ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 401 เทศกาลไหว้พระจันทร์
ตอนที่ 401 เทศกาลไหว้พระจันทร์
เมื่อได้ยินว่าตนเองสามารถซื้อบ้านด้วยเงินผ่อนได้ หยางต้าหยาก็มีดวงตาเบิกกว้าง
หล่อนสามารถหักเงินบางส่วนจากเงินเดือนของตนได้ ลำพังใช้เพียงเงินเดือนของหล่อนคนเดียว คงต้องใช้เวลาจ่ายคืนราว 5 – 6 ปี
หากมีส่วนของจี้กวงซ่งมาเสริมด้วย น่าจะใช้เวลาเพียง 1 ถึง 2 ปี
หยางต้าหยาจึงตกลงที่จะซื้อ
จี้เจี้ยนอวิ๋นเข้ามาช่วยเรื่องนี้ บอกให้เหอเจี่ยช่วยดูที่ทางให้ ด้วยตอนนี้เหอเจี่ยกับซุนต้าซานคุ้นเคยกับเมืองมหาวิทยาลัยดีมากแล้ว
จึงหาบ้านเจอได้อย่างไม่ยากเย็น
เป็นดังที่คาดไว้ เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน พวกเขาก็เจอห้องชุดที่เปิดขายอยู่ 2 ห้อง ห้องทั้งคู่อยู่ในชุมชนเดียวกัน แต่อยู่คนละชุมชนกับพวกเขา ตอนนี้ชุมชนของพวกเขาเต็มแล้ว ว และมีน้อยคนที่จะขายบ้าน
ซูจิ้นตั๋งซื้อบ้านด้วยเงินสด การออกเอกสารต่าง ๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หยางต้าหยาซื้อด้วยเงินผ่อน จึงมีขั้นตอนยุ่งยากกว่ามาก
หล่อนไปเมืองมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง โดยไม่ได้บอกจี้กวงซงเรื่องซื้อบ้าน ทำให้ซูจูเหมาต้องเป็นคนมาส่ง
เมื่อก่อนหยางต้าหยาไม่ใช่คนเด็ดขาดขนาดนี้ แต่หลังจากได้ช่วยทำธุรกิจมาหลายปี หล่อนก็มีความมั่นใจมากขึ้น อีกทั้งยังเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ
นอกจากนี้ลุงเจี้ยนอวิ๋นยังเป็นคนช่วยหาบ้านให้ ดังนั้นเชื่อถือได้อย่างแน่นอน
แม้จะซื้อเงินผ่อน แต่สมัยนี้ถือว่าสามารถซื้อของด้วยเงินผ่อนได้ค่อนข้างสะดวก ทุกอย่างจึงดำเนินไปอย่างราบรื่น
หลังจากหยางต้าหยาได้เอกสารมา หล่อนก็รู้สึกปลาบปลื้มใจยิ่งนัก
หล่อนได้เห็นห้องชุดห้องนั้นแล้ว มันสวยมาก จึงตั้งใจว่าจะปล่อยเช่า และให้เหอเจี่ยหาผู้เช่าให้ ส่วนเงินค่าเช่านั้น หล่อนจะแบ่งให้เหอเจี่ย 20 เปอร์เซ็นต์
ทีแรกเหอเจี่ยไม่รับข้อเสนอ ด้วยรู้สึกเกรงใจไม่น้อย หากแต่หยางต้าหยายืนกรานเช่นนั้น หล่อนจึงไม่ปฏิเสธอีก และประจวบเหมาะกับช่วงที่หลานชายของเหอเจี่ยต้องการที่อยู่ใหม่พอดี ซึ่งเขาต้องการที่อยู่สำหรับอยู่ร่วมกับภรรยาที่แต่งงานกันเมื่อปีก่อนและลูก ๆ โดยที่หล่อนไม่สามารถพาพวกเขามาอยู่ที่ร้านค้าได้ เพราะที่ร้านค้ามีสินค้าวางอยู่มากมาย ไม่มีทา างอยู่อาศัยได้อย่างแน่นอน
ส่วนเหอเจี่ยที่ซื้อบ้านในเมืองมหาวิทยาลัยไปก่อนหน้านี้ก็ย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา
แม้ปีที่แล้วจะเพิ่งใช้หนี้เจี้ยนอวิ๋นจนหมด แต่พวกเขาก็ตั้งใจหามาใช้คืน
ถึงอย่างไรพวกเขาก็อาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งค่าครองชีพค่อนข้างสูง พวกเขาคืนเงินที่ยืมจี้เจี้ยนอวิ๋นมาซื้อบ้านได้เร็วถึงเพียงนี้ ก็นับว่าดีมากแล้ว
สุดท้ายพวกเขาก็มีชีวิตความเป็นอยู่ในตอนนี้ดีขึ้น
แม้ครอบครัวของพวกเขาจะต้องกินอยู่อย่างอัตคัดภายหลังจากซื้อบ้าน แต่ตอนนี้ครอบครัวรวมถึงลูก ๆ และพ่อแม่ก็มีบ้าน ถึงพื้นที่ 80 ตารางเมตรจะดูคับแคบไปเสียหน่อย แต่ก็ยังดีกว่า าออกไปเช่าบ้านอยู่
ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องขอบคุณเถ้าแก่ใจดีอย่างเจี้ยนอวิ๋นที่ให้เขายืมเงิน ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเขาคงไม่สามารถซื้อบ้านได้
