ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 404 กินเนื้อทุกวัน
ตอนที่ 404 กินเนื้อทุกวัน
แน่นอนว่าไม่มีชาวบ้านคนไหนเข้าข้างคุณแม่จี้
หมู่บ้านไม่ได้ใหญ่โตมากนัก เรื่องจึงแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
พอจี้อวิ๋นอวิ๋นทำธุรกิจล้มเหลวและสูญเงินไปทั้งหมด คุณแม่จี้เดินทางกลับมาอยู่บ้าน ได้ยินว่านางไม่ได้ทำงานแม้แต่น้อย และเอาแต่เกาะกินไปโดยเปล่าประโยชน์
แต่ถึงกระนั้นซูตานหงยังให้เงินเดือนนาง ทำให้นางมีเงินเลี้ยงชีพ โดยไม่ต้องกังวลใจ
จะหาลูกสะใภ้แบบนี้ได้จากที่ไหนอีก?
ทว่าคุณแม่จี้กลับลงมาจากสวนและพูดใส่ไฟซูตานหงอยู่เนือง ๆ แล้วทุกคนจะเชื่อนางได้อย่างไรกัน?
ด้วยไม่มีใครเชื่อคุณแม่จี้ นางจึงยิ่งไม่พอใจในตัวซูตานหง
แถมครั้งนี้ซูตานหงยังไม่ส่งไก่มาให้นางอีก แม้คุณแม่จี้จะคิดเห็นอย่างไร นางก็อยู่ห่างจากบ้านเกิด จึงไม่อาจโวยวายอะไรได้
แน่นอนว่าคุณแม่จี้ไม่ได้คิดว่าเป็นเพียงแค่ไก่ แต่ติดใจที่ทำไมเธอถึงไม่ส่งมาให้นางกินต่างหาก?
ที่สวนมีไก่มากมาย ไม่มีทางจะบอกว่าไม่มีหรอก เธอแค่ไม่ต้องการส่งมาให้นางกิน หลังจากที่คุณแม่จี้เข้าใจเช่นนั้น นางก็ยิ่งโกรธมากทีเดียว
โชคดีที่จี้เจี้ยนเหวินพูดโน้มน้าวนาง คุณแม่จี้จึงคลายความหงุดหงิดใจลงบ้าง
เมื่ออวิ๋นลี่ลี่กลับมา จี้เจี้ยนเหวินจึงบอกให้หล่อนไปซื้อไก่มา
“ให้คุณแม่ไปซื้อสิคะ ฉันเหนื่อยแล้วนะคะ” อวิ๋นลี่ลี่บอกพลางนั่งนิ่ง
หล่อนเหนื่อยมากเหลือเกิน คิดว่าการเปิดแผงขายของมันง่ายนักหรืออย่างไร?
แต่มันสร้างรายได้ให้ครอบครัว และกิจการก็เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่อย่างนั้นหล่อนคงไม่ต้องการใช้ชีวิตอยู่เช่นนี้
“เดี๋ยวแม่ไปเอง” คุณแม่จี้บอก
“ฉันจะไปด้วยแล้วกันค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่สบตาจี้เจี้ยนเหวินก่อนบอก
จี้เจี้ยนเหวินไม่ได้พูดอะไร เมื่อหล่อนออกมากับคุณแม่จี้ คุณแม่จี้จึงถามขึ้น “ทำไมเธอต้องออกมากับแม่ด้วย? แค่ออกมาซื้อไก่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
“ถ้าฉันไม่มาด้วยคงไม่ได้หรอกค่ะ ไม่รู้เหรอคะว่าเจี้ยนเหวินกตัญญูกับแม่ขนาดไหน ถ้าเขาเห็นว่าแม่ออกมาซื้อคนเดียว แต่ฉันอยู่บ้านเฉย ๆ เขาคงไม่พอใจแน่ค่ะ คุณแม่ยังเป็น นที่หนึ่งในใจเขานะคะ” อวิ๋นลี่ลี่บอก
ไม่ต้องบอกเลยว่าในบรรดาสะใภ้ทั้งสี่คน คุณแม่จี้พึงพอใจในตัวสะใภ้สี่ผู้นี้มากที่สุด หล่อนทั้งว่าง่ายและเอาใจเก่งจนคุณแม่จี้มีความสุขเป็นอย่างมาก
