ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 354 ทำงานหนักยิ่งกว่าวัว
ตอนที่ 354 ทำงานหนักยิ่งกว่าวัว
ซูตานหงคร้านจะสนใจ จึงเมินเฉยต่อการเสียดสีของคุณแม่จี้
ครั้นคุณแม่จี้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ นางย่อมไม่ยอมรับ และก็เป็นไปตามที่ซูตานหงคาดไว้ นางจงใจพูดให้ฉีฉีฟังเพื่ออยากให้เขาเป็นคนส่งสาร
ฉีฉีจะต้องกลับไปพูดอย่างแน่นอน ทว่าซูตานหงก็ไม่แสดงทีท่าใด ๆ ออกมา นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอไม่เก็บคำเตือนของนางไปใส่ใจเลยหรอกหรือ?
คุณแม่จี้จึงบอกคุณพ่อจี้เกี่ยวกับเรื่องนี้
“ถ้าคุณไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วก็เก็บของออกไปซะ ไม่ต้องพูดมาก” คุณพ่อจี้คร้านจะคุยกับนาง จึงพูดไปตามตรง
แค่ประโยคเดียวก็เอาชนะคุณแม่จี้จนต้องกลับสู่สภาพเดิม
อวิ๋นอวิ๋นเคยบอกกับนางว่านางเป็นแม่ของเจี้ยนอวิ๋น เจี้ยนอวิ๋นมีความสามารถถึงเพียงนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ซูตานหงจะไม่กตัญญู รู้เอาไว้ด้วยว่าซูตานหงเกาะลูกชายนางกิน เธอกล้าที่จะไม่กตัญญูเหรอ?
นี่คือคำตอบที่นางเคยพูดถึงสิ่งดี ๆ ของซูตานหงในบางโอกาสต่อหน้าลูกสาวของนาง
นางเองยังรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล ดังนั้นเมื่อกลับมา นางจึงไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด สุดท้ายแล้วลูกสาวของนางต้องอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง นางผิดอะไรที่อยากจะดูแล?
บนภูเขาก็ใช่ว่าจะขาดคน เรียกคนอื่นมาทำอาหารก็ยังได้ มีคนทำตั้งเยอะแยะ
นางหุงหาอาหารมาทั้งชีวิตแล้ว จนรู้สึกเบื่อและเอียนเต็มทน
ดังนั้นหลังจากกลับมาครั้งนี้ เหล่าจางก็ยังคงรับหน้าที่เป็นคนทำอาหาร และนางก็ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง
คุณพ่อจี้มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่น้อย รู้สึกว่าภรรยาของตัวเองช่างน่าสิ้นหวังจริง ๆ แต่ไม่คาดคิดว่าถึงตอนนี้แล้วนางยังจะพูดแบบนี้อีก
แน่นอนว่าเขาไม่เกรงใจแล้ว
คุณแม่จี้รู้สึกเบื่อและไม่มีกะจิตกะใจในการทำงาน เนื่องจากไม่ได้รับส่วนแบ่งเงินค่าสตรอว์เบอร์รี่และแตงโม นางจึงไม่อยากทำ
ดังนั้นตลอดทั้งวันนางจึงไม่ทำอะไรสักอย่าง ราวกับเป็นคนไร้วิญญาณ
จนกระทั่งจี้เจี้ยนอวิ๋นขึ้นมา คุณแม่จี้จึงพูดขึ้น “แม่กลับมาตั้งนาน ไม่เคยเห็นตานหงมาปลอบใจเลยสักนิด ทั้งที่เมื่อก่อนหล่อนมักจะต้มน้ำแกงขึ้นมาให้บ่อย ๆ”
ตอนนี้มีอะไรก็ส่งไปที่ภูเขาข้าง ๆ ให้เหล่าจางหมดแล้ว!
“แม่อยากกินอะไรก็ทำเองเถอะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นคร้านที่จะพูด ตอนแรกคิดว่าแม่ของเขากลับมาก็น่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้แล้ว คาดไม่ถึงว่าสมองจะยิ่งฟั่นเฟือนหนักกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับความเสื่อมสภาพทางร่างกาย ตอนนี้นางไม่ได้ทำงานใด ๆ ถึงต่อให้นางไม่ทำงานก็ใช่ว่าเขาจะเลี้ยงไม่ได้ แต่นี่ยังพูดไม่ดีกับภรรยาเขาอีก
มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?
บนภูเขาขาดแคลนอาหารและเครื่องดื่มหรืออย่างไร จริงอยู่ที่ภรรยาของเขาไม่ทำน้ำแกงมาส่งเหมือนเมื่อก่อน แต่จะโทษภรรยาของเขาได้หรือ?
