานหง และบอกว่าจะไม่ทำให้พี่สามของเขาต้องลำบาก
เขาบอกตามตรงว่าจะมาขอยืมเงิน และให้เก็บสมุดบัญชีของเขาไว้
ครั้งนี้เขายืมเงินเป็นจำนวนมาก โดยยืมมากกว่า 10,000 หยวน!
“สูญเงินไปมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซูตานหงถาม
คุณแม่จี้มีท่าทางสลดลงเล็กน้อย ด้วยรู้ว่าตอนนี้ลูกคนที่ 3 เข้าข้างภรรยา หากซูตานหงไม่เห็นด้วย จี้เจี้ยนอวิ๋นคงไม่ให้ยืมเงินอย่างแน่นอน
“เครื่องจักรในโรงงานซื้อด้วยเงินกู้ ยังมีค่าแรงคนงาน ค่าเช่าโรงงาน และก็ค่าเสียหายที่ลูกค้าร้องเรียนมา…” คุณแม่จี้เอ่ย ก่อนจะพูดสิ่งใดไม่ออกอีก
ซูตานหงบอก “ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ คนหนุ่มสาวแก้ปัญหากันด้วยตัวเองได้”
คุณแม่จี้สบตาเธอและกล่าว “ตานหง ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจฉัน แต่อวิ๋นอวิ๋นอยู่ตัวคนเดียว ฉันเลยไม่สบายใจ เรื่องนี้…”
“อย่าคิดมากเลยค่ะ คุณแม่จะไปไหนฉันจะไปโกรธอะไรได้หรือคะ มันเป็นสิทธิของคุณแม่ค่ะ” ซูตานหงหัวเราะ ก่อนหันมองหน้าจี้เจี้ยนเหวิน “น้องสี่ นายไปคิดดู ในเมื่อนายมาขอยืมเงินก้อนนี้ฉัน ฉันก็ให้นายยืมได้ แต่ต้องให้ฉันเก็บสมุดบัญชีของนายไว้นะ!” ซูตานหงบอก
“พี่สะใภ้สามไม่ต้องกังวล ถ้าผมจ่ายคืนไม่ได้ ถึงตอนนั้นผมจะยกบ้านให้เลย” จี้เจี้ยนเหวินบอก
“ไม่เห็นต้องทำเกินเหตุขนาดนั้นเลย” คุณแม่จี้อดพูดไม่ได้ “ถ้าไม่มีบ้าน แล้วต่อไปแกจะอยู่ในเมืองเจียงสุ่ยได้ยังไง?”
“แม่ครับ ไม่ใช่เวลาต้องมาสนใจเรื่องนั้นแล้วนะครับ!” จี้เจี้ยนเหวินว่าขึ้น
“ไม่สนใจไม่ได้หรอก ตอนนี้ลี่ลี่ไม่มีงาน ทุกอย่างต้องพึ่งพาแกทั้งนั้น ถ้าแกไม่มีแม้แต่บ้าน จะอยู่ได้ยังไงกัน?” คุณแม่จี้มองหน้าจี้เจี้ยนอวิ๋นขณะพูด
เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เขาพูดอะไรสักอย่าง
จี้เจี้ยนอวิ๋นแทบเคยชินกับมันไปเสียแล้ว แต่สำหรับเรื่องนี้ เขาไม่มีความเห็น น้องชายเขาชำระหนี้สินหมดแล้ว พวกเขาหมดหนี้ไปตั้งนานแล้ว
“แม่ อย่าพูดอย่างนี้อีกเลยนะครับ” จี้เจี้ยนเหวินหน้าเสีย “พี่สะใภ้สาม ผมขอยืม 13,000 หยวน ผมจะหาเงินมาคืนให้ได้ภายใน 5 ปีครับ!”
