ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 379 สวนสวยหลังบ้าน
ตอนที่ 379 สวนสวยหลังบ้าน
“ไว้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้วฉันจะถามเขาให้แล้วกันนะคะ” ซูตานหงเอ่ย
เฝิงฟางฟางจึงกลับไป เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมากินมื้อเย็นในช่วงเย็น ซูตานหงถึงเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงบอก “ให้พี่สะใภ้ไปช่วยงานที่ห้างแล้วกันครับ ให้ดูแลส่วนของเตาแก๊สไป”
ตั้งแต่ห้างของเขาซื้ออุปกรณ์ในครัวเรือนนี้มาขายเมื่อปีก่อน หลายคนในเมืองต่างพากันมาซื้อ
ปีก่อนยังมีคนซื้อไม่มาก และกิจการค่อนข้างเงียบเหงา แต่ปีนี้ผู้คนเริ่มซื้อตามกันเรื่อย ๆ
จี้เจี้ยนอวิ๋นเชื่อว่าในอนาคตคนจะยิ่งพากันมาซื้อมากขึ้น และกิจการนี้ต้องการคนรับผิดชอบดูแลโดยเฉพาะ
ส่วนร้านค้าในเมืองมีกิจการก้าวหน้ามากขึ้น แต่ในเมืองก็ยังเป็นในเมืองอยู่วันยังค่ำ มันเจริญกว่าที่นี่มาก หลายคนเริ่มใช้พวกมันแล้ว
เฝิงฟางฟางจึงได้กลับไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง โดยได้รับเงินเดือนเท่ากับทุกคน
ครั้งนี้ซูตานหงบอกให้หล่อนตั้งใจทำงาน หากทำได้ไม่ดี หล่อนจะถูกคนอื่นแทนที่ หล่อนจึงทุ่มเทอย่างเต็มที่
เรื่องของเฝิงฟางฟาง ซูตานหงไม่เคยคิดอ่อนข้อ ครั้งก่อนหล่อนลาออกไปเองไม่ใช่หรือ ซูตานหงจึงไม่คิดจะจ้างงานหล่อนอีก เพียงแต่เห็นแก่เสี่ยวตงที่ต้องใช้เงินเล่าเรียนจำนวนมาก นอกจากนี้พนักงานห้าง 3 คนยังแต่งงานแล้ว จึงไม่ได้ทำงานต่อ ทำให้ขาดกำลังคน
เฝิงฟางฟางจึงรอดตัวมาได้
เมื่อรู้ว่าเฝิงฟางฟางกลับไปทำงานอีกครั้ง จี้มู่ตานจึงรีบไปหาซูตานหง และถามว่าพอจะมีตำแหน่งให้หล่อนบ้างหรือไม่
“พี่รองก็มีหน้าที่การงานดีอยู่แล้ว พี่สะใภ้รองอยู่ช่วยดูแลที่บ้านเถอะค่ะ ตอนที่พี่รองกลับมาเหนื่อย ๆ จากขับรถไปกลับ เขาจะได้กินข้าวกับน้ำแกงร้อน ๆ ไงคะ” ซูตานหงบอก
“พี่น้องเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้ทำเองได้ พวกเธอไม่ต้องให้ฉันดูแลหรอก” จี้มู่ตานบอก
“ตอนนี้ไม่ได้ขาดพนักงานค่ะ ถ้าขาดคนเมื่อไหร่ ฉันจะบอกพี่สะใภ้รองแล้วกันนะคะ” ซูตานหงเอ่ย
“เธอจำไว้ให้ดีเลยนะ อย่าลืมเรียกฉันล่ะ” จี้มู่ตานทำได้เพียงกำชับเมื่อได้ยินเช่นนั้น
จี้มู่ตานพูดความจริงเรื่องที่สองพี่น้องเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้เป็นคนทำงานบ้านทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องจี้มู่ตานช่วยแต่อย่างใด
และหล่อนยังติดหนี้ซูตานหงอยู่ ซูตานหงจึงตัดสินใจให้งานกับหล่อน
อย่างที่รู้กันอยู่ว่าแม้จี้มู่ตานจะเป็นคนชอบฉวยผลประโยชน์ แต่หล่อนก็ตั้งใจทำงานดี ปีนี้ซูตานหงตั้งใจจะทำสตรอเบอร์รี่แช่อิ่ม จึงจำเป็นต้องมีคนงานมาช่วย
ปีก่อนแม่ของเธอมาช่วย คงจะดีหากปีนี้เรียกจี้มู่ตานมาช่วยงาน
มันไม่ใช่งานในระยะยาว เป็นงานชั่วคราวในเดือนนั้น ๆ เท่านั้น
จี้มู่ตานมีความสุขมาก เธอนึกไม่ถึงว่าซูตานหงจะเสนองานให้เธอเร็วขนาดนี้
หล่อนไม่อู้งานไปไหนเลยในตอนที่ทำสตรอเบอร์รี่แช่อิ่ม คอยทำทุกอย่างตามที่ซูตานหงสั่งให้หล่อนทำ