ราคาบ้านอยู่ที่มากกว่า 10,000 หยวนแล้ว ซึ่งแพงเหลือเกิน และยังมีแนวโน้มว่าจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เหอเจี่ยกับซุนต้าซานคุยเรื่องนี้กันขณะที่พวกเขากำลังจะเข้านอน
“ถ้าตอนนี้ราคาบ้านไม่แพงขนาดนี้ มันคงจะดีถ้าเราซื้อเก็บไว้ให้ลูก ๆ นะคะ” เหอเจี่ยบอก
“เอาน่า ตอนนี้เราส่งเสียให้พวกเขาเข้าเรียนในโรงเรียนได้แล้ว แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า คุณยังอยากได้อะไรอีก? เมื่อก่อนเราเคยอยู่กันยังไงล่ะ ชีวิตของพวก กเขาตอนนี้เหมือนกับองค์ชายไปแล้ว” ซุนต้าซานว่าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
อันที่จริงรายได้ของครอบครัวเขานับว่าสูงมากในเมืองมหาวิทยาลัย
ตอนนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นให้เงินเดือนพวกเขาคนละ 90 หยวน เมื่อนำมารวมกันก็ได้เป็น 2 เท่า นอกจากนี้กับพ่อแม่ของเขาที่ช่วยดูแลร้านและขายของ จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็จ่ายค่าแรงให้ด้วย
รวมแล้วได้เงินทั้งหมด 270 หยวนต่อเดือน ปีหนึ่งมีรายได้มากกว่า 3,000 หยวน เขาเคยทำงานในตัวอำเภอ ได้เงินเพียงปีละ 300 หยวน ตอนนี้ได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนตั้งเท่าไร?
อีกทั้งยังมีบ้านเป็นของตน เขาจึงไม่จำเป็นต้องเช่าบ้าน ซึ่งช่วยประหยัดเงินได้มาก
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่มีสมาชิกครอบครัวจำนวนมาก และค่าเล่าเรียนของลูกๆ ก็แพงไม่น้อย แถมตอนนี้พวกเขายังอยู่ในวัยกำลังโตและกินอาหารมาก ต่อให้ได้เงินเดือนเยอะ ก็มีเก็บออม มไว้ไม่มากนัก
หลังจากใช้หนี้คืนจี้เจี้ยนอวิ๋นไปเมื่อปีก่อน คนในครอบครัวก็สบายใจมากขึ้นและเก็บเงินได้บ้าง แต่หากคิดจะซื้อบ้านมันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หากต้องการซื้อ ก็ต้องใช้เวลาเก็บเงินอีกนานทีเดียว
“ถึงเวลาที่จะส่งลูก ๆ เข้าเรียนพิเศษแล้วนะครับ” ซุนต้าซานบอก
เรื่องบ้านของลูก ๆ นั้นให้พวกเขาซื้อกันเองคงดีกว่า ผู้เป็นพ่อให้ที่อยู่ปลอดภัยและเลี้ยงดูพวกเขามาก็นับว่าดีมากแล้ว และไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เหอเจี่ยบอกว่าตอนนี้ลูกโตกันหมดแล้ว ค่าเล่าเรียนระดับมหาวิทยาลัยไม่ใช่น้อย ๆ เรื่องนี้ทำให้พวกเขารู้สึกเครียดมากจนทำใจซื้อบ้านไม่ลง
หากเพียงตอนนี้พวกเขามีเงินสักหน่อย คงไม่คิดหนักกับการซื้อบ้านขนาดนี้
แต่ครอบครัวยังมีบ้านหลังนี้อยู่ ซึ่งเพียงพอแล้วสำหรับตอนนี้
หลายปีที่ผ่านมา ประเทศพัฒนาไปรวดเร็วมาก เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปชั่วพริบตาในระยะเวลาอันสั้น และจะเจริญก้าวหน้าเร็วขึ้นในทุกปี
ทุกคนจะมีฐานะกันมากขึ้น แต่ราคาข้าวของก็จะสูงตามเช่นกัน
เทศกาลไหว้พระจันทร์จะมีขึ้นในวันที่ 15 ตามปฏิทินจันทรคติ
ซูตานหงทำขนมไหว้พระจันทร์ไว้เป็นจำนวนมาก เธอเรียกจี้มู่ตานมาช่วยทำทั้งหมดนี้
จากคำพูดของจี้มู่ตาน หล่อนเสนอว่าทำไมไม่เรียกคนมาช่วยอีกสัก 2 คน ด้วยไม่ได้ต้องจ่ายค่าแรงเพิ่มสักเท่าไร
ไม่มีเหตุผลที่ซูตานหงจะเรียกคนมาช่วยงานโดยเปล่าประโยชน์ ตราบใดที่พวกเขามาทำงานให้ ย่อมต้องได้รับค่าแรง
อย่างหลี่อวี้ซุ่ยกับหวังหงฮวาที่มาช่วยงานเพียงวันหรือ 2 วันในบางครั้ง ทั้งคู่จึงไม่ขอรับเงิน ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกละอายสักแค่ไหน?