แต่ก่อนภรรยาของเขาเคยกตัญญูเป็นอย่างมาก ทว่ากตัญญูแล้วมีประโยชน์หรือไม่?
เมื่อเทียบกับจี้อวิ๋นอวิ๋นแล้ว ภรรยาของเขายังเป็นคนนอก ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้เป็นแม่ได้
เป็นธรรมดาที่ภรรยาของเขาจะรู้สึกเจ็บปวด ยิ่งไปกว่านั้นภรรยาของเขาไม่ใช่คนอกตัญญู และไม่ได้ห้ามให้นางกิน เพียงแค่อยากกินอะไรก็ให้ทำกินเอง
นี่คือภรรยาของเขา หากเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงคนอื่น ตอนนี้ที่แม่เขากลับมาคงปลอบใจกันทั้งวันและไม่คิดถึงมันอีก
“เจี้ยนอวิ๋น ฉันเป็นแม่ของแกนะ ตอนเด็ก…”
“แม่ ผมยังยุ่งอยู่ อยากกินอะไรก็ไปทำเองเถอะครับ ผมซื้อของหลายอย่างมาไว้ในครัว อยู่ตรงนั้นหมดเลย” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
บนภูเขาไม่ขาดแคลนอาหารและเครื่องดื่ม สิ่งที่ในบ้านมี บนภูเขาก็มีเช่นกัน อยู่ที่ว่าแม่ของเขาจะเต็มใจทำอาหารเองหรือไม่ก็เท่านั้น
หลังจากเจี้ยนอวิ๋นพูดจบแล้ว เขาก็ไปทำงานต่อ
ตอนนี้คนงานเด็กบนภูเขาเติบโตขึ้นไม่น้อย เพราะพวกเขาสามารถขึ้นไปกินมื้อเช้าบนภูเขาได้ อาหารเช้าในแต่ละวันให้ความรู้สึกอิ่มท้องมาก ส่วนมื้ออื่นค่อยกลับไปกินที่บ้าน ซึ่งไม่มีการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด ท้ายที่สุดแล้วที่บ้านต่างคาดหวังให้พวกเขาได้รับค่าจ้างกลับไป ตอนนี้ค่าแรงของพวกเขาได้เท่ากับผู้ใหญ่แล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะยังอายุน้อย แต่ก็ทำงานได้มากมาย
พวกเขาแทบจะเป็นกำลังสำคัญบนภูเขาแล้ว จะให้ไปที่ไหนก็ไป ไม่ว่าจะเป็นการเก็บไข่ เก็บสตรอว์เบอร์รี่ ถอนหญ้า กําจัดแมลง ให้อาหารไก่ หรืออะไรก็ตาม งานเหล่านี้บนภูเขาทั้งหมดล้วนเป็นหน้าที่ของพวกเขาทั้งสิ้น
ผู้ใหญ่อย่างจี้หงจวินจึงมีเวลาว่างไม่น้อยเพราะพวกเขาเหล่านี้ เมื่อมีเวลาว่างแบบนี้แล้ว เขาจึงได้ไปทำงานบนพื้นที่ 30 ไร่ของจี้เจี้ยนอวิ๋น
“เก็บไข่เสร็จหรือยัง?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม
“เก็บหมดแล้วครับ!” ต้าจื้อเด็กที่ตัวค่อนข้างโตพูดขึ้น
“งั้นไปสวนผลไม้แห่งที่ 2 ช่วยลุงของฉันเลี้ยงหมู” จี้เจี้ยนอวิ๋นปล่อยให้จวี้จื่อกับจางจิ้นเก็บสตรอว์เบอร์รี่ต่อไป ก่อนจะสั่งงานพวกเขาอีก 2 คน
ต้าจื้อกับจินจื่อไม่ได้พูดอะไร นี่เป็นงานที่ทำเกือบทุกวันอยู่แล้ว ทั้งคู่จึงเข้าไปช่วย
เด็กวัยนี้นับว่ามีพลังเหลือล้นจริง ๆ แม้วันนี้จะทำงานหนักแค่ไหน พรุ่งนี้เช้าตื่นมาก็สามารถฟื้นคืนเป็นปกติได้แล้ว
พวกเขามีพลังเหลือล้นในทุกวัน
แน่นอนว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่ได้ทําให้พวกเขาเหนื่อยเกินไป ถึงแม้จะมีงานมากมาย แต่การจะสั่งงานหนักจนทำร้ายพวกเขานั้นย่อมเป็นไปไม่ได้
ตั้งแต่เริ่มมาทำงานที่นี่ เด็กผู้หญิง 1 คน และเด็กผู้ชาย 3 คน ล้วนเติบโตขึ้นไม่น้อย
นอกจากนี้ยังมีความมั่นใจมากขึ้น พวกเขาอายุเท่านี้ ทว่าสามารถหาเงินกลับบ้านได้เดือนละจำนวนมาก จะมีความภูมิใจมากมายขนาดไหนกัน?
คนที่ไปทํางานในโรงงานยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขาได้!
พวกเขายังได้รับของขวัญปีใหม่ อย่างเช่น ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาก็ได้ของเต็มตะกร้า ทำให้พ่อแม่และหลานชายหญิงต่างมีความสุขมาก ยังบอกอีกว่าเมื่อโตขึ้นจะมาทำงานด้วย
เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่ขาดแคลนคน บนภูเขามีคนทํางานกันเยอะขนาดนี้ แล้วจะจ้างคนได้อย่างไร?
หลังจากที่จี้เจี้ยนอวิ๋นมอบหมายงานเสร็จ เขาก็เริ่มตรวจสอบสินค้าคงคลัง
แม่ของเขาไม่ทำงานก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรบนภูเขาก็มีคนทำงานเยอะแยะ รอให้จวี้จื่อโตขึ้นอีกหน่อย เรื่องทําอาหารค่อยปล่อยให้เธอจัดการ
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พ่อบุญธรรมของเขาไม่สบาย จวี้จื่อจึงเป็นคนทำอาหารเช้าแทน ซึ่งมันก็มีรสชาติดีมาก แถมจวี้จื่อยังช่วยทำอาหารกลางวันและอาหารเย็นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงวางแผนนี้ไว้ ส่วนเรื่องของแม่เขานั้นไม่ได้สลักสำคัญอะไร ไม่ว่านางจะทำงานหรือไม่ ก็ไม่ใช่อุปสรรคแต่อย่างใด
คุณแม่จี้เกียจคร้านเกินไปจนรู้สึกเบื่อหน่าย ดังนั้นนางจึงลงมายังที่ทำการหมู่บ้านเพื่อโทรหาจี้เจี้ยนเหวิน
“แม่ครับ ไม่ต้องสนใจเรื่องทางนี้หรอก ต่างคนต่างไปกันหมดแล้ว ผมเองก็งานยุ่งมาก ตอนนี้เป็นหนี้อีกเยอะ ผมต้องไปสอนแล้ว ไม่ว่างคุยนะครับ” จี้เจี้ยนเหวินพูดกรอกลงโทรศัพท์ 2 ถึง 3 ประโยคอย่างรีบร้อนก่อนจะวางสายไป
คุณแม่จี้ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามถึงสถานการณ์ปัจจุบันของลูกสาว สายก็ตัดไปเสียแล้ว
เรื่องที่ลูกชายคนที่สี่ยุ่งมากในตอนนี้ นางเองก็เข้าใจดี เนื่องจากเขาติดหนี้ซูตานหงเป็นจำนวนมาก ทั้งยังบอกว่าจะจ่ายภายใน 5 ปี นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ตอนนี้จี้เจี้ยนเหวินทํางานหนักมากจนเขาแทบไม่มีเวลาว่าง
หลังเลิกเรียนทุกวัน ยังรับสอนพิเศษอีก 3 งาน
งานสอนพิเศษ 3 งานรวมกันแล้วเท่ากับเงินเดือนเกือบ 1 เดือน และจะต้องยุ่งทุกวันจน 5 ทุ่มครึ่ง ถึงจะเข้านอนได้
วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไม่มีเวลาว่าง เขายังต้องออกไปตั้งแผงขายของข้างนอกเพื่อขายเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งอยู่ไกลจากที่นี่และพอมีรายได้อยู่บ้าง
ส่วนเรื่องครอบครัว ตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ย่อมลําบากอยู่แล้ว ทว่าชีวิตของเยียนเอ๋อร์ไม่ได้ถูกปฏิบัติอย่างเลวร้าย เธอยังใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี มีเพียงจี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่เท่านั้น ที่ตอนนี้ทำงานหนักยิ่งกว่าวัว และกินได้ไม่ดีเท่าวัว
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แม่จี้ชักน่ารำคาญขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว มาอยู่เปล่า ๆ อย่างเดียวดี ๆ ไม่ได้ต้องค่อนแคะตานหงสารพัด เรื่องมากแบบนี้ก็เชิญกลับไปช่วยลูกสาวคนดีหาลูกค้าเถอะค่ะ
ส่วนบ้านสี่ก็ทำงานใช้หนี้ต่อไป หลังจากนี้หวังว่าคงเข็ดหลาบไม่ไปยุ่งกับนางสองอวิ๋นแล้วล่ะนะ
ไหหม่า(海馬)