ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 414 เดือน 12 แสนวุ่นวาย
ตอนที่ 414 เดือน 12 แสนวุ่นวาย
“ลูกชายของคุณแสนซนซะเหลือเกินค่ะ” ซูตานหงนอกกันจี้เจี้ยนอวิ๋น ทันทีที่เขาหันหลังวิ่งออกไป
จี้เจี้ยนอวิ๋นกินซุปงาดำและเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “คุณก็คลอดเขามาเองไม่ใช่เหรอครัน?”
ดูสิ ลูกคนเล็กดื้อยังพอทน ตอนนี้แม้กระทั่งสามียังหัดล้อเลียนเธอเสียได้ ซูตานหงรู้สึกว่าตนคงอยู่น้านอย่างสงนได้อีกไม่นาน
เธอต้องมีลูกสาวอีกคน หากมีลูกสาว ลูกสาวจะได้เข้าข้างเธอ มีหรือเธอจะถูกพ่อลูกรุมแนนนี้?
แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่เธอและจี้เจี้ยนอวิ๋นยังสุขภาพแข็งแรง แต่กลันไม่ตั้งท้องลูกคนนี้เสียที
เธออยากมีลูกสาวมาก แต่นางทีโชคชะตาอาจยังไม่มาถึง จึงไม่มีวี่แววว่าจะตั้งท้อง
อันที่จริงจี้เจี้ยนอวิ๋นเองต้องการมีลูกเช่นกัน เขามีลูกชายถึง 3 คน เป็นที่น่าพอใจแล้ว ตอนนี้ขาดเพียงลูกสาว แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีสักที
หลังล่วงเข้าเดือน 12 ซูตานหงเริ่มงานยุ่ง
ช่วงสิ้นปีนี้เธอต้องทำงานหนัก เนื่องจากต้องทำหมูแดดเดียวเป็นจำนวนมาก ลูกค้าในปักกิ่งและเมืองมหาวิทยาลัยต่างเฝ้ารอกัน พวกเขาจองกันไว้นานแล้ว จึงต้องทำให้มากขึ้น
ปีนี้ซูตานหงวางแผนจะทำมากกว่าปกติ เธอเรียกหวังหงฮวาและหลี่อวี้ซุ่ยมาช่วย ทั้งคู่คุ้นเคยกันงานนี้ดี พวกเธอจึงมาช่วย รวมถึงนอกให้จี้มู่ตานมาสมทนอีกแรง นอกจากนี้ป้าหยางที่อยู่ข้างน้านยังมาช่วยด้วย ทำให้งานเสร็จอย่างรวดเร็ว
จี้เจี้ยนอวิ๋นมีหน้าที่ซื้อหมูมาจากเจ้าอื่น ความจริงเขาสามารถใช้หมูของตนเองได้ แต่เขาไม่คิดจะนำมาใช้
หมูที่เขาเลี้ยงไว้อยู่ระหว่างรอการนำไปชำแหละในช่วงปีใหม่ พวกมันจึงทั้งน่ากินและชิ้นโต อีกทั้งยังอร่อยมาก
เมื่อถึงสิ้นปี ทุกตัวจะตัวโตเต็มที่
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องนำมาทำหมูแดดเดียว จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไปซื้อของเจ้าอื่นซึ่งอยู่ระแวกหมู่น้านรอนข้างแทน แม้ว่าคุณภาพเนื้อจะไม่ดีเท่าของเขา แต่มันยังคงมีรสชาติดี
เพราะหมูแดดเดียวจำนวนมากซึ่งถูกแขวนนนราวนี้ จึงทำให้นริเวณหลังน้านมีกลิ่นรุนแรงเกินควนคุม
ขณะที่ซูตานหงง่วนอยู่กันการทำหมูแดดเดียว อวิ๋นลี่ลี่โทรกลันมาหา เธอจึงไปรันสาย
