ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 395 เธอต้องเชื่อฉันนะ!
ตอนที่ 395 เธอต้องเชื่อฉันนะ!
ทว่าเธอไม่รู้เลยว่าในคืนนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นทุกข์ใจมาก วันต่อมาเขาจึงหาวิธีเพื่อที่จะทำให้เธอมีความสุข
ทั้งขี่ม้า ทั้งหาคนมาช่วยทำชิงช้าในสวนหลังบ้าน และสร้างศาลากันลมกันฝน ซึ่งถ้าฝนตกก็ยังเล่นชิงช้าในศาลาได้
นอกจากนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นยังไม่รู้ว่าจะหาต้นกล้าองุ่นได้ที่ไหน
ที่จริงแล้วมันไม่เหมาะที่จะลงกล้าในฤดูร้อนอันร้อนระอุแบบนี้ แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นเชื่อว่าภรรยาของเขาสามารถปลูกได้
“องุ่นเหรอ? องุ่นพวง ๆ แบบที่พ่อซื้อมาเมื่อปีก่อนหรือเปล่า อร่อยมากเลยครับ” ฉีฉีถามขึ้นมา
เมื่อปีที่แล้วจี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อองุ่นมาหนึ่งกล่อง ทั้งครอบครัวกินอย่างมีความสุขและชอบมันมาก
โดยเฉพาะเสียงเสียง ที่ตื่นเช้ามาก็จะกินองุ่นทันที
ในปีนี้เขาไม่ได้ซื้อมา เด็กชายก็ไม่ได้โวยวายแต่อย่างใด
แต่เมื่อพี่ชายของเขาพูดอย่างนั้น เสียงเสียงจึงนึกขึ้นได้ทันที และพูดขึ้น “พ่อครับ ทำไมปีนี้พ่อไม่ซื้อองุ่น?”
“เดี๋ยวพ่อจะไปซื้อมาให้นะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นทำได้เพียงตอบไป
อันที่จริงจี้เจี้ยนอวิ๋นลังเลที่จะซื้อมัน ปีที่แล้วเขาให้เด็ก ๆ เหล่านี้ได้ลิ้มรสหวาน ก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือที่ปีนี้พวกเขาจะอยากให้ซื้ออีก?
แต่องุ่นที่ส่งมาที่นี่นั้นแพงมากจริง ๆ ในกล่องมีองุ่นเพียงไม่กี่พวง แต่ราคาสูงถึง 30 หยวน
แท้จริงแล้วแถวนี้ยังไม่มีการปลูกองุ่น หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าองุ่นหน้าตาเป็นอย่างไร พวกมันจึงมีราคาแพงมาก
แต่ราคามันแพงเกินไป
ขนาดจี้เจี้ยนอวิ๋นมีเงินทองมากมาย เขาก็ยังไม่คิดหามากิน
“ให้แม่ของลูกปลูกต้นกล้าองุ่นเหล่านี้สิ ปีหน้าเราจะได้มีองุ่นไว้กินในบ้านของเราเอง เราจะกินเท่าไหร่ก็ได้เท่าที่เราต้องการ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
ซูตานหงชอบกินองุ่นเช่นกัน เหตุผลที่จี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อน้อยลงในปีที่แล้ว ไม่ใช่เพราะมันแพงและเขาลังเลที่จะใช้เงิน แต่เป็นเพราะเขาเพิ่งรู้แหล่งซื้อในภายหลัง ตอนนั้นเขาต้องการซื้อองุ่นกลับไปชิมที่บ้าน พอจะไปซื้ออีกมันก็หมดแล้ว
ซูตานหงนำน้ำพุวิเศษมารดต้นกล้าองุ่น ซึ่งจี้เจี้ยนอวิ๋นบอกว่าคงใช้เวลาหลายวัน ทว่ายังไม่ถึง 2 วันดี เขาก็เห็นว่าคนขายองุ่นมาแล้ว
คราวนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นไปซื้อกับคนขายโดยตรง องุ่นราคากล่องละ 30 หยวน ซึ่งเท่ากับราคาของปีที่แล้ว เขาซื้อองุ่นมาถึง 5 กล่อง
องุ่นถูกแบ่งขึ้นไปบนภูเขา 2 กล่อง เหล่าจางกับคุณพ่อจี้กินด้วยกัน ส่วนจวี้จื่อและจี้หงจวินก็ได้ลองกินเหมือนกัน
ส่วนที่เหลือจี้เจี้ยนอวิ๋นก็เก็บไว้ให้ครอบครัวกิน
พวกมันเป็นองุ่นลูกโต หวานอร่อยยิ่งนัก เด็ก ๆ หลายคนในครอบครัวชอบมากทีเดียว
“ต้นกล้าองุ่นที่ปลูกในสวนหลังบ้านของเราเป็นองุ่นพันธุ์นี้ด้วย น่าจะออกผลได้ในปีหน้า เมื่อถึงเวลานั้น สวนหลังบ้านก็จะเต็มไปด้วยพวงองุ่นเลยล่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
เสียงเสียงเจ้าเด็กคนนี้นึกถึงฉากแบบนั้นอย่างมีความสุข เขามีความสุขมากจนอยากให้เทศกาลปีใหม่มาถึงเสียเดี๋ยวนี้!
