ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 411 อาหารบำรุงช่วงฤดูหนาว
ตอนที่ 411 อาหารบำรุงช่วงฤดูหนาว
ในวันต่อมา โจวจื่อก็คอยรายงานสถานการณ์ของสะใภ้ใหญ่อวิ๋นให้จี้อวิ๋นอวิ๋นรู้ เขารู้ว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นมีโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า 1,000 หยวนต่อเดือน แต่มันไม่ได้เดือดร้อนสำหรับหล่อนเลยสักนิด
จี้อวิ๋นอวิ๋นไม่พอใจที่โจวจื่อไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด เพราะว่าเรื่องที่เขารายงานมีแค่เรื่องสะใภ้ใหญ่อวิ๋นไปซื้อผัก ทำอาหาร และไปรับลูก ๆ ทุกวัน นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีเรื่องอย่างอื่นเลย
เมื่อกัวต้งเหลียงมาหาหล่อน เขาจึงเห็นจี้อวิ๋นอวิ๋นทำหน้ามุ่ย
แน่นอนว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นกำลังหงุดหงิดใจ หล่อนรู้สึกโมโหที่ไม่ได้อะไรจากการสืบเรื่องของสะใภ้ใหญ่อวิ๋น
หรือว่าสะใภ้ใหญ่อวิ๋นจะไม่ได้ร่วมมือกับใคร หล่อนลงมือคนเดียวอย่างนั้นหรือ?
“เป็นอะไรไปครับ หงุดหงิดอะไรมา?” กัวต้งเหลียงอดเข้ามาถามหล่อนทันทีที่ก้าวพ้นประตูบ้านไม่ได้
“ฉันใกล้คลอดแล้ว เลยอารมณ์แปรปรวนน่ะค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นว่ากระเง้ากระงอด
กัวต้งเหลียงปลอบใจหล่อนในทันที ซึ่งทำให้จี้อวิ๋นอวิ๋นมีความสุขมาก ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันจะคลอดลูกชายที่แข็งแรงให้คุณเอง”
เรื่องสะใภ้ใหญ่อวิ๋นคงต้องพักเอาไว้ก่อน หากอีกฝ่ายทำเรื่องนี้คนเดียวจริง อย่างนั้นแค่ให้เงินหล่อนทุกเดือนก็คงจะพอ เรื่องสำคัญตอนนี้คือการคลอดลูกชายเพื่อยกระดับสถานะของตัวเอง
จี้อวิ๋นอวิ๋นคลอดลูกในอีกครึ่งเดือนต่อมา ซึ่งหล่อนได้ลูกชายตัวโต น้ำหนักมากกว่า 7 ชั่ง
เนื่องจากได้รับการบำรุงร่างกายอย่างเพียงพอระหว่างตั้งครรภ์ ซ้ำยังเคยมีลูกมาก่อน การคลอดครั้งนี้จึงเป็นไปอย่างราบรื่น
หลังจากคลอดลูก ร่างกายของเขาก็เป็นปกติทุกอย่าง และยังเป็นทารกที่แข็งแรงด้วย
ตอนที่จี้อวิ๋นอวิ๋นคลอดลูก เหล่ากัวก็อยู่กับหล่อนด้วย เมื่อเห็นลูกชายลืมตาดูโลก เหล่ากัวถึงกับยิ้มตาหยี เขานำซองแดงมาให้คุณหมอและนางพยาบาล
หลังจากคลอดลูกชายแล้ว ความมั่นใจของจี้อวิ๋นอวิ๋นก็เพิ่มขึ้นจาก 70 เปอร์เซ็นต์เป็น 100 เปอร์เซ็นต์
เหล่ากัวจ้างแม่บ้านอีกคนมาดูแลจี้อวิ๋นอวิ๋นและลูกชาย นอกจากนี้ยังให้เงินรับขวัญจี้อวิ๋นอวิ๋นถึง 10,000 หยวน
แม่บ้านทั้ง 2 คนไม่เคยเห็นสามีที่รักภรรยามากขนาดนี้มาก่อน ระหว่างช่วงอยู่ไฟนี้ เรียกได้ว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นมีชีวิตที่สุขสบายเหลือเกิน
