ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 384 อยากได้เสื้อนวมตัวน้อย
ตอนที่ 384 อยากได้เสื้อนวมตัวน้อย
อีกอย่างคือตอนนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นยังไม่มีเงินสร้างตึกเลย
ต้องรู้ก่อนว่า แม้แต่จี้เจี้ยนเยี่ยก็ยังสามารถลุกขึ้นมาตั้งหลักได้แล้ว ทว่าตอนนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นยังไม่สามารถตั้งตัวได้ ที่บ้านยังอยู่ไม่ได้ แม้แต่เหรินเหรินกับฉีฉียังต้องไปนอนบนภูเขา
ในหมู่บ้านจึงมีการเปรียบเทียบกันเกิดขึ้นจริง
เรื่องแบบนี้ย่อมเกิดขึ้นตราบใดที่มีคนอยู่
อย่างเช่นจี้มู่ตานเป็นต้น ไม่ใช่เพราะพวกเขาสร้างตึกขึ้นมาใหม่หรอกหรือตัวคนถึงดูกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ? หล่อนถึงเชิดหน้าชูคอได้ตรงกว่าใคร ราวกับว่าเป็นการชดเชยที่ก่อนหน้านี้มีลูกสาว 2 คน และไม่มีลูกชาย
ตอนที่ทุกคนเพิ่งเข้ามายังตระกูลจี้เป็นครั้งแรกในฐานะสะใภ้ของตระกูลจี้ ซึ่งตอนนั้นซูตานหงก็เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน ในบรรดาลูกสะใภ้หลายคน เฝิงฟางฟางสะใภ้ใหญ่นับเป็นผู้ที่มีความมั่นใจมากที่สุด
เพราะในเวลานั้นหล่อนเป็นคนเดียวที่ได้ให้กําเนิดหลานชายกับตระกูลจี้
ในขณะที่จี้มู่ตานมีลูกสาว 2 คน อวิ๋นลี่ลี่จากเมืองเจียงสุ่ยก็ให้กำเนิดลูกสาว 1 คน ส่วนซูตานหงในตอนนั้นยังไม่ได้วางไข่สักใบ
อาจกล่าวได้ว่าเฝิงฟางฟางในตอนนั้นได้เปรียบมากทีเดียว
ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ซูตานหงได้ให้กำเนิดหลานชาย 3 คนในคราวเดียว และตระกูลจี้ก็ไม่ได้ขาดแคลนหลานชายแล้ว ความได้เปรียบของเฝิงฟางฟางจึงหายไปทันที
การแข่งขันกันระหว่างผู้หญิงคืออะไรน่ะเหรอ?
ตอนยังไม่แต่งงานก็วัดกันว่าสภาพครอบครัวไหนดีกว่า ดูว่าใครได้แต่งตัวใส่ชุดสวย ๆ และได้กินอิ่มหนำสำราญมากกว่ากัน
แต่งงานแล้ว ยังต้องแข่งขันกันในเรื่องมีลูกชายให้สามี
การมีลูกชายไม่ใช่เรื่องได้เปรียบอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากทุกวันนี้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว หลายคนไม่สนใจว่าจะมีลูกชายหรือลูกสาว อีกทั้งลูกสาวหรือลูกชายใครจะดีนั้นจะได้รู้ในภายหลัง เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นถึงจะสามารถแข่งขันกันได้
นับเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานทีเดียว
ดังนั้นการแข่งสามีกันจึงกลายเป็นตัวเลือกแรก
เห็นได้ชัดว่าเมื่อเทียบกับจี้เจี้ยนกั๋วลูกชายคนโตแล้ว จี้เจี้ยนเยี่ยยังมีหัวคิดอยู่บ้าง
หลังจากได้ฟังคำพูดของจี้เจี้ยนอวิ๋น เขาก็เรียนรู้ที่จะขับรถและได้กลายเป็นคนขับรถ ตอนนี้เป็นคนงานอาวุโสแล้ว ตราบใดที่ยังขับรถได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการทำงาน
บวกกับความขยันหมั่นเพียรของหล่อน จนทำให้ตอนนี้พวกเขามีบ้านสองชั้นอยู่แล้ว น่าประทับใจขนาดไหนล่ะ?
