ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 382 ชีวิตสมรส
ตอนที่ 382 ชีวิตสมรส
หลี่จื้อมาทุกสัปดาห์ ก่อนหน้านี้เขาพาเหอเชี่ยนมาด้วย แต่ตอนนี้เหอเชี่ยนกําลังตั้งครรภ์ ดังนั้นครั้งนี้จึงไม่ได้มา และดูแลตัวเองอยู่ที่บ้าน
ตอนนั้นยังเป็นช่วงสามเดือนแรกอยู่ ปกติวันธรรมดาค่อนข้างยุ่งมากพอแล้ว จึงกลับมาบ้านเกิดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
เนื่องจากผู้อำนวยการเหอใกล้จะได้เป็นคุณตาแล้ว เขาจึงดีใจมาก อยากจะให้ลูกสาวลาออกจากงานและตั้งใจเลี้ยงลูก
อย่างไรก็ตามเหอเชี่ยนไม่เห็นด้วย และอีกไม่กี่เดือนหล่อนก็ปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว ปิดเทอมฤดูร้อนเป็นเวลา 2 เดือน อย่างไรก็ตาม เมื่อรอวันที่ 1 กันยายน หล่อนอาจจะลาพักร้อนและหยุดงานชั่วคราว
แต่หล่อนไม่กังวลว่าตําแหน่งของเธอจะถูกแทนที่ เนื่องจากตนเองเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และครูสอนภาษาอังกฤษเป็นอาชีพที่หายาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่หล่อนจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยด้านสาขาภาษาอังกฤษ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
อันที่จริงแล้วตามความเห็นของผู้อำนวยการเหอ การสอนไม่ใช่งานที่ดี เขาขอให้ลูกสาวกลับไปที่โรงงานในฐานะผู้นำและเป็นหัวหน้าคนงานในโรงงาน แต่เหอเชี่ยนกลับไม่ชอบใจ
ถึงอย่างไรตนก็ยังมีน้องชายอยู่ แม้ตอนนี้จะเรียนอยู่ระดับมหาวิทยาลัย แต่ต่อไปจะต้องกลับมารับช่วงธุรกิจต่อจากตระกูลอย่างแน่นอน จึงไม่มีเหตุผลใดที่หล่อนจะต้องออกจากงานโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้หล่อนเองก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์เหล่านี้มากนัก หล่อนสอนหนังสือได้ดีมาก และงานก็มั่นคง แถมหล่อนยังรักอาชีพนี้ด้วย ถึงแม้จะยุ่งมาก แต่ก็มีตารางการทำงานและเวลาพักผ่อนเดียวกันกับหลี่จื้อ จึงไม่เคยกังวลว่าจะไม่ได้พูดคุยกัน
อีกอย่างช่วงที่ยุ่งก็มีเพียงตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หลี่จื้อจะกลับไปดูลูกสาวของเขา นอกจากนั้นก็อยู่กับหล่อน
อันที่จริงเหอเชี่ยนดูค่อนข้างเปิดกว้าง เพราะวันจันทร์ถึงวันศุกร์เขาอยู่กับหล่อนมาตลอด การกลับมาหาลูกสาวในวันหยุดสุดสัปดาห์จึงเป็นเรื่องปกติ
ชีวิตสมรสที่สวยงามสามารถทําให้ผู้หญิงกลายเป็นคนสุภาพและอ่อนโยนหลังจากแต่งงานได้ ซึ่งเหอเชี่ยนก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน
ก่อนแต่งงาน หลี่จื้อบอกกับหล่อนว่าตราบใดที่หล่อนไม่ทำให้เขาผิดหวัง เขาจะทำให้หล่อนมีความสุขได้อย่างแน่นอน และหลังแต่งงานเขาก็ทำอย่างที่พูด
ผู้ชายคนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ เขารับผิดชอบลูกศิษย์อย่างจริงจัง และเอาใจใส่ดูแลครอบครัว ยิ่งตอนนี้หล่อนตั้งครรภ์ หลี่จื้อยิ่งใส่ใจหล่อนเป็นอย่างมาก
เนื่องจากหลี่จื้อแต่งงานเป็นครั้งที่ 2 ดังนั้นจึงสามารถให้กำเนิดลูกอีกคนได้ โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ
หลี่จื้อมีลูกสาวคนหนึ่งแล้ว เหอเชี่ยนจึงอยากให้กำเนิดลูกชายแก่เขา หลังจากเข้าใจความหมายของหล่อน หลี่จื้อก็บอกว่าไม่ว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชายเขาก็ชอบทั้งนั้น
ยุคสมัยใหม่ไม่จำเป็นต้องกังวลมาก หากมีการศึกษาที่ดี จะลูกสาวหรือลูกชายก็เหมือนกันทั้งนั้น หากไม่มีการศึกษาที่ดีแล้ว ต่อให้มีลูกชายเป็นฝูงก็ไร้ประโยชน์
เหอเชี่ยนจะไม่ซาบซึ้งใจได้อย่างไร?