ตอนนี้อากาศหนาวขึ้นแล้ว ซูตานหงจึงทำเสื้อกันหนาวให้ลูก ๆ
ทั้งยังเย็บเสื้อตัวใหม่ให้กับหยวนหยวน เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกถูกใจทีเดียว
ตอนนี้เธอชอบเล่นกับเสียงเสียงที่สุด เธอสนิทสนมกับน้องชายคนนี้ แม้เจ้าตัวแสบอย่างเสียงเสียงจะเด็กกว่าหยวนหยวน แต่เขามีเล่ห์เหลี่ยมเยอะกว่ามาก หยวนหยวนจึงเรียกเขาเป็นพี่ชาย
เขาโกหกหยวนหยวนไว้ว้า “ถ้าเธอเป็นพี่สาวฉันก็ต้องปกป้องฉัน แต่ถ้าเรียกฉันว่าพี่ชายแล้วมาเป็นน้องสาวฉัน ฉันก็จะปกป้องเธอ และเล่นกับเธอด้วย”
ด้วยเหตุนี้ หยวนหยวนจึงเรียกเขาเป็นพี่ชาย
พวกผู้ใหญ่ไม่อาจบอกให้เธอเลิกเรียกอย่างนี้ได้ หยวนหยวนจึงเรียกเขาว่าพี่เสียงเสียงต่อไป
เสียงเสียงใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้เช่นกัน จนบางครั้งซูตานหงยังเผลอคิดว่าเสียงเสียงเป็นพี่ชาย และหยวนหยวนเป็นน้องสาวจริง ๆ
พักเรื่องของเสียงเสียงไว้ก่อน ตอนนี้หยวนหยวนเปลี่ยนไปกว่าแต่ก่อน เมื่อก่อนเธอไม่กล้าเล่นกับเด็กคนอื่น ค่อนข้างขี้อายทีเดียว
ตอนนี้เธอมีเพื่อนผู้หญิง 2 ถึง 3 คนได้ และยังสนิทกับคนอื่นๆ ในหมู่บ้านมากขึ้น
เธอสดใสร่าเริงกว่าก่อนมาก เธอบอกในสิ่งที่ต้องการออกมาตรงๆ และไม่เก็บเงียบไว้คนเดียว ยิ่งเหมือนเสียงเสียงขึ้นทุกวัน ซึ่งเธอคงเรียนรู้มาจากเขา
อย่างตอนที่ทำเสื้อกันหนาวครั้งนี้ หยวนหยวนก็บอกว่าอยากให้ติดดอกไม้ที่อกเสื้อด้วย
ซูตานหงเย็บเพิ่มให้เธอเป็นดอกบัวเล็ก ๆ น่ารัก ซึ่งหยวนหยวนชอบมันมาก ก่อนจะหยิบมาสวม เธอก็มักจะลูบดอกบัวดอกน้อยนั้น
ตอนนี้เข้าเดือนตุลาคมแล้ว แม้อากาศจะไม่หนาวเท่าเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ แต่ก็ยังมีลมเย็นโชยมาอ่อน ๆ อีกไม่นานอากาศคงหนาวเย็นกว่านี้
ซูตานหงเริ่มทำอาหารบำรุงให้ครอบครัว
ฤดูหนาวเป็นช่วงที่ต้องบำรุงร่างกาย หากได้รับสารอาหารที่ดีในฤดูหนาว จะมีสุขภาพดีไปตลอดฤดู ต่อให้เป็นหวัดก็จะอาการดีขึ้นใน 2 ถึง 3 วัน ร่างกายจะแข็งแรงขึ้นมาก
ไม่ใช่เพียงฤดูหนาวเท่านั้น ในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อนที่เป็นหวัดได้ง่าย ก็จะมีโอกาสเป็นหวัดน้อยลงเช่นกัน
วันนี้ซูตานหงจึงลงมือเคี่ยวน้ำแกงไก่
ไก่นี้มีไว้สำหรับเด็ก ๆ กิน โดยเธอทำเผื่อจี้เสี่ยวตง เสี่ยวเจิน และเสี่ยวอวี้ด้วย
รวมถึงเหรินเหริน ฉีฉี เสียงเสียง และเยียนเอ๋อร์ หากเด็ก ๆ ได้กินไก่ จะช่วยบำรุงสมองได้
แต่ละคนได้กินน้ำแกงไก่พร้อมกับเนื้อไก่ไปคนละชาม ซึ่งพวกเขาต่างถูกใจในรสชาติมาก
เด็ก ๆ มักเป็นแบบนี้ ถึงพวกเขาจะไม่ค่อยอยากกินนัก แต่ยิ่งมีคนมากขึ้น พวกเขากลับรู้สึกอร่อยขึ้นที่ได้แย่งกันกินไก่ชิ้นเดียว
