ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 396 คุณพ่อจี้เป็นลม
ตอนที่ 396 คุณพ่อจี้เป็นลม
“พี่จะให้ฉันเชื่อพี่ได้ยังไงคะ เรื่องนี้มีเพียงแต่เจี้ยนอวิ๋นกับฉันที่รู้เรื่อง แล้วก็มีพี่อีกคนที่รู้ ขนาดคุณพ่อยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ!” ซูตานหงเอ่ยด้วยน้ำเสี ยงเยือกเย็น
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ซูตานหงมีสีหน้าบึ้งตึงเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงเฝิงฟางฟางเลย หล่อนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“ตานหง พี่ไม่ได้ปากพล่อยจริง ๆ นะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่!” เฝิงฟางฟางเอ่ยละล่ำละลัก
“พอเถอะค่ะ พี่กลับไปก่อนเถอะ!” ซูตานหงเอ่ยไล่หล่อนอย่างเหลืออด
เฝิงฟางฟางทำได้เพียงกลับไปก่อน และเริ่มคิดถึงแหล่งที่มาของเรื่อง ใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องนี้และรู้เรื่องได้อย่างไรกัน
หล่อนไม่สงสัยว่าซูตานหงเป็นคนทำเพื่อจับตัวคนร้ายแน่นอน ทุกคนรู้ดีว่าซูตานหงเป็นคนแบบไหน เธอต้องเป็นคนที่หวังจะปิดข่าวเรื่องนี้ไม่ให้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างแน่ นอน
เพราะเธอยังมีลูกชายอีก 3 คนอาศัยอยู่ที่นี่ เธอจะยอมให้เรื่องพวกนี้มาระคายหูลูกได้อย่างไร?
ผ่านไปไม่นาน เฝิงฟางฟางก็รู้ว่าเป็นใคร
เป็นภรรยาของน้องชายผู้ใหญ่บ้านที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้!
ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าคุณแม่จี้มาที่บ้านของจี้เจี้ยนอวิ๋นเพื่อระบายโทสะลงกับซูตานหงหรือ แล้วนางก็ก่นด่าไม่หยุดด้วย ในตอนนั้นทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่น้องชายผู้ใหญ่ บ้านผู้เคยไปทำงานที่เมืองเจียงสุ่ยไม่รู้ว่าไปฟังเรื่องนี้จากใครมากลับได้ยินเรื่องนี้เข้าพอดี
ในตอนนั้นเขาถึงกับตกตะลึง หลังจากกลับมาแล้ว เขาก็เล่าเรื่องซุบซิบนี้ให้ภรรยาฟัง แต่ไม่ได้ต้องการให้หล่อนใส่ใจและแพร่งพรายข่าวนี้ออกไปสักนิด
ทว่าตอนนี้คนในหมู่บ้านรู้เรื่องกันหมดแล้ว
ผู้ใหญ่บ้านโกรธเป็นอย่างมาก เดินไปถึงบ้านของสองสามีภรรยาแล้วเอ่ยปากด่าชุดใหญ่ ก่อนให้ทั้งสองคนไปขอโทษบ้านตระกูลจี้
“พูดกันไปขนาดนี้แล้ว ไปขอโทษมันจะมีประโยชน์อะไรอีกคะ อีกอย่างจี้อวิ๋นอวิ๋นก็กล้าทำ แต่กลับรับไม่ได้กับสิ่งที่คนอื่นพูดถึงเหรอ?” น้องสะใภ้ของเขากล่าว
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้บ้านตระกูลจี้วุ่นวายมากแค่ไหน
คนในหมู่บ้านที่สามารถเป็นคู่แข่งกับครอบครัวหล่อนได้ก็มีแต่ครอบครัวของจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ใช่หรือ? การที่ครอบครัวของเขาไม่สงบแบบนี้ แสดงว่าจะต้องมีเรื่องลับลมคมในเกิดขึ้นแน่ ๆ
และยังมีผู้หญิงอย่างซูตานหงที่ภายนอกดูเป็นคนอ่อนโยนบอบบาง แต่จริง ๆ แล้วแสร้งทำตัวบริสุทธิ์ราวกับดอกบัวขาวอีกด้วย
หล่อนไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะกตัญญูขนาดนั้น
แต่ตอนนี้ช่างเถอะ เพราะว่าตระกูลจี้กำลังวุ่นวายมาก
อันที่จริงหลังจากที่เฝิงฟางฟางรู้ว่าเป็นน้องสะใภ้ผู้ใหญ่บ้านที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ หล่อนก็ไม่กล้าหาเรื่อง เพราะบ้านอีกฝ่ายมีฐานะร่ำรวย
หล่อนจะกล้าไปมีเรื่องด้วยได้อย่างไร?
