ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 403 ทำไมไม่มีไก่
ตอนที่ 403 ทำไมไม่มีไก่
จี้เจี้ยนอวิ๋นไปงานประชุมผู้ปกครองของฉีฉีในวันนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างแปลกใหม่ หลังจากกลับมาถึงบ้าน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็มาเล่าให้ซูตานหงฟัง
จุดประสงค์หลักของการประชุมผู้ปกครองคือการให้พ่อแม่รู้ถึงพัฒนาการของลูก รวมถึงสถานการณ์ของโรงเรียนด้วย
ตอนที่ฉีฉีไปโรงเรียนครั้งแรก เขาก่อเรื่องอยู่หลายครั้งหลายหนจนทำให้คุณครูต้องเป็นกังวล พักหลังมานี้เด็กชายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เขาซนน้อยลงและมีผลการเรียนที่ดี แม้จะยังป่ วนอยู่บ้าง แต่โดยทั่วไปยังถือว่าเป็นเด็กดี
จี้เจี้ยนอวิ๋นถูกหัวหน้าคุณครูชื่นชม บอกว่าเขาสอนลูกได้ดี คุณครูยืนยันว่าฉีฉีไม่ได้ทะเลาะวิวาท ต้องเป็นเพราะครอบครัวกำชับไว้อย่างดี ไม่อย่างนั้นเขาจะเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ยขนาดนี้ได้อย่างไร?
จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาเล่าให้ซูตานหงฟัง เขามีท่าทางอารมณ์ดี ด้วยเห็นว่าลูกชายตนทำให้เขาได้รับคำชม
ซูตานหงไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก เธอไปเตรียมเสื้อนวมบุฝ้าย
หลังพ้นเทศกาลไหว้พระจันทร์ไป ท้องฟ้าก็มืดเร็วขึ้น ก่อนหน้านี้อากาศยังร้อนอบอ้าว ตอนนี้กลับหนาวเย็นขึ้นในตอนเช้าและช่วงเย็น ผู้ใหญ่ยังพอทนไหว แต่เด็ก ๆ มีร่างกายอ่อนแอ อกว่า จึงต้องทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ
ซูตานหงเตรียมเสื้อคลุมตัวบางไว้ให้พวกเขา โดยจะสวมในช่วงเช้าและเย็น พออากาศอุ่นขึ้นจึงค่อยถอดออก และพับใส่กระเป๋านักเรียน
แต่มีเพียงเหรินเหรินที่ทำตามสั่ง ฉีฉีไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย เด็กคนนี้ใส่เพราะเห่อของใหม่เพียง 2 วันเท่านั้น เมื่อเลิกเห่อเขาก็ไม่ได้สนใจ และไม่หยิบมาใส่บ่อยนัก
ช่วงสิ้นเดือนตุลาคม เขาจึงเป็นหวัดจนได้
ซูตานหงดุเขาและสวมเสื้อคลุมให้ ก่อนเขาจะไปโรงเรียนอย่างสงบเสงี่ยม
วันนั้นซูตานหงเตรียมของบางอย่างไว้ และเรียกสวี่เหอซานมารับไปส่งที่เมืองเจียงสุ่ย
มีไข่ไก่ 1 ตะกร้า เนื้อหมู 1 ชั่งและกระดูกหมูจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดถูกซื้อมาตั้งแต่ตอนเช้า และไม่ได้มีของอย่างอื่นอีก
แต่ถือได้ว่าเป็นของจำนวนมากแล้ว
“ทำไมถึงไม่เอาไก่มาด้วยล่ะ?” คุณแม่จี้ถามอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นของที่สวี่เหอซานนำมาให้
“เถ้าแก่เนี้ยไม่ได้บอกไว้ครับ” สวี่เหอซานตอบทั้งหน้าตาย
“ฉันว่าแล้วว่าต้องเป็นฝีมือของซูตานหง!” สีหน้าคุณแม่จี้พลันบูดบึ้ง
เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ สวี่เหอซานก็มุ่ยหน้าทันที แต่เขาก็กลับออกมาโดยไม่ได้พูดอะไร คุณแม่จี้ถามและให้ส่งไก่มาให้กิน เขาทำเพียงขานรับไป
สวี่เหอซานส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนออกจากชุมชนไป ตอนนี้เขารู้แจ้งแล้วว่าทำไมเถ้าแก่ถึงส่งแม่เฒ่าคนนี้มาอยู่ที่เมืองเจียงสุ่ย
เดือนนี้ส่งของมาให้ตั้งมากมาย แต่นางกลับไม่เห็นความดีสักนิด ทั้งไข่ เนื้อ และกระดูกหมูต่างเป็นของดีทั้งนั้น เมื่อครึ่งเดือนที่แล้วก็เพิ่งส่งมาให้ตั้งเยอะแยะ!