น้ำแกงที่เคี่ยวมาให้เด็ก ๆ กินบำรุงร่างกายมีเพียงไก่ พวกเขาจึงรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น แต่สำหรับเด็ก ๆ เท่านี้ถือว่าดีมาก เนื่องจากพวกเขามีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว ทำให้เติบโตได้ดี ไม่จำเป็นต้องบำรุงมากนัก
แต่น้ำแกงไก่ส่วนที่ซูตานหงกับจี้เจี้ยนอวิ๋นกินนั้น มีการใส่เห็ดถั่งเช่าลงไปด้วย
พวกเขาอยู่ในวัยที่สามารถกินของบำรุงร่างกาย และจำเป็นต้องกินเพื่อบำรุง จี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อเห็ดถั่งเช่านี้มาตอนไปซื้อม้าเมื่อปีก่อน ซึ่งเป็นของแห้งที่ยังมีคุณภาพดีในปีนี้
ซูตานหงมักจะเคี่ยวน้ำแกงไก่ให้จี้เจี้ยนอวิ๋นกินเป็นประจำ บางครั้งเธอจะกินแค่น้ำแกง ส่วนไก่จะยกให้จี้เจี้ยนอวิ๋นกิน ตลอดปีมานี้จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่ป่วย มีบ้างในช่วงฤดูร้อนที่เขามีอาการลมแดดแบบไม่รุนแรง แต่ผ่านไป 2 ถึง 3 วัน ร่างกายก็กลับมาหายดีเป็นปกติ
คงเป็นเพราะอาหารที่ซูตานหงเตรียมไว้ให้เขาครบถ้วน 3 มื้อ รวมถึงการที่เธอบำรุงร่างกายเขาเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
ซูตานหงให้ความสำคัญกับเรื่องการรักษาสุขภาพเป็นพิเศษ เธอคิดว่าตราบใดที่กินของดีมีประโยชน์ก็จะทำให้ป่วยน้อยลง ไม่อย่างนั้นต่อให้ประหยัดเงินได้ สุดท้ายแล้วเงินที่หามาทั้งหมดก็จะต้องใช้เป็นค่ายาค่าหมอ แล้วเหตุใดจึงต้องทรมานร่างกายตัวเองด้วย?
เธอจึงให้จี้เจี้ยนอวิ๋นกินอย่างเต็มอิ่มในทุกมื้อ ไม่เช่นนั้นเขาจะมีแรงไปทำงานข้างนอกได้อย่างไร?
ไม่เพียงแต่ทำน้ำแกงไก่ใส่เห็ดถั่งเช่ากินเอง เธอยังบอกให้จวี้จื่อเคี่ยวให้คนที่สวนกิน โดยใส่เห็ดถังเช่าด้วย ซึ่งช่วยบำรุงร่างกายผู้อาวุโสทั้งสอง ทุกวันนี้พวกเขาจึงกระปรี้กระเปร่ากันมาก
โดยเฉพาะเหล่าจาง เขารู้สึกว่าชีวิตของเขามีความสุขดี และสงบสุขมาก
มีหรือจะต้องกังวลว่าจะมีเรื่องไม่สบายใจ?
เพราะเริ่มบำรุงร่างกายในฤดูหนาวแล้ว มันจึงเห็นผลชะงัด ดังนั้นในขณะที่เด็กบางคนในหมู่บ้านเป็นหวัด แต่บรรดาหลานๆ ตระกูลจี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น
พวกเขาทั้งหมดล้วนมีสุขภาพแข็งแรง
“แม่ครับ พี่เสี่ยวตงบอกว่าจะมากินข้าวเย็นที่บ้านเรานะครับ” เหรินเหรินลงจากสวนมาบอก
“งั้นให้เขามาสิจ๊ะ” ซูตานหงตอบ
เธอมักทำอาหารที่บ้านไว้มากมายอยู่แล้ว ต่อให้เธอกินไม่หมดก็ไม่เป็นไร เพราะยังมีเจ้าพวกจอมเขมือบอยู่ พวกเขากินไก่ได้ทั้งตัว จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้เลย
…………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เด็ก ๆ น่ารักกันจังเลยค่ะ โดยเฉพาะหยวนหยวนที่เติบโตขึ้นอย่างดีเลย
เจ้าเสียงเสียงเด็กแสบ สอนอะไรพี่สาวคะ
ไหหม่า(海馬)