เป็นโอกาสนาน ๆ ทีที่จะมีของที่ไม่มีในบ้าน แม้บนภูเขาจะมีผลไม้มากมายหลากหลายชนิดไว้ให้กิน แต่เด็กคนนี้ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย สำหรับองุ่นแล้ว เขามองว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าทีเดียว
หยวนหยวนมีความสุขตามไปด้วย เธอเด็ดลูกองุ่น ก่อนลิ้มรสด้วยการกัดเข้าปากเล็ก ๆ ของเธอ ดื่มด่ำกับมัน จนรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเล็ก ๆ
เมื่อเห็นว่าทุกคนชอบมันมาก ซูตานหงจึงดูแลต้นกล้าองุ่นสองสามต้นเป็นอย่างดี พวกมันเติบโตเร็วมาก ในเวลาเพียงไม่กี่วัน พวกมันก็หยั่งรากและเติบโตในระยะเวลาอันสั้น
ผลของน้ำพุวิเศษที่มีต่อสัตว์และพืชนั้นไม่ธรรมดา เพราะพวกมันล้วนอยู่รอดทั้งหมด ซูตานหงจึงปล่อยให้เด็ก ๆ ดูแลมันต่อ
2 วันรดน้ำครั้งหนึ่งถือว่ากำลังดี ไม่ต้องไปดูแลมันบ่อยมากนัก มันสามารถเติบโตแข็งแรงได้ด้วยตัวเอง
แต่ซูตานหงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจี้เจี้ยนอวิ๋น ทำไมเขาถึงกังวลเรื่องครอบครัวมากนัก? แถมเขายังทำชิงช้าให้เธอด้วย
แม้ว่ามันจะดูน่าสนใจ ทว่าแล้วอย่างไรต่อล่ะ? ซูตานหงเล่นไปได้ไม่กี่ครั้ง ก็โดนเด็ก ๆ ยึดไปเล่นเสียแล้ว
ในวันนี้เองเฝิงฟางฟางได้มาหาเธอ ซูตานหงจึงสั่งให้ฉีฉีเอามะเดื่อไปให้หนึ่งถุง ผลไม้นั้นอร่อย หล่อนจึงเข้ามาแสดงความขอบคุณ
แล้วก็พูดถึงเรื่องราวของจี้อวิ๋นอวิ๋น
“ถูกต้องแล้วที่น้องสามไม่สนใจเรื่องนี้ สิ่งที่ฉันเห็นในตอนแรกคือจี้อวิ๋นอวิ๋นเองก็เต็มใจ ข่มเหงตรงไหนกัน? ตอนนี้พี่สะใภ้ใหญ่ของลี่ลี่ก็รู้เรื่องนี้แล้ว สมแล้วที่มีปัญหา” เฝิงฟางฟางกล่าว
ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยแววดูหมิ่น
เธอคิดว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นและอวิ๋นต้าไห่น่าจะแยกย้ายกันไปนานแล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องน่าละอายแบบนั้นไม่อาจทำเป็นเรื่องใหญ่โตได้ ตอนนั้นทั้งสองคนอาจจะเปลี่ยวเหงา จากนั้นคงได้แต่อยู่ทางใครทางมัน
นึกไม่ถึงว่าทั้งคู่ยังหวนมาเจอกันได้อีก ไม่อย่างนั้นพี่สะใภ้ใหญ๋อวิ๋นคงจะไม่รู้เรื่องพวกเขา
“พี่รู้มาตั้งนานแล้วเหรอคะ?” ซูตานหงเอ่ยถามอย่างสงสัย
ไม่ต้องพูดถึงเฝิงฟางฟางเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ แม้กระทั่งจี้เจี้ยนกั๋วกับจี้เจี้ยนเยี่ยสองพี่น้องยังไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขารู้แค่ว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นมีเสี่ยเลี้ยงอยู่คนหนึ่ง และไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตอนที่จี้เจี้ยนเหวินโทรมา ก็พูดคุยกับแค่จี้เจี้ยนอวิ๋นเท่านั้น