แต่ซูตานหงไม่คิดเอาเปรียบในเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ เธอให้เงินชดเชยไปกับค่าแรงของสามีพวกหล่อนทันที
ครั้งนี้ซูตานหงไม่ได้เรียกพวกหล่อนมาช่วย เธอทำขนมกับจี้มู่ตาน ด้วยอีกฝ่ายอยู่ว่าง ๆ และไม่มีอะไรทำ งานพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยากเย็น เธอจึงเรียกมาช่วยทำ
ขนมไหว้พระจันทร์ทุกชิ้นสอดไส้ไข่เค็ม คนงานในสังกัดของจี้เจี้ยนอวิ๋นได้ไปถึงคนละ 4 ชิ้น
พวกมันถูกห่อด้วยกระดาษไขให้พวกเขาเอากลับไปกิน ไม่ได้มากมายนัก เพียงแค่พอได้ฉลองและมีความสุขกัน แต่ถึงอย่างไรขนมไหว้พระจันทร์ฝีมือซูตานหงก็อร่อยมากทีเดียว
เมื่อฉีฉี เสียงเสียง และหยวนหยวนนำออกมากิน พวกเขาก็แบ่งให้เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันคนอื่นในหมู่บ้านด้วย
ที่บ้านเหลือขนมไหว้พระจันทร์ไม่มากนัก ด้วยพวกมันถูกแจกจ่ายไปเกือบหมดแล้ว จึงเหลือเพียงไม่กี่ชิ้น ซึ่งนับว่ายังไม่เพียงพอ ซูตานหงจึงนำวัตถุดิบที่เหลือมาทำเพิ่ม แม้จะไม่ ได้ใส่ไข่ แต่พวกมันก็ทั้งหวาน มัน นุ่ม และอร่อยล้ำมาก
เธอทำเพิ่มไว้เป็นจำนวนมาก และเรียกเสียงเสียงมาหยิบไปแจกจ่าย ทุกคนต่างได้กินกันหลายชิ้น ท่าทางถูกอกถูกใจไม่น้อย
เมื่อเด็ก ๆ กลับบ้านไป พวกเขาก็เล่าให้พ่อแม่ฟัง บอกว่าวันนี้แม่ของเสียงเสียงให้ขนมไหว้พระจันทร์มากิน ทั้งหวานและอร่อยมาก
เพื่อนของฉีฉีโตกว่ามาก พวกเขาจึงเกรงใจที่จะมาขอกินด้วย ส่วนเพื่อนของเสียงเสียงยังไม่รู้ความนัก พวกเขายังเด็ก จึงคิดแต่เรื่องนี้
เด็กเล็กยังไม่รู้ประสา แต่เด็กโตแล้วยังมีความเกรงใจ บางบ้านส่งหัวและเถามันหวานขึ้นไปเป็นอาหารหมูที่สวนให้ แม้จะไม่ได้มีมูลค่าอะไรนัก แต่ก็ถือว่าเป็นสินน้ำใจต่อกัน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พอมีลูกแล้วค่าใช้จ่ายเยอะขึ้นนี่เป็นเรื่องไม่เกินจริงค่ะ ยิ่งในยุคที่ข้าวของแพงยิ่งแล้วใหญ่
อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ขึ้นมาทีเดียวเชียว คิดถึงเปี๊ยะไหว้พระจันทร์ไส้ไข่เค็มเม็ดบัว
ไหหม่า(海馬)