เฝิงฟางฟางที่ก่อนหน้านี้เคยกดหัวหล่อนเอาไว้ ตอนนี้ก็เทียบกับหล่อนไม่ได้แล้ว อย่าว่าแต่เฝิงฟางฟางเลย แม้แต่อวิ๋นลี่ลี่ที่อยู่เมืองเจียงสุ่ย จี้มู่ตานก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา
ทำไมน่ะเหรอ? เพราะอวิ๋นลี่ลี่ยังเป็นหนี้ซูตานหงอยู่ตั้งมากขนาดนั้น! ที่สำคัญยังถูกจี้อวิ๋นอวิ๋นทำให้ต้องตกงาน
มีเพียงซูตานหงเท่านั้นที่ยังคงเจริญรุ่งเรืองตลอดทั้งปี ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าซูตานหง จี้มู่ตานจึงไม่กล้าทําตัวโอหังอีกต่อไป
เพราะโดยพื้นฐานแล้ว หล่อนไม่สามารถเปรียบเทียบกับซูตานหงได้เลย
ลูกชายก็สู้ไม่ได้ สามีก็สู้ไม่ได้ แม้แต่ตัวหล่อนเองยังสู้กับซูตานหงไม่ได้ ดังนั้นหล่อนจึงไม่กล้าอวดดีกับซูตานหง
สถานการณ์การเปรียบเทียบนี้เป็นเรื่องระหว่างภรรยาของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นที่กล่าวถึงในภายนอกมากขึ้น
ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นนั้นไม่ได้นึกแข่งขันกับใคร แต่โดยทั่วไปแล้ว ในบ้านก็มีทุกอย่างที่ควรมี เช่น พัดลมไฟฟ้า เครื่องซักผ้า โทรทัศน์ ตู้เย็น และเตาแก๊ส ยังมีอะไรขาดอีกหรือ?
ข้างนอกยังมีรถสามล้อ จักรยาน รถบรรทุก ใครจะสามารถเปรียบเทียบกับเขาได้?
ตัวซูตานหงเองก็ไม่ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น
เถ้าแก่เนี้ยคนอื่นจัดแต่งทรงผม ถือกระเป๋าสีสันฉูดฉาด สวมสร้อยทองเส้นใหญ่ที่คอ ทั้งยังสวมแหวนทองไว้ที่นิ้วมือ
ทว่าตัวเธอนั้นค่อนข้างดูจืดชืด มีเพียงสร้อยคอทองคำเส้นบาง ๆ ที่คอของเธอแค่เส้นเดียว เทียบกับเถ้าแก่เนี้ยคนอื่น ๆ ที่สวม 5 ถึง 6 เส้น บนข้อมือก็มีเพียงกำไลหยกเท่านั้น ไม่มีกำไลทองคำมาสวมใส่ แม้แต่ติ่งหูก็ใช้ก้านชา 2 ก้านมาอุดไว้ ไม่มีแม้แต่ต่างหู
ดังนั้นจึงมองไม่ออกจริง ๆ ว่าในครอบครัวมีเงินเท่าใด
ทว่าคนในหมู่บ้านก็ยังซุบซิบกัน
ตอนนี้ราคาสินค้าหลายอย่างก็ได้เพิ่มขึ้นมาก และจี้เจี้ยนอวิ๋นต้องขนส่งสินค้าออกไปเป็นจำนวนมากในทุกวัน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องทำเงินได้มากมาย
แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นจำนวนเท่าใด
เวลาล่วงเลยมาจนถึงต้นเดือนมิถุนายนแล้ว เดือนที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงทำงานจนดึกถึงต้นเดือนมิถุนายน เพื่อนำบัญชีของเดือนพฤษภาคมออกมาสรุปและคำนวณ
เสียงเสียงกับหยวนหยวนที่อยู่ห้องข้าง ๆ ต่างก็นอนหลับไปแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ทุ่ม จี้เจี้ยนอวิ๋นเริ่มคำนวณบัญชีตั้งแต่ 3 ทุ่มแต่ก็ยังไม่เสร็จ
ซูตานหงกำลังหาวอยู่บนเตียงเช่นกัน ตอนนี้ดึกมากแล้วจริง ๆ ครอบครัวของเธอพักผ่อนกันแต่หัวค่ำเป็นประจำ ปกติพอถึง 3 ทุ่มก็มักจะไล่เด็ก ๆ ให้เข้านอนแล้ว
แต่เธอก็ยังอยากอยู่เป็นเพื่อนจี้เจี้ยนอวิ๋น
จี้เจี้ยนอวิ๋นที่จัดการบัญชีอยู่ในห้องนั่งเล่นคิดว่าภรรยาของเขาเข้านอนแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะยังไม่นอน
“ภรรยา ยังไม่นอนอีกเหรอครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินเข้ามา
ซูตานหงพูด “กิจการเดือนที่แล้วเป็นยังไงบ้างคะ?”
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มและบอกจำนวน ซูตานหงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมเยอะขนาดนี้ล่ะคะ?”
“ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ครับ ตอนนี้ชื่อเสียงผลไม้ของครอบครัวเราถือว่าขายได้ แถมยังเป็นเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้มือหนึ่ง ไม่มีใครได้ส่วนต่าง ทั้งหมดต่างก็ฟังเสียงของเงินทั้งนั้น” จี้เจี้ยนอวิ๋นถอดเสื้อผ้าพลางพูดไปพลาง
ในฤดูร้อนอันอบอ้าว เขาถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่กางเกงขาสั้นตัวบางไว้ใส่นอน
ซูตานหงพูดขึ้น “รายได้ในเมืองเจียงสุ่ยเป็นยังไงบ้างคะ?”
ในเมืองเจียงสุ่ยมีร้านค้าถึง 3 ร้าน ทั้งหมดจ้างคนมาทำงาน แต่ละร้านมีคนดูแล 1 คน ซึ่งต่างก็เป็นคนในท้องถิ่น มีบ้านและที่พักอาศัย
“จะว่าไปแล้ว ไม่มีความแตกต่างในบัญชีมากนักหรอกครับ”จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
กิจการที่ดีที่สุดคือร้านค้า 2 แห่งในเมืองมหาวิทยาลัย ส่วนร้านในเมืองนี้และเมืองเจียงสุ่ย มีร้านค้าทั้งหมด 6 ร้าน ทว่าเทียบไม่ได้กับ 2 ร้านที่นั่น
เป็นเพราะในเมืองมหาวิทยาลัยนั้นมีกําลังซื้อมากกว่าในเมืองของพวกเขา
ซูตานหงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ปิดไฟ และขึ้นคร่อมบนร่างกายของเธอ
“ทำอะไรคะ ดึกขนาดนี้แล้ว” ซูตานหงกล่าว
“แค่ครั้งเดียวนะครับ เสร็จแล้วค่อยนอน” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
ครั้งนี้ใช้เวลาจนเกือบถึง 5 ทุ่ม ซูตานหงนั้นหมดแรงไปแล้ว ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
วันรุ่งขึ้นซูตานหงตื่นขึ้นในตอนสาย จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาทำอาหารเช้า
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่งานยุ่งมาก จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ว่าง เนื่องจากต้องออกไปตรวจดูรอบ ๆ ทุกวัน ดังนั้นเมื่อซูตานหงตื่นขึ้นมา คนอื่น ๆ ก็ออกไปหมดแล้ว
“แม่ครับ ผมจะพาน้องสาวขึ้นไปบนภูเขาแล้ว มีโจ๊กอยู่ในครัว แม่ไปกินเองได้เลยนะครับ”เสียงเสียงเห็นว่าเธอตื่นแล้ว จึงพูดออกมาทันทีด้วยดวงตาเป็นประกาย
เขารับคําสั่งจากพ่อของเขา ไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่รอให้แม่ตื่นขึ้นมา
“เข้าใจแล้ว” ซูตานหงโบกมือ เจ้าลูกชายไร้มโนธรรมของเธอจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป
“ป้าสะใภ้สามดื่มน้ำค่ะ” หยวนหยวนเทน้ำหนึ่งแก้วให้ซูตานหง
“ขอบใจจ้ะหยวนหยวน” ซูตานหงรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจ ดูสิ ลูกสาวบุญธรรมคนนี้ “ไปเล่นกับพี่ชายของหนูเถอะ”
ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นเด็ก แม้จะเชี่ยวชาญการวาดภาพ แต่ก็ยังต้องวิ่งเล่นอยู่ จะเอาแต่วาดภาพไม่ได้
ส่วนเจ้าเด็กคนนั้น ไม่แม้แต่จะกล่าวคำร่ำลา และพาหยวนหยวนเดินออกไปทันที
ซูตานหงลูบเอวของเธอ จี้เจี้ยนอวิ๋นแข็งแรงมาก ส่วนเธอเองก็สุขภาพดี แต่ทำไมถึงยังไม่ตั้งครรภ์? เธออยากได้ลูกสาวไว้คอยออดอ้อนกันได้ แบบนี้สิถึงจะเป็นเสื้อนวมตัวน้อย* ไหนเลยจะเหมือนกับเด็กผู้ชายพวกนี้?
*เป็นสำนวนที่คนจีนใช้เรียกลูกสาวที่ให้ความอบอุ่นใจกับพ่อแม่ว่าเหมือนเสื้อนวมที่ให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว ………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
นั่นน่ะสินะ เมื่อไหร่ลูกสาวจะมา พี่จี้ก็ออกจะแข็งแรงขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)