สวี่เหอซานส่ายหน้าและไม่ได้ออกความเห็น เมื่อกลับมา เขาเล่าเรื่องที่คุณแม่จี้บอกมา ซูตานหงจึงโทรศัพท์หาจี้เจี้ยนเหวิน
ประเด็นคือตอนนี้มีไก่ที่สวนไม่มาก ไก่ชุดใหม่ยังไม่ได้นำมาเลี้ยง และเหลือเนื้อให้กินไม่มาก หากคุณแม่จี้อยากกินไก่ก็ให้นางไปซื้อกินเองแล้วกัน
นอกจากนี้เงินค่ากินค่าอยู่รายเดือนยังมีอยู่ตั้ง 50 หยวน จากราคาในปัจจุบัน คุณแม่จี้ใช้เงิน 50 หยวนซื้อไก่ได้ตั้งกี่ตัวกันล่ะ?
จี้เจี้ยนเหวินรู้สึกขายหน้ามากเมื่อไปรับสาย แต่รู้แก่ใจว่าแม่ของเขาคงเรียกร้องอะไรบางอย่างอีกแน่ ไม่อย่างนั้นพี่สะใภ้สามคงไม่โทรมาหา
เมื่อเขากลับจากเลิกงาน เขาซึ่งไม่ได้เข้าครัวบ่อยนักก็เข้ามาสำรวจดูข้าวของ
ไข่ไก่ 1 ตะกร้าใหญ่ แต่ละฟองล้วนมีขนาดใหญ่ทั้งนั้น พี่สะใภ้สามเคยนำมาให้เขาก่อนหน้านี้เช่นกัน หลายใบเป็นไข่แฝด ซึ่งนับว่าหาได้ยาก
ยังมีเนื้อและกระดูกหมูในตู้เย็น ของพวกนี้พี่สะใภ้สามต้องส่งมาให้แน่ เธอส่งของมามากมาย แต่ถึงจะเยอะถึงเพียงนี้ ยังคิดว่าน้อยเกินไปได้อย่างไร?
หากแต่เขาไม่ได้พูดไปตามตรง ทำเพียงบอกไปว่า “วันนี้พี่สามให้คนเอาของมาให้ตั้งเยอะ แม่ครับ ทำน้ำแกงกระดูกหมูให้เยียนเอ๋อร์กินเถอะ”
“ได้สิ ฉันจะไปซื้อข้าวโพด กระดูกหมูต้มกับข้าวโพดน่ะอร่อยที่สุดแล้ว พวกเธอก็ชอบกินกันนี่” คุณแม่จี้บอกพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณครับ ช่วงนี้ผมเหนื่อยนิดหน่อย ต้องกินบำรุงร่างกายบ้าง พรุ่งนี้แม่ไปซื้อไก่มาเคี่ยวกินสิครับ ตอนนี้ครอบครัวเรามีเงินซื้อไก่อยู่” จี้เจี้ยนเหวินบอก
ตอนนี้ค่าแรงของเขาเพิ่มขึ้นเร็วมาก และยังรับสอนพิเศษเพิ่มเติม เมืองเจียงสุ่ยมีคนร่ำรวยจำนวนมาก นักเรียนหลายคนในชั้นเรียนของเขาล้วนมาจากครอบครัวที่มีฐานะ และเขาก็พอใจ กับค่าตอบแทน
เขาทำงานนอกเวลา จึงมีเงินเดือนเป็น 2 เท่า แม้ว่าจะเหนื่อยไปสักหน่อย หากแต่เขายังรับมือไหวอยู่
ประกอบกับเงินที่อวิ๋นลี่ลี่ได้มาจากการขายของ รายได้ต่อเดือนจึงถือว่าไม่น้อย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อาจใช้หนี้ได้หมดก่อนที่คิดไว้ จะได้ไม่ต้องอยู่อย่างยากลำบากขนาดนี้
พอจี้เจี้ยนเหวินยกประเด็นเรื่องการกินไก่ขึ้นมา คุณแม่จี้จึงโวยวาย “ถ้าพี่สามของแกให้คนเอาไก่มาตั้งแต่วันนี้ เราคงจะมีไก่กินไปแล้ว แกจะได้ไม่ต้องไปซื้อ แต่เป็นเพราะซ ซูตานหง เราเลยต้องซื้อกินเอง!”
