ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 355 ไข่ของครอบครัวเขามีคุณค่าทางโภชนาการ
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]
- ตอนที่ 355 ไข่ของครอบครัวเขามีคุณค่าทางโภชนาการ
ตอนที่ 355 ไข่ของครอบครัวเขามีคุณค่าทางโภชนาการ
แต่จะทำอะไรได้?
ตอนนี้เป็นหนี้จำนวนมาก จนครั้งล่าสุดอวิ๋นลี่ลี่ถึงกับคิดจะไปขอเงินจากพี่ชายใหญ่ของหล่อนกับจี้อวิ๋นอวิ๋น ทว่ายังไม่ทันได้ไปก็ถูกจี้เจี้ยนเหวินห้ามไว้เสียก่อน
เขาไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้อีกต่อไปแล้ว เขาจะหาเงิน 13,000 หยวนด้วยตัวเอง แม้จะเหนื่อยกว่านี้ เขาก็จะหาเงินมาชำระหนี้ให้ได้
หากอวิ๋นลี่ลี่ยังไปหาพวกเขาและเข้าไปพัวพันกับพวกเขาอีกครั้ง เขาจะไม่อดทนอีกต่อไป
อวิ๋นลี่ลี่เองก็กลัวมาก จึงไม่กล้าออกไปอีกแล้ว
แต่ถึงอย่างไรในใจหล่อนก็ยิ่งต่อว่าจี้อวิ๋นอวิ๋น ในตอนแรกที่หล่อนกำลังหลงหน้ามืดตามัว ตานหงยังเตือนหล่อนว่าให้คิดให้ดีก่อนที่จะลาออก
หล่อนคิดแต่จะถีบตัวเองขึ้นไป
แล้วดูตอนนี้สิว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร?
เดิมทีตานหงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหล่อน หลังจากเข้ากันได้มากขึ้น อีกฝ่ายยังส่งของบางอย่างมาให้หล่อน นับได้ว่าเป็นความสัมพันธ์อันดีระหว่างสะใภ้
ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
ซูตานหงกับจี้อวิ๋นอวิ๋นมีความสัมพันธ์ที่เย็นชาต่อกัน แต่หล่อนกลับเข้าหาจี้อวิ๋นอวิ๋นอยู่บ่อยครั้ง เป็นธรรมดาที่ฝ่ายซูตานหงจะห่างหายไป
ตอนนี้ต่อให้หล่อนอยากจะโทรกลับไป ก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
อวิ๋นลี่ลี่ทําอาหารเย็น มื้อเย็นวันนี้ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ มีไข่ไก่ผัดมันฝรั่งและซุปสาหร่าย
นี่คืออาหารเย็นของพวกเขา สาหร่ายนี้ซูตานหงเคยส่งมาให้เป็นจำนวนมาก ตอนนี้ยังกินไม่หมดและเหลืออยู่เล็กน้อย
“แม่คะ ตอนนี้สตรอว์เบอร์รี่จะสุกหรือยังคะ?” หลังจากกินข้าวเสร็จ เยียนเอ๋อร์ก็เอ่ยถามด้วยความคิดถึง
อวิ๋นลี่ลี่รู้สึกผิดต่อลูกสาวของหล่อนเป็นอย่างมาก เยียนเอ๋อร์ได้รับการอบรมสั่งสอนจากซูตานหงมาหลายปี เธอได้เรียนรู้อะไรมากมาย แม้ว่าชีวิตในตอนนี้จะเลวร้ายลง แต่เธอก็ไม่ร้องไห้เลยแม้แต่น้อย
ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นเด็ก ย่อมคิดถึงวันเวลาที่ได้อยู่กับครอบครัวคุณนายสาม
ทุกวันมีเนื้อให้กิน ผลไม้บนภูเขาก็กินได้ตามใจชอบ แต่คุณนายสามบอกว่าหากเก็บมาแล้วจะต้องกินให้หมดเพื่อไม่ให้เสียของ
ดังนั้นแม้ว่าอาหารทุกวันนี้จะไม่ถูกปากเธอ แต่เธอก็ยังกินมัน
อวิ๋นลี่ลี่รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย จึงพูดขึ้น “ทําไมไม่รอวันหยุดฤดูร้อนล่ะ แม่จะพาหนูกลับไปพักสักหน่อยดีไหม? ”
“จริงเหรอคะ?” ดวงตาของเยียนเอ๋อร์เป็นประกาย
“จริงสิจ๊ะ ถึงเวลาแม่จะพาหนูกลับไป” อวิ๋นลี่ลี่กล่าวด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน
หลังจากกลับไปแล้ว เฝิงฟางฟางและจี้มู่ตานคงไม่ยอมเสียโอกาสที่จะเยาะเย้ยหล่อน แต่หล่อนก็จะไม่สนใจ แค่ส่งลูกสาวกลับไปที่นั่น ถึงอย่างไรซูตานหงย่อมไม่ถือสาเรื่องการกินอยู่ของเยียนเอ๋อร์