“แม่รู้ว่าเจี้ยนเหวินเป็นคนกตัญญู และเธอก็ทำงานหนัก ทำงานบ้านบ้างไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างแม่ก็อยู่บ้านว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำด้วย” คุณแม่จี้บอกพร้อมส่งยิ้ม
“คุณแม่เองก็ทำงานหนักเหมือนกัน ไม่ต้องห่วงนะคะ ต่อไปฉันกับเจี้ยนเหวินจะกตัญญูกับแม่ ตอนนี้เยียนเอ๋อร์เรียนเก่ง เธอจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยและเป็นหน้าเป็นตาให้ย่าอย่างคุณแม ม่ได้แน่ค่ะ”
“ดี ๆ” คุณแม่จี้ว่าขึ้นอย่างปลื้มใจ
“ว่าแต่ทำไมอยู่ ๆ เจี้ยนเหวินถึงอยากกินไก่ขึ้นมาล่ะคะ?” อวิ๋นลี่ลี่ถาม
เจี้ยนเหวินผู้เป็นสามีของหล่อนกินง่ายอยู่ง่าย เขาใช้ชีวิตสมถะ ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน เขาไม่คิดยอมแพ้ และจิตใจเข้มแข็งมากทีเดียว
ปกติแล้วเขากินได้ทุกอย่าง ให้กินอะไรก็กินอย่างนั้นไม่เลือกกินเลย ตอนนี้ไก่มีราคาแพงขึ้นแล้ว เมื่อก่อนราคาเพียงไม่กี่หยวน แต่ตอนนี้ไก่ตัวหนึ่งคิดเป็นราคา 9 หยวน หาก ตัวใหญ่หน่อยจะมีราคามากกว่า 10 หยวน เรียกได้ว่าไม่ถูกเลย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเจี้ยนเหวินจะหาซื้อแน่นอน เขาประหยัดเงินมากกว่าหล่อนเสียอีก
“ซูตานหงคงโทรมาฟ้องเจี้ยนเหวินน่ะสิ!” คุณแม่จี้แค่นเสียงเย็นชา
นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเหตุใดอยู่ ๆ เจี้ยนเหวินถึงบอกว่าจะกินไก่ นางแค่แสร้งทำเป็นไม่รู้เท่านั้น
เจี้ยนเหวินเป็นคนประหยัดมาก ปกติแล้วเขาไม่เคยร้องขอจะกินเนื้อเลยสักครั้ง เขาจะบอกว่าตนอยากกินไก่ได้อย่างไร? ซ้ำวันนี้ยังเพิ่งได้กระดูกหมูกับเนื้อมาอีก
คุณแม่จี้จึงรู้ว่าต้องเป็นซูตานหงที่โทรมาบอกเจี้ยนเหวิน เจี้ยนเหวินจึงกลับมาแล้วบอกว่าจะซื้อไก่มาทำอาหารกิน
เจี้ยนเหวินต้องคิดว่านางต้องการกินไก่แน่ เพราะเธอจงใจบอกว่านางอยากกิน เธอพอใจที่ทำเป็นกตัญญูต่อนาง นางจึงไม่ต้องการเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเป็นธรรมดา
อวิ๋นลี่ลี่ถึงกับอึ้ง หล่อนเพิ่งกลับมาถึงบ้านและยังไม่ทันได้เข้าไปในครัว จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คุณแม่จี้บอกสำทับกับหล่อน “วันนี้แม่ได้กระดูกหมูกับเนื้อหมูมา แล้วก็มีไข่ไก่อีกตะกร้าเล็ก ๆ แม่คิดว่าเยียนเอ๋อร์ไม่ได้กินน้ำแกงไก่นานแล้ว เลยฝากบอกหล่อนกลับไปว่าให้ส ส่งไก่มาด้วย หล่อนคิดยังไงถึงเอาไปฟ้องเจี้ยนเหวินได้!”
เธอมันร้ายกาจจริง ๆ ดูสิ แล้วนางจะพึงพอใจกับลูกสะใภ้แบบนี้ได้อย่างไร?