ซูตานหงสบตาเขา เธอลุกขึ้นและบอก “นายจำไว้ก็แล้วกัน จะคืนเมื่อไหร่ก็ไม่สำคัญหรอก”
ก่อนที่เธอจะไปหยิบเงินให้
ด้วยนิสัยของจี้เจี้ยนเหวิน เธอที่แต่งงานเข้ามาหลายปีจึงรู้ว่าสามารถไว้ใจเขาได้
เงินทั้งหมดถูกใส่ไว้ในกระเป๋า ซูตานหงบอกให้จี้เจี้ยนเหวินมานับก่อน แต่จี้เจี้ยนเหวินปฏิเสธ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเป็นผู้นำมานับต่อหน้าแทน
เขาอยู่กินข้าวเที่ยงที่บ้าน หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จจี้เจี้ยนเหวินก็รีบไปขึ้นรถ เพราะรถรอบสุดท้ายคือรอบบ่าย 2 โมง หากพลาดคันนี้ไปจะไม่มีรถเดินทางกลับ
“ภรรยา ขอบคุณมากนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยกับภรรยาเมื่อทุกคนกลับไปหมดแล้ว
เขารู้ว่าเรื่องนี้จี้อวิ๋นอวิ๋นต้องเกี่ยวข้องกับอวิ๋นลี่ลี่อย่างแน่นอน หากเกิดปัญหาขึ้น คงไม่มีใครรอดพ้นไปได้ ไม่เพียงแต่อวิ๋นลี่ลี่เท่านั้น ยังมีพี่ชายใหญ่ของอวิ๋นลี่ลี่ รวมถึงเฝิงฟางฟางที่ไม่อาจเลี่ยงได้
แต่คนอื่น ๆ ไม่มีเงินลงทุนมากนัก อย่างมากพวกเขาได้แค่ช่วยออกเงินกันคนละเล็กน้อย จี้อวิ๋นอวิ๋นเองก็คงไม่ได้ออกเงินมากเช่นกัน
มีเพียงอวิ๋นลี่ลี่ที่สบายตัวที่สุด เพราะอะไรน่ะหรือ? เป็นเพราะหล่อนมีบ้านที่เมืองเจียงสุ่ยอย่างไรล่ะ!
เมื่อครั้งที่หล่อนซื้อมามันมีมูลค่าราว 2,000 หยวน แต่ตอนนี้ราคาบ้านพุ่งสูงขึ้นถึง 5,000 หยวนแล้ว แต่ถ้าขายบ้านหลังนี้ไปก็คงไม่มีที่ให้ซุกหัวนอน และถึงต่อให้ขายบ้านก็ยังมีเงินไม่เพียงพอ
การยืมเงินจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ครั้งนี้ยืมเงินไปถึง 13,000 หยวน เงินก้อนนี้สำหรับคนรุ่นหลังแล้วถือว่าเป็นจำนวนไม่น้อย ไม่ต้องเทียบเงิน 13,000 หยวนในสมัยนี้เลย เรียกได้ว่าเป็นเงินมหาศาลทีเดียว
หากแต่ภรรยาของเขากลับไม่ได้คัดค้าน เธอเข้าใจถึงเหตุฉุกเฉินนี้ดี
“เป็นเพราะเห็นแก่คุณหรอกค่ะ ฉันจะบอกคุณให้ ว่าเรื่องแบบนี้ฉันจะยอมแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะคะ!” ซูตานหงมองค้อนใส่เขา และเอ่ย
“ครั้งนี้เท่านั้นครับ ครั้งหน้าจะไม่มีการให้ยืมอีกแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นรีบบอกพร้อมส่งยิ้มให้
ซูตานหงกล่าว “คุณงานยุ่งอยู่ รีบออกไปทำงานเถอะค่ะ”
จี้เจี้ยนอวิ๋นขี่รถสามล้อออกไป เขาตั้งใจจะหาเงินให้มาก และไปซื้อบ้านที่ปักกิ่ง หน้าร้อนนี้เขาต้องซื้อบ้านที่ปักกิ่งให้ได้ เขาจึงต้องเก็บเงินให้มากขึ้น
ส่วนเรื่องจี้เจี้ยนเหวินนั้นเขาไม่ได้กังวล หากอีกฝ่ายยืมเงินไป อย่างไรก็ต้องหามาคืนจนได้ จึงไม่ต้องมีสิ่งใดต้องเป็นห่วง
เวลาล่วงเลยมาถึง 5 โมงเย็น จี้เจี้ยนเหวินจึงมาถึงเมืองเจียงสุ่ย เมื่อกลับมาถึง เขาก็นำเงินออกมาแบ่งสรรปันส่วน พร้อมเล่าทุกอย่างให้ฟัง
ทุกคนต่างมารวมตัวกันที่นี่ และมีท่าทางโล่งใจมาก
“เงินก้อนนี้ผมถือว่าไปกู้มานะ แล้วในอนาคตต้องเอาไปคืนพี่สามด้วย!” จี้เจี้ยนเหวินบอกกับทุกคน
“ได้ยังไงกันคะ!” อวิ๋นลี่ลี่ท้วงขึ้นคนแรก “เงินนี้ไม่ใช่ของครอบครัวเราครอบครัวเดียว 13,000 หยวนนี้เราต้องแบ่งให้ทุกคนด้วย ทั้งจี้อวิ๋นอวิ๋น เฝิงฟางฟาง รวมถึงพี่ใหญ่ด้วย เราต้องแบ่งให้เท่าเทียมกันสิ!”