หล่อนกับเจี้ยนเหวินสามารถอยู่อย่างฝืดเคืองได้บ้าง แต่ไม่สามารถปล่อยให้ลูกสาวเป็นแบบเดียวกันได้ เธอยังต้องเติบโตอย่างแข็งแรง
เมื่อจี้เจี้ยนเหวินกลับมาในตอนเย็น อวิ๋นลี่ลี่จึงได้พูดถึงเรื่องนี้ แม้จี้เจี้ยนเหวินอยากจะคัดค้าน แต่คำพูดก็ติดอยู่ที่ปาก จึงได้แต่กล้ำกลืนมันลงไป
เขาเองก็รักลูกสาวเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาสองคนประหยัดขนาดนี้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นการปฏิบัติต่อลูกสาวอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นจึงควรส่งเธอกลับไปพักผ่อนในช่วงวันหยุดฤดูร้อน
เพิ่งคิดได้ดังนั้น วันรุ่งขึ้นสวี่เหอซานก็นำตะกร้าสตรอว์เบอร์รี่และไข่ไก่ไปยังโรงเรียนของจี้เจี้ยนเหวิน
เขานำมามอบให้จี้เจี้ยนเหวิน จี้เจี้ยนเหวินจึงแบ่งสตรอว์เบอร์รี่ราว 2 ถึง 3 ชั่งให้กับเพื่อนร่วมงานของเขา ส่วนไข่ไก่นั้นไม่ได้แบ่งให้และเอากลับมาที่บ้าน
“นี่คือ?” เมื่ออวิ๋นลี่ลี่เห็นเขาหิ้วของกลับมามากมายและกลับมาเร็วขนาดนี้ จึงอดสงสัยไม่ได้
“พี่สะใภ้สามสั่งคนส่งมาให้เยียนเอ๋อร์กินน่ะ” จี้เจี้ยนเหวินพูด
“เป็นเพราะก่อนหน้านี้ฉันเห็นแก่เงิน” ดวงตาของอวิ๋นลี่ลี่ปรากฏร่องรอยแห่งความขมขื่น
“เอาล่ะ พวกนี้เป็นไข่จากภูเขาของพี่สาม ช่วยบำรุงร่างกาย คืนนี้ต้มไข่กินกันเถอะ” จี้เจี้ยนเหวินพูด
ส่วนเยียนเอ๋อร์นั้นล้างสตรอว์เบอร์รี่ออกมา 1 จาน สตรอว์เบอร์รี่หวานฉ่ำทําให้เธอยิ้มตาหยีด้วยความพึงพอใจ
เพราะอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิด เป็นธรรมดาที่ซูตานหงจะส่งอาหารไปให้เยียนเอ๋อร์กิน ส่วนจี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่นั้นถือเป็นผลพลอยได้
จี้เจี้ยนเหวินมีนิสัยอย่างไร ซูตานหงรู้ดีอยู่แล้ว เขาบอกว่าอีก 5 ปีจะชำระเงิน 13,000 หยวน เช่นนั้นก็ต้องชําระคืนอย่างแน่นอน
เขาให้ความสำคัญอย่างมากกับเรื่องความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมซูตานหงถึงมองเขาในแง่ดี
แต่ด้วยความที่เขาเป็นครู เงินเดือนของเขาจึงได้เพียงแค่ 60 หยวน รวมเงินอุดหนุนต่าง ๆ ได้เกือบ 70 หยวน หากต้องเก็บเงินทุกเดือน จะต้องใช้เงิน 30 ถึง 40 หยวนสำหรับค่าครองชีพของครอบครัว
นี่เป็นเงื่อนไขที่ประหยัดมาก ไม่ว่าจะนับรวมงานเสริมอะไรก็ตาม การจะเก็บเงินให้ได้ 13,000 หยวน ภายใน 5 ปีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ตอนนี้จะต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัดขึ้นอีกแน่นอน
เยียนเอ๋อร์ถูกเธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจนโต ทุกสิ่งที่เธอมอบให้เยียนเอ๋อร์นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เธอรู้ว่าจี้เจี้ยนเหวินกับภรรยาจะต้องเก็บเงินได้อย่างแน่นอน แต่เธอก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นเยียนเอ๋อร์ลำบากไปกับพวกเขา
สตรอว์เบอร์รี่และไข่เป็นอาหารที่เธอส่งไปให้เยียนเอ๋อร์ ส่วนพวกเขาสองสามีภรรยานั้น ซูตานหงไม่ได้กังวลอะไร
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กังวลอะไร แต่สุดท้ายส่งไปให้กินด้วยกัน