หล่อนจึงกลับมาบอกซูตานหง ซึ่งซูตานหงรู้เรื่องนี้แล้วเช่นกัน
ในตอนบ่ายผู้ใหญ่บ้านได้มาขอโทษด้วยตัวเอง แต่สองสามีภรรยาที่ปล่อยข่าวกลับไม่ได้มาด้วย
ตอนแรกเขาตั้งใจจะเรียกสวี่เจี่ยมา เพราะหล่อนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซูตานหง แต่สวี่เจี่ยไม่ยอมมาด้วย นี่เป็นเรื่องของครอบครัวลูกคนรอง เป็นธุระกงการอะไรที่หล่อนต้องไปช่วย เจรจา?
ด้วยการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว ผู้ใหญ่บ้านจึงมาด้วยตัวเอง
ทั้งจี้เจี้ยนอวิ๋นและซูตานหงต่างเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดี แต่ไม่รู้ว่าในใจคิดอย่างไร ผู้ใหญ่บ้านทำได้เพียงถอนหายใจแล้วกลับไป
“ถ้าคุณอยากให้ฉันพูด คุณก็ไม่ควรมีปัญหากับเรื่องนี้นะคะ ครอบครัวนั้นเก่งมากไม่ใช่หรือไง ก็ให้พวกเขาแก้ปัญหากันเอง ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ก็ปล่อยมันไปไม่ต้องยุ่งค่ะ!” สวี่เจี ยกล่าว
“ผมเดาว่าน้องรองคงหาทางทำมาหากินไม่ได้แล้ว บางทีอาจต้องเปลี่ยนอาชีพด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาทำเรื่องผิดต่อจี้เจี้ยนอวิ๋น ต่อไปคงไม่มีใครช่วยเหลือเขาแน่” ผู้ใหญ่บ้านกล่าว
ทุกคนในหมู่บ้านต่างบอกว่าน้องชายของเขาเป็นคนที่รวยที่สุด แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจได้ว่าน้องชายของเขาทำเงินได้แค่ในช่วงปีแรก ๆ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามัน ทำเงินไม่ได้ขนาดนั้นแล้ว ทั้งคู่ยังมีเด็ก ๆ และของที่จะต้องซื้อกินซื้อใช้ จะไปมีเงินเหลือได้นานขนาดไหน?
ในทางตรงกันข้าม อาจกล่าวได้ว่าอาชีพของจี้เจี้ยนอวิ๋นนั้นเจริญรุ่งเรืองที่สุดแล้ว และสามารถทำทุกอย่างได้
จากสายตาคนนอก ว่ากันว่าเขาทำเงินได้ไม่มาก แต่ร้านค้าในชื่อของเขาคือร้านเตาแก๊สในเขตอำเภอ และธุรกิจยังรุ่งเรืองมากด้วย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงร้านค้าอื่น ๆ ของเขาเลย
ทุกวันต้องบรรทุกสินค้าจำนวนมากใส่รถส่งไปขาย มีคนงานมากมายอยู่ในมือ ถ้าไม่มีเงินจริง ๆ จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายรายจ่ายพวกนี้?
ไม่รู้ว่าแต่ละเดือนเขาต้องสร้างรายได้มากขนาดไหน
ตอนนี้น้องชายของเขาทำผิดต่อคนบ้านนั้น เขาจะยังดำเนินกิจการต่อได้อยู่อีกหรือ? สำหรับสิ่งที่น่าละอายและน่ารังเกียจเช่นนี้ ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมเขาถึงทำอย่างน นั้น
และแล้วข่าวลือก็ลอยไปถึงหูของคุณพ่อจี้ ตอนแรกคุณพ่อจี้ไม่รู้เรื่องเพราะอยู่บนเขาตลอด แต่วันนั้นคุณพ่อจี้ไปหาเหล่าจางที่สวนผลไม้ที่สี่เพื่อเล่นหมากรุกเพราะมีเวลาว่างอันห หาได้ยากพอดี
เส้นทางระหว่างสวนผลไม้แห่งที่หนึ่งไปสวนผลไม้แห่งที่สี่จะต้องเดินผ่านหมู่บ้าน พวกสาว ๆ ในหมู่บ้านต่างพากันซุบซิบนินทา เขาจึงได้ยินเรื่องราวของลูกสาวตนเอง
คุณพ่อจี้ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด เมื่อกลุ่มสาว ๆ ได้เห็นเขา พวกหล่อนก็รีบยิ้มแหย และทำทีเหมือนกับยุ่งอยู่กับการทำงาน
ตอนแรกชายชราตั้งใจว่าจะมาเล่นหมากรุก แต่ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป เขาไม่เชื่อคำพูดของกลุ่มสาว ๆ ที่พูดนินทากัน จึงรีบไปถามกับจี้หงจวิน
จี้หงจวินไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นว่าคุณพ่อจี้อยากจะรู้ อีกทั้งคนในหมู่บ้านยังรู้กันทั่วแล้ว เขาจึงจำต้องพูดออกมา
คุณพ่อจี้โกรธจัดจนเป็นลมในทันที
ครั้นตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ร่างกายของเขายังแข็งแรงดี เพียงแค่สะเทือนใจมากเกินไป ทำไมจะต้องมาถึงโรงพยาบาลให้เสียเงินด้วย?
เขาจึงทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล คุณหมอตรวจร่างกายแล้วพบว่าเขาแข็งแรงดี จึงยอมอนุมัติให้เขาได้กลับบ้าน
“ถ้ายังมีความกตัญญูเหลืออยู่ ก็ไม่ต้องให้แม่กับน้องสาวแกกลับมาที่นี่อีก!” เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณพ่อจี้ก็พูดกับจี้เจี้ยนอวิ๋น
“พ่อ…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ทำเหมือนกับว่าแกไม่มีแม่ก็พอ!” คุณพ่อจี้ตัดบทเขาทันที
จี้เจี้ยนอวิ๋นเห็นอารมณ์ที่รุนแรงของเขา จึงตบปากรับคำไป หลังจากนั้นคุณพ่อจี้จึงถอนหายใจแรง และหันไปพูดกับซูตานหง “ตานหง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ เธอไม่ต้องสนใจคุณแม่จี้ อีก หล่อนเป็นนางมารร้ายที่หมดหนทางรักษาแล้ว หลังจากนี้ไม่ต้องสนใจหล่อน เธอแค่ดูแลเหรินเหรินกับน้อง ๆ ของเขาให้ดีก็พอ”
“คุณพ่อวางใจเถอะค่ะ เหรินเหรินกับพวกเขาเข้าใจดี” ซูตานหงพยักหน้า
“พวกแกนี่นะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังเอาแต่ปิดบังฉันอยู่ได้ ถ้าวันนี้ฉันไม่ว่างลงจากเขา ฉันก็คงไม่รู้เรื่องอะไรเลยใช่ไหม?” คุณพ่อจี้กล่าว
ก่อนหน้านี้จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ส่งคุณแม่จี้ที่กำลังโมโหไปที่เมืองเจียงสุ่ย บอกให้นางใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น และสามารถกลับมาที่นี่ได้เป็นครั้งคราว
ในตอนนั้นเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ขอให้เจี้ยนอวิ๋นไม่พูด และไม่ถามอะไรเพิ่มเติม การไปอยู่กับจี้เจี้ยนเหวินก็ดีเหมือนกัน ภรรยาของเขาคงไม่ก่อปัญหาอะไรได้อีก
แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นจะสร้างเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เพลิงโทสะในใจจึงพลุ่งพล่านจนทำให้เขาสลบไป
ผู้ใหญ่บ้านเองก็มาเยี่ยมคุณพ่อจี้และขอโทษเขาเสียยกใหญ่ คุณพ่อจี้แสดงออกว่าไม่ได้ถือสาและไม่ได้สงสัยอะไรมากมายก่อนกลับขึ้นเขาไป ไม่แปลกใจเลยที่พี่ชายใหญ่ผู้อยู่ในสวนผลไ ไม้แห่งที่สองถึงไม่ยอมลงจากเขาเลย เขาเองก็ไม่คิดจะลงมาแล้วเช่นกัน การใช้ชีวิตบนเขานั้นดีที่สุดแล้วตรงที่ไม่ต้องกังวลอะไรเลย
เขาอยู่ในวัยชราแล้ว และยังอยากจะมีชีวิตอยู่อีกหลายปี อยู่ดูลูกหลานไปนาน ๆ
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ถึงขนาดทำให้ชายชราใจแข็งอย่างคุณพ่อจี้โกรธจนเป็นลมได้ เธอต้องชั่วขนาดไหนอะสองอวิ๋น
ไหหม่า(海馬)