“ถ้าคุณจะไปช่วยงานก็อย่าให้ผมขายหน้า ห้ามไปก่อเรื่องเด็ดขาด ทำตัวดี ๆ กับน้องสามกับน้องสะใภ้สามไว้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ยอมช่วยคุณอีก” จี้เจี้ยนเยี่ยรู้นิสัยภรรยาตนดี จึงว่ากำชับ
“ฉันรู้ค่ะ” จี้มู่ตานรับคำ
“อย่าไปพูดอะไรพล่อย ๆ ล่ะ สะใภ้สามอาจจะพูดดี แต่ถ้าไปทำงานให้หล่อน คุณคงทำให้หล่อนพอใจไม่ได้หรอก ถ้าคุณไม่พูดอะไร หล่อนคงจะพอไว้หน้าคุณบ้าง ไม่อย่างนั้นคุณจะเสียมากกว่าได้” จี้เจี้ยนเยี่ยเห็นหล่อนเป็นเช่นนั้น จึงเอ่ยเตือน
จี้มู่ตานนึกถึงซูตานหง ถึงอีกฝ่ายจะยิ้มแย้มอยู่ตลอด แต่ด้วยความที่รู้จักกันมานาน หล่อนยังไม่เคยได้ไข่แม้แต่ฟองเดียวจากซูตานหงเลย
ถึงอีกฝ่ายจะให้หล่อนมา หล่อนก็คงไม่เห็นค่า และบอกต่อหน้าว่าไข่นำไปขายไม่ได้ราคา และคงทำใจกินที่บ้านไม่ได้ อย่าว่าแต่นำไปให้ญาติเลย
หล่อนจึงเชื่อฟังคำพูดสามีอย่างดี และไม่เอ่ยแม้สักคำ
ซูตานหงเริ่มทำสตรอเบอร์รี่แช่อิ่มเมื่อถึงหน้าสตรอเบอร์รี่ ตอนนี้มีสตรอเบอร์รี่ของเจ้าอื่นด้วยนอกจากของครอบครัวเธอ ซึ่งในตลาดมีสตรอเบอร์รี่จากหลายเจ้าถูกส่งมาขาย
เพียงแต่รสชาติยังแย่กว่าของครอบครัวเธอ โดยมีรสค่อนข้างเปรี้ยว และไม่หวานเท่าของบ้านเธอ
อย่างไรก็ตามธุรกิจขายสตรอเบอร์รี่ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น จนขาดความเป็นเอกลักษณ์ ซูตานหงจึงต้องการทำสตรอเบอร์รี่แช่อิ่ม ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าสตรอเบอร์รี่สด
ยังไม่มีการให้ความสำคัญด้านความสดใหม่และเป็นธรรมชาติ หลังจากนำไปแปรรูป พวกมันกลับมีมูลค่ามากขึ้น ยิ่งมีรสชาติหวาน เป็นที่ถูกใจของคนทุกวัย
ซูตานหงใส่น้ำผึ้งลงไปด้วย ไม่ได้ใช้น้ำตาล จึงทำให้หวานยิ่งขึ้น
“หากพี่สะใภ้รองจะกลับบ้าน ก็เอากลับไปให้เสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้กินสักหน่อยเถอะค่ะ แต่อย่ากินเยอะมากไปนะคะ มันหวานมาก” ซูตานหงบอกเมื่อเห็นจี้มู่ตาน
“ได้สิ ฉันจะเอากลับไปให้ลูกกินนะ” จี้มู่ตานตอบพลางยิ้มรับ
ด้วยมีจี้มู่ตานมาช่วย จึงทำให้งานเดินหน้าอย่างรวดเร็ว หล่อนลงมือทำตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนกระทั่ง 11 โมงครึ่ง ซูตานหงจึงบอกให้หล่อนกลับบ้านได้ เพราะซูตานหงไม่ต้องการเลี้ยงข้าวหล่อน ก่อนบอกให้หล่อนกลับมาให้ตรงเวลาในตอนบ่าย 2
เธอจ่ายค่าจ้างให้จี้มู่ตาน แน่นอนว่าเธอเข้มงวดกับจี้มู่ตาน หลังรู้จักจี้มู่ตานมาเป็น 10 ปี ซูตานหงรู้ว่าหากเธอใจดีกับอีกฝ่าย เจ้าหล่อนจะยิ่งได้ใจ หากเธอยอมทน อีกฝ่ายคงไม่รู้จักพอ
ซูตานหงจึงไม่คิดเกรงใจหล่อน
จี้มู่ตานเอาสตรอเบอร์รี่แช่อิ่มกลับไป โดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ซึ่งควรเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
หลังจากเธอกลับไป ซูตานหงจึงเริ่มทำอาหาร
กลิ่นหอมหวานตลบอบอวลเต็มห้องครัว ซึ่งส่งกลิ่นหวานมากทีเดียว
หยวนหยวนกลับมาอยู่ที่นี่หลังช่วงปีใหม่ เธอตามเสียงเสียงลงมาจากสวน และจมูกของเธอก็ได้กลิ่นเช่นกัน แต่ไม่ได้ร้องขอกินสตรอเบอร์รี่แช่อิ่มอย่างที่เสียงเสียงทำ
“เดี๋ยวหลังจากกินเกี๊ยวแล้วจะให้กินคนละชิ้น ตอนนี้ถ้างอแงจะอดกินนะลูก” ซูตานหงบอก
เสียงเสียงเริ่มต่อรอง โดยขอกิน 2 ชิ้น!