แต่เมื่อฟังจากน้ำเสียงของเฝิงฟางฟาง เห็นได้ชัดว่าหล่อนเป็นคนวงใน
“ทำไมพี่จะไม่รู้ พี่เนี่ยเห็นมากับตา ครั้งแรกคือเห็นอวิ๋นต้าไห่ในห้องของจี้อวิ๋นอวิ๋น และครั้งที่สองก็เห็นจี้อวิ๋นอวิ๋นเดินออกมาจากห้องของอวิ๋นต้าไห่ พี่ลุกขึ้นไปห้องน้ำในตอนกลางคืนก็เลยเห็นเข้า” เฝิงฟางฟางกล่าว
เพียงแต่จี้อวิ๋นอวิ๋นกับอวิ๋นต้าไห่ไม่รู้เท่านั้น ว่าหล่อนแอบอยู่ในห้อง
หล่อนเพียงไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ไม่น่าอภิรมย์นัก อีกทั้งยังร่วมมือกับจี้อวิ๋นอวิ๋นในการทำธุรกิจที่กำลังเฟื่องฟูในตอนนั้น แม้หล่อนจะรู้ว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นกำลังพัวพันกับอวิ๋นต้าไห่ หล่อนก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
เพราะยังต้องพึ่งพาจี้อวิ๋นอวิ๋นในการหาเงิน
ตอนนี้ทุกคนต่างแยกย้ายไปตามทางของตน ดังนั้นเฝิงฟางฟางจึงไม่คิดเกรงใจเป็นธรรมดา
“พี่สะใภ้ใหญ่ต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ให้ดีนะคะ แม้ว่าหล่อนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเราอีกต่อไป แต่มันคงไม่ดีนักถ้าเรื่องในบ้านของเราหลุดออกไปให้ทุกคนรู้!” ซูตานหงกล่าว
“พี่จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ พี่ก็พูดกับเธอแค่คนเดียว เธอคิดว่ากลับมาแล้วฉันจะไปพูดเรื่องนี้กับใครได้อีก?” เฝิงฟางฟางเอ่ย
อันที่จริงหากเรื่องของจี้อวิ๋นอวิ๋นไม่แดงออกมา หล่อนเองก็ไม่คิดจะพูดออกมาอยู่แล้ว คงจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อไป
มีเพียงความคิดจินตนาการว่าสวยหรู แต่ความเป็นจริงกลับเน่าเฟะ
แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด ที่ข่าวของจี้อวิ๋นอวิ๋นแพร่พรายออกไปทั่วหมู่บ้าน
หลังจากที่ซูตานหงได้ยินข่าวลือเหล่านี้ ใบหน้าของเธอก็พลันบึ้งตึง เธอเรียกเฝิงฟางฟางไปหาทันที
เฝิงฟางฟางเพิ่งรู้ว่าเรื่องของจี้อวิ๋นอวิ๋นถูกกระจายออกไปแล้ว เมื่อเห็นซูตานหง หล่อนจึงรีบแก้ตัวทันที “ตานหง เธอต้องเชื่อพี่ เรื่องนี้พี่ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ นอกจากเธอแล้ว พี่ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครเลยสักคำเดียว เธอต้องเชื่อฉันนะ!”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เสียงเสียงเจอผลไม้โปรดแล้ว ถ้าองุ่นออกลูกเมื่อไหร่คงกินพุงกางเลยสินะคะ
ใครเป็นคนปล่อยข่าวกันนะ ใช่เธอหรือเปล่าเฝิงฟางฟาง
ไหหม่า(海馬)