คุณแม่จี้รู้สึกว่าไก่ที่ขายข้างนอกไม่อร่อยเท่าไก่ที่เลี้ยงในสวน ไก่พวกนั้นได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ที่สวนมีพื้นที่กว้างขวางและมีอาหารให้กินเพียงพอ ไก่แต่ละตัวจึงอ้ว วนท้วนและอุดมไปด้วยสารอาหาร
หากได้ดื่มน้ำแกงไก่ในตอนเย็น จะทำให้ตื่นในตอนเช้าอย่างกระฉับกระเฉง
“แม่ครับ อย่าไปคิดมากเรื่องราคาไก่เลยครับ พี่สามก็ส่งของอื่นมาให้ตั้งเยอะแยะนี่” จี้เจี้ยนเหวินบอก
แม้เขาจะไม่สนใจเรื่องของครอบครัว จี้เจี้ยนเหวินก็รู้ว่ามันคงเป็นการดีกว่า กับการที่แม่เขามาอยู่ที่นี่และเป็นคนทำอาหารให้กิน
เขามีเนื้อกินอยู่ตลอดเวลา ตอนที่อวิ๋นลี่ลี่เป็นคนทำอาหาร เขาแทบทนกินไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาต้องซื้ออาหารจากนอกบ้านมากินบ่อยแค่ไหน
แล้วจะนำเงินมาจากไหน? ถ้าไม่ใช่จากพี่สามของเขา
เขาขอให้อวิ๋นลี่ลี่ให้เงินแม่เขา อวิ๋นลี่ลี่บอกว่าหล่อนก็อยากจะให้ แต่ติดที่แม่ของเขาไม่ต้องการและให้พวกเขาเอาเงินไปใช้หนี้
อวิ๋นลี่ลี่พูดไว้ว่า “ตอนนี้คุณแม่ไม่มีเงินใช้ คุณแม่ชอบใช้เงินไปกับค่าอยู่ค่ากิน งั้นก็ให้ใช้ไปเถอะค่ะ ยังไงต่อไปเราก็ต้องหาเลี้ยงคุณแม่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เงิน มากกว่านี้หรอกค่ะ”
จี้เจี้ยนเหวินเห็นด้วยกับคำพูดนี้ ก็ถูกของหล่อน
“เยอะตรงไหน ส่งมาให้ฉันแค่นี้น่ะเหรอ? ฉันมาอยู่กับแกที่นี่ แกไม่รู้หรอกว่าซูตานหงหล่อนจะมีความสุขขนาดไหน ฉันเคยมีเงินเดือนเท่ากับทุกคนที่นั่น ตอนนี้ให้ฉันแค่ 50 หยวน เงินที่หล่อนหักไปมันพอกับเนื้อกับไข่พวกนี้เหรอ?” คุณแม่จี้ว่าเสียงแข็ง
นางไม่พอใจซูตานหง เป็นอย่างที่ลูกสาวนางพูดไว้ไม่มีผิด ผู้หญิงอย่างซูตานหงช่างกลับกลอกและไร้จุดยืน นางไม่เห็นว่าเธอจะน่าเห็นใจตรงไหน เธอแค่แสร้งเป็นคนดี ทุกคนกลับพา กันเชิดชูว่าเธอเป็นคนกตัญญูนักหนา
นางได้ฟังชาวบ้านชื่นชมซูตานหงแล้วถึงกับอึ้ง
เมื่อบอกว่าซูตานหงนิสัยแย่และเนรคุณขนาดไหน คนพวกนั้นกลับมองนางอย่างเหยียดหยาม คล้ายจะบอกว่าเธอทำดีกับนางขนาดนี้ ยังจะโกรธเธอได้ลงคออีกหรือ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นังแม่จี้นี่เรื่องมากนักก็ไปอยู่กับลูกสาวเถอะ มีหมูมีไข่ให้กินแล้วกลับเรียกร้องจะกินไก่ พอให้ไปซื้อเองก็ไม่ซื้อ
ไหหม่า(海馬)