“ให้ได้แค่ชิ้นเดียวจ้ะ” ซูตานหงยืนกรานปฏิเสธข้อเรียกร้องของเขา
ก่อนจะสั่งให้เด็ก ๆ นำชามไปวางขณะที่นำเกี๊ยวลงเท
พ้นปีใหม่นี้มา เขาอายุได้ 4 ขวบแล้ว ยิ่งซนมากขึ้นทุกที เอาแต่วิ่งเล่นทั้งวัน จนไม่รู้จะห้ามปรามอย่างไร!
เสียงเสียงบอก “ผมอยากได้ค่าเก็บชามครับ!”
“อย่างนั้นแม่เก็บค่าอาหารบ้างดีไหม?” ซูตานหงถาม
“ป้าสะใภ้สาม หนูทำเองค่ะ” หยวนหยวนว่าขึ้น เธอเริ่มเก็บชาม ซูตานหงจึงออกปากสั่ง “ไปช่วยน้องสิ”
เสียงเสียงทำได้เพียงไปช่วย
ตอนนี้ซูตานหงไม่ค่อยได้ใช้เตาฟืนแล้ว เธอใช้เตาแก๊สได้คล่อง มันเร็วกว่า และยังสะดวกในการทำเกี๊ยวด้วย
เธอเตรียมกินเกี๊ยวเนื้อใส่ขึ้นฉ่าย ห่อแป้งบางพร้อมไส้แน่น ๆ สำหรับแต่ละคน ก่อนนำไปแช่ในตู้เย็น หลังมื้อเช้าก็สามารถนำออกมาต้มกินได้ทันที
ไม่นานเมื่อเหรินเหรินกับฉีฉีกลับมา พวกเขาจึงเริ่มกินอาหาร
พวกเขากินเกี๊ยวกันคนละชาม คนเล็กกินน้อยกว่า ส่วนคนโตกินมากหน่อย จี้เจี้ยนอวิ๋นกินเยอะที่สุด เขาชอบเกี๊ยวฝีมือภรรยามากทีเดียว มันหอมอร่อยมาก!
หลังจากกินเกี๊ยวเสร็จ เสียงเสียงก็อยากกินสตรอเบอร์รี่แช่อิ่ม ซูตานหงชี้นาฬิกาบนผนัง และบอกให้เขารอกินในอีกครึ่งชั่วโมง
เสียงเสียงทำอะไรไม่ได้ ด้วยรู้ว่าไม่มีประโยชน์ แม่ของเขาไม่ยอมให้กินอย่างแน่นอน เขาจึงสงบลง ก่อนไปดูดอกไม้ที่สวนหลังบ้าน และเด็ดดอกกุหลาบพันปีส่งให้หยวนหยวน
หยวนหยวนตกใจ “พี่ ทำไมถึงเด็ดดอกไม้ของคุณป้าสะใภ้สามล่ะคะ?”
“ไม่เป็นไรหรอก ในสวนยังมีอีกตั้งเยอะ อันนี้ให้เธอ” เสียงเสียงบอกอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขอบคุณอ.หนานฟางฯ ค่ะที่มีเรื่องของตานหงมาคั่นเรื่องของนางสองอวิ๋นสักที เห็นคอมเมนต์ตอนที่แล้ว ผู้แปลก็อยากจะบอกว่านี่ก็หมั่นไส้นังสองอวิ๋นเหมือนกันค่ะ ภาวนาว่าเมื่อไหร่จะจบพาร์ทของนางหนอ ปวดหัวมานานแล้วหนอ
ส่วนตอนนี้สะใภ้ใหญ่สะใภ้รองคงไม่กล้าหือกับตานหงไปอีกนานเลยค่ะ น่าจะเข็ดแรง
เสียงเสียงไปเด็ดดอกไม้ของแม่ทำไม ซนจริง ๆ เลย ๕๕๕ ถ้าเป็นดอกไม้แพง ๆ นี่ แม่ใจสลายแล้วนะ
ไหหม่า(海馬)