แม้ว่าตอนนี้จะสนับสนุนความเท่าเทียมระหว่างชายและหญิง แต่ในความเป็นจริงปิตาธิปไตยเป็นแนวคิดที่หยั่งรากลึก และมีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่ไม่สนใจเรื่องนี้
ทว่าหลี่จื้อไม่สนใจจริง ๆ ดูจากทัศนคติที่เขามีต่อหยวนหยวนก็จะรู้ได้ทันที
นอกจากนี้ เมื่อหลี่จื้อกลับมาครั้งนี้ เขาก็รู้สึกทึ่งเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพวาดฝีมือของลูกสาว และพูดด้วยความประหลาดใจ “นี่เป็นภาพวาดของหยวนหยวนเหรอ?”
“ค่ะ ภาพวาดของหนูเอง หนูเรียนรู้มาจากปู่บุญธรรมค่ะ ปู่บุญธรรมสอนหนูเยอะแยะเลย!” หยวนหยวนเห็นท่าทางประหลาดใจของพ่อ จึงรู้สึกพอใจเล็กน้อยและพูดขึ้น
แน่นอน หลี่จื้อย่อมรู้ว่าปู่บุญธรรมที่ลูกสาวเอ่ยปากถึงนั้นมาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง!
“ปู่บุญธรรมของเหรินเหรินเห็นภาพวาดของหยวนหยวนแล้วรู้สึกว่าหยวนหยวนเป็นจิตรกรที่ดี ท่านผู้เฒ่าเขาก็มีฝีมือแบบนี้ จึงคิดว่าจะสอนหยวนหยวนสักหน่อย แต่จะไม่กดดันเธอในเรื่องนี้ นายวางใจได้” ซูตานหงกล่าว
“พี่สะใภ้สามเข้าใจผิดแล้ว ที่คุณลุงจางยินดีสอนหยวนหยวน นั่นเป็นวาสนาของหยวนหยวนแล้วครับ” หลี่จื้อกล่าวอย่างรวดเร็ว แล้วพูดกับลูกสาวของเขา “หยวนหยวนวาดภาพได้สวยมาก อนาคตลูกไปเรียนกับคุณปู่ดีไหม?”
“ดีค่ะ” หยวนหยวนพยักหน้าอย่างจริงจัง
หลี่จื้อกลับมาที่นี่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น เพราะตอนนี้เหอเชี่ยนกำลังตั้งครรภ์ เขาจึงต้องอยู่เป็นเพื่อน ดังนั้นวันนี้เขาจึงให้หยวนหยวนพักผ่อน พาลูกสาวไปเที่ยวรอบ ๆ และซื้อสมุดวาดรูปกับพู่กันระบายสีกลับมา
ด้วยรู้ว่าเสียงเสียงและคนอื่น ๆ วาดภาพไม่เป็น ดังนั้นจึงไม่ได้ซื้อให้ และหันไปซื้อหมึกอย่างดีๆ 1 ขวดกับแบบคัดอักษร 2 แบบให้เหรินเหรินแทน
เขารู้ว่าการเขียนพู่กันของเหรินเหรินนั้นยอดเยี่ยม ครั้งล่าสุดที่เขียนต่อหน้าเขานั้นเขียนได้ดีมาก จากนี้อีกไม่นาน จะต้องกลายเป็นปรมาจารย์อย่างแน่นอน
หลี่จื้อก็ชื่นชมวิธีสอนของเหล่าจางเช่นกัน ดังนั้นเมื่อพาหยวนหยวนกลับมาในตอนเย็น เขาจึงกล่าวขอบคุณเหล่าจาง
เหล่าจางแสดงท่าทางไม่สนใจ เขาเองก็อยู่ว่าง ๆ ส่วนหนูน้อยคนนี้เป็นหลานสาวของเจี้ยนอวิ๋น เขาจึงถือโอกาสแสดงฝีมือเท่านั้น
ไม่เพียงแค่หลี่จื้อที่รู้สึกขอบคุณการกระทำของเหล่าจาง แม้แต่คุณแม่จี้ก็ดีใจมากเมื่อได้รู้เรื่องนี้
หยวนหยวนเป็นลูกสาวของจี้อวิ๋นอวิ๋น เป็นหลานสาวแท้ ๆ ของนาง นางที่เป็นคุณยายจะไม่รักหลานสาวได้อย่างไร?