ไข่ของครอบครัวเธอช่วยบำรุงร่างกายได้ดี เดิมทีจี้เจี้ยนเหวินก็ได้กินอาหารอยู่บ้าง แต่หลังจากกินไข่แล้ว เขาก็ฟื้นคืนกำลังขึ้นมา
ในแต่ละวันก่อนนอนได้กินเพียงไข่ต้มเท่านั้น เมื่อไปถึงโรงเรียนเขาจึงอดไม่ได้ที่จะอยากกินเนื้อ เพราะเขาได้กินแค่อาหารมังสวิรัติ เมื่อเห็นเนื้อจึงรู้สึกอยากมาก แต่ก็ไม่สามารถซื้อมากินได้ เพราะค่าครองชีพหนึ่งเดือนสำหรับทั้งครอบครัวถูกควบคุมไว้ที่ 20 หยวน แล้วเขาจะกินเนื้อได้ที่ไหน ตอนนี้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นไม่น้อย ไม่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
อวิ๋นลี่ลี่เองก็เช่นกัน
ทั้งสองรู้สึกโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ไม่ต้องเช่าบ้าน ไม่อย่างนั้นจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก
แต่ไข่ 1 ตะกร้าที่มีน้ำหนักราว 3 ถึง 4 ชั่งนั้นยังไม่พอกิน โชคดีที่อีก 2 เดือนก็จะถึงวันหยุดฤดูร้อนแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นค่อยส่งลูกสาวกลับไป
ก่อนที่เยียนเอ๋อร์จะนั่งรถกลับบ้านในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ซูตานหงไม่ได้ส่งของให้อีก แค่ส่งครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว และไม่สามารถส่งมากไปกว่านี้ได้อีก
อวิ๋นลี่ลี่โทรมาเพื่อขอบคุณ และยังแฝงไปด้วยอีกนัยยะหนึ่ง ที่ไว้ค่อยถามเยียนเอ๋อร์เมื่อกลับมาจากช่วงวันหยุดฤดูร้อนแล้วกันว่าการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของเธอนั้นเป็นอย่างไร?
ซูตานหงย่อมไม่คัดค้าน อันที่จริงเธอส่งสตรอว์เบอร์รี่กับไข่ไปให้ก็เพื่อบอกเป็นนัย ๆ
เธอไม่อาจปล่อยให้เยียนเอ๋อร์ที่ประคบประหงมเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ต้องใช้ชีวิตราวกับสมณะไปกับพวกเขาสองสามีภรรยา
อันที่จริงมันก็สมควรแล้ว พวกเขามีวันเวลาที่สุขสบายและมั่นคง ทั้งสองสามีภรรยาชำระหนี้ค่าบ้านจนหมดแล้ว แถมเป็นคนทำงานด้วยกันทั้งคู่ เมื่อได้รับเงินเดือนก็นับเป็น 2 เท่า มีตั้งกี่คนที่อิจฉาครอบครัวของหล่อน?
ตราบใดที่ไม่ทำผิดต่ออาชีพครู ยิ่งอายุมากเท่าไร ก็ยิ่งมีคุณวุฒิมากเท่านั้น ยิ่งมีคุณวุฒิมากขึ้น ก็ยิ่งมีชื่อเสียง งานนี้ไม่ต่างจากชามข้าวเหล็ก*เลย อีกทั้งสวัสดิการก็ดี พูดไปก็ถือว่าดีแล้ว
* เปรียบเทียบกับอาชีพที่มั่นคง
ทว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นชอบความลำบากอยู่แล้ว อย่างนั้นก็ปล่อยให้ลำบากไปเถอะ ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหล่อน เพราะตอนนี้หล่อนก็เป็นทุกข์อยู่แล้ว
ซูตานหงส่งไข่และสตรอว์เบอร์รี่ไปให้ครอบครัวจี้เจี้ยนเหวิน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็รู้เช่นกัน เขายังรู้สึกขอบคุณภรรยาของตัวเองด้วย
ในฐานะพี่ชาย เขาย่อมรู้นิสัยน้องชายคนที่ 4 ของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าต้องประหยัดมากแน่ ๆ
แม้ว่าไข่ในตะกร้าจะไม่มาก แต่ก็ยังนับว่าดีไม่น้อย เพราะไข่ของครอบครัวเขานั้นอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หวังว่าบทเรียนราคาแพงนี้จะไม่ทำให้เธอหน้ามืดอีกนะลี่ลี่ ลำบากกันทั้งครอบครัวเลย จนตานหงทนไม่ได้ที่เห็นเยียนเอ๋อร์อดข้าวเลยต้องส่งไข่กับสตรอว์เบอรี่มาให้
ไหหม่า(海馬)