“ผมบอกแล้วไง ว่าเงินนี้ผมไปกู้มาน่ะ!” จี้เจี้ยนเหวินจ้องเธอเขม็ง แทบระงับโทสะไว้ไม่ไหว
“เจี้ยนเหวิน” อวิ๋นลี่ลี่มีท่าทางตื่นตระหนก
“เอาละ กลับไปให้หมด บ้านผมมีเรื่องต้องทำเยอะแยะ ไม่มีเวลามาเอาใจใครหรอกนะ!” จี้เจี้ยนเหวินกล่าวขับไล่
“พี่สี่ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันจะหาเงินนี้มาคืนพี่ให้ได้” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก
ร้านเสื้อผ้าอันทันสมัยของหล่อนต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้ ทำให้หล่อนเองก็ลนลานมากเช่นกัน เงินลงทุนที่เก็บไว้ต้องสูญไปทั้งหมด
“ไปซะ แล้วอย่ากลับมาอีก บ้านนี้หลังเล็ก ไม่มีที่ให้เธออยู่หรอก!” จี้เจี้ยนเหวินตะโกน
“อย่างนั้นฉันกลับก่อนก็แล้วกัน!” พี่ใหญ่อวิ๋นถอนหายใจและลุกขึ้น
จังหวะที่พี่ใหญ่อวิ๋นจะออกไป เขาก็เหลือบมองจี้อวิ๋นอวิ๋น จี้อวิ๋นอวิ๋นจึงไม่รั้งอยู่นาน ไม่นานก็ตามออกมา ส่วนเฝิงฟางฟางยังเล่นลิ้น “พี่ขออยู่สักคืนนะ แล้วจะนั่งรถกลับพรุ่งนี้เช้า”
ท้ายที่สุดหล่อนยังเป็นพี่สะใภ้จึงได้รับอนุญาตให้อยู่อีกคืนหนึ่ง
ขณะที่พี่ใหญ่อวิ๋นกับจี้อวิ๋นอวิ๋นอยู่ด้านนอก พี่ใหญ่อวิ๋นก็ถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “อะไรที่เกิดขึ้นไปแล้วก็ให้มันผ่านไปสิ”
“เงินก้อนนี้ยังไงก็ต้องหามาใช้คืนพี่สี่ให้ได้ จะให้พี่เขาจ่ายคืนคนเดียวมากมายขนาดนั้นไม่ได้หรอกค่ะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นยืนกราน
“ใช้คืนเหรอ? ใช้คืนยังไงล่ะ? ตอนนี้คุณมีเงินหรือยังไงกัน?” พี่ใหญ่อวิ๋นปรายตามองและเอ่ยขึ้น “ผมไม่มีเงินแล้ว ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอนคืนนี้ด้วย!”
“งั้นจะปล่อยให้ฉันนอนข้างถนนหรือยังไงคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นถามเสียงอ่อนลง
ใช่แล้ว เมื่อ 2 เดือนก่อน จี้อวิ๋นอวิ๋นได้สานสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพี่ใหญ่อวิ๋น
พี่ใหญ่อวิ๋นเป็นชายอกสามศอกอยู่นอกบ้านเพียงลำพัง เขาทั้งดูดีและร่างกายกำยำ ส่วนจี้อวิ๋นอวิ๋นนั้นกำลังรู้สึกเปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง เหงาหงอยอยู่พอดี พอได้มาพบกับเขาจึงย่อมเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเป็นธรรมดา
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
แปลตอนนี้แล้วก็หมดคำพูดกับนางสองอวิ๋น ก่อนหน้านี้นึกว่านางต่ำตมแล้ว ปรากฏว่านางยังต่ำตมได้มากกว่านี้อีกอะค่ะ
ตอนนี้เนื้อเรื่องก็ดำเนินมาถึงครึ่งเรื่องแล้วนะคะ ครึ่งหลังจากนี้ผู้แปลลองอ่านผ่าน ๆ มาแล้ว บอกเลยว่าแซบจนร้องซื้ด นางสองอวิ๋นตอนนี้เปรี้ยวยังไง ตอนหลัง ๆ นางเปรี้ยวยิ่งกว่านี้อีก เปรี้ยวจนต้องร้องสบถ ลิ่วนีหรือก็สู้ไม่ได้ เชิ่งเหม่ยนี่ยิ่งเทียบนางไม่ได้ใหญ่เลย ใครที่คิดว่าเรื่องนี้ราบเรียบไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เปลี่ยนความคิดได้เลยนะคะถ้าได้มาอ่านครึ่งหลัง
ไหหม่า(海馬)