เหล่าจางเต็มใจที่จะฝึกหยวนหยวน คุณแม่จี้จึงดีใจมาก และรู้สึกว่าตาเฒ่าจางคนนี้ไม่ได้มาที่นี่เพื่อกินข้าวโดยเปล่าประโยชน์
ดังนั้นจึงยอมแสดงสีหน้าที่ดีให้เล็กน้อย ทว่าเหล่าจางเป็นคนอย่างไร เขาไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย หากมาแรก ๆ เขาอาจจะอ่อนไหวเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาคุ้นเคยกับมันแล้ว และทุกคนในหมู่บ้านก็มาเชิญเขาให้มาร่วมงานด้วย
อีกทั้งยังเป็นที่เคารพนับถืออย่างมากในหมู่บ้าน ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ แม้แต่ผู้ใหญ่บ้าน บางครั้งยังนำใบชาชั้นดีไปหาที่สวนผลไม้เพื่อดื่มชา เล่นหมากรุกและคุยเล่นกัน รวมถึงขอคำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ในบางครั้ง
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือทัศนคติของจี้เจี้ยนอวิ๋นและซูตานหง ทัศนคติของพวกเขาทําให้เหล่าจางรู้สึกว่าการที่เขาอยู่ที่นี่ไปทั้งชีวิตก็ไม่มีปัญหาอะไร
ดังนั้นแค่คุณแม่จี้คนเดียวจะทําอะไรได้ และเขาก็ไม่สนใจด้วย
นอกจากนี้คุณแม่จี้ก็เป็นเพียงผู้หญิงบ้านนอกทั่วๆ ไป การถือสากับนางช่างเป็นการลดคุณค่าในตัวลงไปมาก
เมื่อหลี่จื้อกลับไป ซูตานหงยังบอกให้เขาเอาไข่ไก่และเชอร์รี่กลับไปด้วย หลี่จื้อจึงไม่เกรงใจและหิ้วมันกลับไป
หยวนหยวนอารมณ์ดีมาก วันนี้พ่อของเธอซื้อพู่กันระบายสีให้เธอมากมาย เธอจึงให้ฉีฉีกับเสียงเสียงคนละ 2 อัน
ฉีฉีไม่ต้องการ เพราะเขาวาดรูปไม่เป็น
เสียงเสียงไม่เกรงใจแล้ว ไม่เพียงแต่ต้องการพู่กันระบายสี แต่ยังต้องมีสมุดภาพด้วย หยวนหยวนก็ไม่สนใจ เธอกับเสียงเสียงมีความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด อย่างไรเสียอายุก็ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะเสียงเสียงยังพาเธอไปเที่ยวเล่นด้วย
เมื่อหลี่จื้อกลับมาถึงบ้าน เหอเชี่ยนยังไม่กลับมา ทั้งคู่มีนัดกินข้าวที่บ้านคืนนี้ ดังนั้นหลี่จื้อจึงเริ่มทําอาหารก่อน
หลังจากทำอาหารเสร็จไปได้ครึ่งทาง เหอเชี่ยนก็กลับมา
“ฉันเดาว่าเวลานี้คุณน่าจะกลับมาแล้ว ทำไมไม่พาหยวนหยวนกลับมาด้วยล่ะคะ?” เหอเชี่ยนถามเมื่อเห็นว่าหยวนหยวนไม่อยู่
“ตอนนี้หยวนหยวนกำลังเรียนวาดภาพอยู่ที่นั่น ดูมีความสุขดี ผมถามเธอแล้วแต่เธอก็ไม่อยากครับ” หลี่จื้อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
การแต่งงานที่ดีไม่เพียงแต่ทําให้ผู้หญิงดีขึ้น ทว่ายังช่วยให้ผู้ชายยิ้มได้ดั่งสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ
หลี่จื้อรู้สึกพอใจกับเหอเชี่ยนอย่างเห็นได้ชัด
“เรียนกับใครเหรอคะ?” เหอเชี่ยนถาม
เมื่อหลี่จื้ออธิบาย เหอเชี่ยนก็รู้สึกพอใจมาก “นั่นไม่เลวเลย ถ้าหยวนหยวนมีความตั้งใจที่จะพัฒนาเรื่องนี้ ในอนาคตก็ให้เธอไปเรียนเถอะค่ะ!”
“อืม เมื่อเธอโตขึ้น ค่อยให้เธอตัดสินใจด้วยตัวเองน่ะครับ” หลี่จื้อพยักหน้า
“เชอร์รี่นี่เอามาจากพี่สะใภ้ตานหงเหรอคะ?” เหอเชี่ยนหันไปดูเชอร์รี่บนโต๊ะ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เห็นหลี่จื้อมีชีวิตคู่ที่ดีแล้วก็รู้สึกดีใจแทนค่ะ คนดี ๆ แบบนี้สมควรได้รับชีวิตดี ๆ แบบนี้ตั้งนานแล้ว
ไหหม่า(海馬)