อวิ๋นลี่ลี่ยังไม่รู้เรื่องราวนัก หล่อนเชื่อตามคำที่คุณแม่จี้บอก ทั้งเยียนเอ๋อร์ก็ไม่ได้กินน้ำแกงไก่มานานแล้ว
แม่สามีรักลูกสาวและสามีของหล่อนด้วยใจจริง
อวิ๋นลี่ลี่บอก “คุณแม่คะ ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ ถ้าแม่อยากกินไก่ ก็ซื้อเอาที่นี่ก็ได้ ครอบครัวเราไม่ใช่ว่าจะไม่มีเงินซื้อไก่สักหน่อย? อย่าไปรบกวนพี่สะใภ้สามให้ส่งมาเลยค่ะ ะ แค่นี้ก็มีของเยอะแยะแล้ว”
มีของอยู่เยอะมากจริง ๆ
ตอนนี้ราคาเนื้อหมูนับว่าไม่ถูก เนื้อหมูชั่งหนึ่งราคา 2 ถึง 3 หยวน ซึ่งถือว่าแพงมากทีเดียว
นอกจากเนื้อหมู ยังมีกระดูกหมูและไข่อีกต่างหาก กระดูกหมูแม้จะมีราคาถูกกว่า แต่ก็เป็นวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้ในการทำน้ำแกงให้อร่อย ซูตานหงชอบทำน้ำแกงชนิดนี้มาก มันเป็นส สิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
เพียงแต่กระดูกหมูที่นี่มักมีคนมาซื้อตัดหน้าไปเสียก่อน ต่อให้ต้องการซื้อก็หาได้ไม่ง่ายนัก การหาซื้อในชนบทนั้นถือว่าสะดวกกว่ามาก
ตอนนี้ไข่ไก่ราคาไม่ถูกเช่นกัน มันมาเป็นตะกร้าเล็ก ๆ ที่คุณแม่จี้พูดถึง ซึ่งซูตานหงมักจะส่งมาให้เสมอ ตะกร้าหนึ่งแม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็บรรจุไข่ได้ราว 3 ชั่ง ราคาไข่ไก่ในปั จจุบันอยู่ที่ชั่งละ 7 หยวน รวมแล้วจะมีมูลค่าเท่าไรกัน?
ของพวกนี้ถูกส่งมาที่นี่มากมาย ประมาณเดือนละ 2 ครั้งได้ ครั้งแรกได้ข้าวมาถึง 50 ชั่ง ซึ่งมีราคาแพงมาก รวมถึงค่าอยู่กินอีก 50 หยวน
เพียงเท่านี้ก็นับว่าดีมากแล้ว
รู้ไหมว่าครอบครัวของเฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานเคยส่งอะไรมาให้คุณแม่จี้ที่นี่บ้าง? จี้มู่ตานส่งหัวไชเท้าแห้งมาให้ ส่วนเฝิงฟางฟางส่งผักกาดดองมาให้กระปุกหนึ่ง!
ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้!
“มากตรงไหน ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ฉันไม่ได้กินไก่ด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่ไก่ แต่ยังมีปลาด้วย แต่หล่อนก็ไม่ได้ส่งมาให้ ปลาถูกฆ่ามาเป็นอาหารที่สวน 2 ถึง 3 ตัวทุกวัน แถ ถมยังมีเนื้อกินตลอด ไม่เห็นเหรอว่าเจ้าเด็กจวี้จื่อตอนนี้หน้ากลมขนาดไหน!”
ตอนนี้จวี้จื่อมีหน้าที่ทำอาหารที่สวนแห่งแรก คนในหมู่บ้านล้วนบอกว่าอาหารฝีมือเธอมีรสชาติอร่อย และเธอยังตั้งใจทำงานอย่างหนัก หลังจากเสร็จงานบ้านแล้ว เธอจะไปทำงานที่สวน ต่อ ซึ่งใคร ๆ ต่างก็เห็นกัน
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่ได้คิดค่าอาหารของเธอ โดยเด็กสาวจะกินอาหารทั้ง 3 มื้อที่สวน
เนื่องจากอาหารมีรสชาติอร่อย จวี้จื่อจึงอ้วนท้วนขึ้นมาก สมัยนี้ไม่นิยมลดความอ้วนกัน ด้วยยิ่งอ้วนยิ่งหมายถึงการมีอันจะกิน
ผู้คนสมัยก่อนใช้ชีวิตสุดโต่งกว่ามาก ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ถึง 1970 ได้ยินว่าพวกเขาต้องนำน้ำมันมาทาผมก่อนออกไปข้างนอก เพื่อทำให้หน้าตาดูมีสง่าราศีขึ้น ว่ากันว่าทำให้ดูม มีฐานะและน่ามอง ทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าที่บ้านมั่งคั่งอีกด้วย ไม่อย่างนั้นจะมีน้ำมันใช้ได้อย่างไร?
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เขาให้หมูให้ไข่มาตั้งเยอะแล้วก็ยังคิดเล็กคิดน้อยอีก ลองมาเจอหมูกิโลละสองร้อยกว่าบาทเหมือนตอนนี้สิแล้วจะหนาว
ไหหม่า(海馬)