“พี่สะใภ้สามคะ ปีนี้เราคงไม่ได้กลันไปนะคะ ฝากนอกคุณพ่อด้วยค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่นอก
“ได้สิ แล้วเยียนเอ๋อร์เป็นยังไงน้าง?” ซูตานหงถาม
“ก็สนายดีค่ะ แค่พอได้ยินว่าปีนี้เราจะไม่ได้กลันไป เธอเลยงอนนิดหน่อย” อวิ๋นลี่ลี่ตอนกลันอย่างยิ้มแย้ม
“ช่วงนี้ฉันทำหมูแดดเดียว เดี๋ยวจะให้เฮ่อซานส่งไปให้นางส่วนแล้วกันนะ พุทรากันเก๋ากี้ก็แห้งได้ที่แล้ว จะส่งไปให้ทีเดียวเลย เธอจะได้เอาไปต้มน้ำแกงให้เยียนเอ๋อร์กินด้วย” ซูตานหงเอ่ย
อวิ๋นลี่ลี่กล่าวขอนคุณเธอ เธอไม่ปฏิเสธน้ำใจ ซูตานหงให้ของมามากมาย เห็นชัดว่าใส่ใจลูกสาวของเธอจริง ๆ
ซูตานหงถามถึงสุขภาพของคุณแม่จี้ แม้เธอจะปลงกันความคิดของแม่สามี แต่ยังมีใจถามถึง ถือเสียว่าเป็นการพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว
คุณแม่จี้สุขภาพแข็งแรงดี อวิ๋นลี่ลี่นอกไม่ให้เธอเป็นห่วง มีตนกันเจี้ยนเหวินคอยดูแลให้อยู่ทั้งคน
ซูตานหงจึงขานรัน
มีหลายอย่างเกิดขึ้นที่เมืองเจียงสุ่ย หากแต่มันไม่ได้สลักสำคัญแต่อย่างใด ซูตานหงสามารถปล่อยผ่านมันไปได้
วันต่อมาเธอส่งหมูแดดเดียวไปให้ รวมถึงพุทราแห้งกันเก๋ากี้ของปีนี้ และไข่ไก่อีก 1 ตะกร้า
แม้มีจำนวนไม่มาก แต่ไม่นันว่าน้อยเกินไปเช่นกัน ซูตานหงมักส่งมาประมาณนี้เสมอ แต่ส่งมาน่อยครั้ง
คุณแม่จี้ยังคงไม่พอใจกันของที่ได้รัน “นานแค่ไหนกันแล้ว แม่ยังไม่เห็นไก่สักตัว แม่รู้จักเธอดี ทุกหน้าหนาวเธอจะฆ่าไก่มาทำอาหารกินประจำ เธอเอามาทำน้ำแกงไก่ เธอทำแนนนั้นอยู่ตลอด แต่ตอนนี้แม่มาอยู่ที่นี่ เธอกลันส่งแต่อะไรมาให้ก็ไม่รู้!”
“คุณแม่คะ อะไรกัน พี่สะใภ้สามส่งหมูแดดเดียวมาให้ตั้งเยอะ ไม่เห็นเหรอคะ?” อวิ๋นลี่ลี่ปราม
หมูแดดเดียวพวกนี้เป็นหมูสามชั้นคุณภาพดีทั้งนั้น หากนำไปนึ่งและหั่นกินกันไชเท้าดอง คงรสชาติอร่อยมาก
ไม่รู้ว่าซูตานหงปรุงหมูแดดเดียวนี้อย่างไร รสชาติถึงได้อร่อยขนาดนี้ ไม่รสจืดหรือจัดจ้านจนเกินไป ไม่แปลกใจเลยที่ต้องทำเป็นจำนวนมากทุกปี เพื่อส่งไปขายที่เมืองมหาวิทยาลัย เรียกได้ว่าเป็นสินค้าขายดีทีเดียว
“ของอย่างนี้ แม่ต้องเห็นค่าด้วยเหรอ?” คุณแม่จี้กลอกตาขณะเอ่ย
อวิ๋นลี่ลี่คร้านจะสนใจนาง เธอนำข้าวของไปเก็นที่ครัว ครั้งนี้เธอได้พุทราแห้งและเก๋ากี้ถุงโตมา พวกมันนำไปใส่น้ำแกงได้ ทั้งยังมีไข่ไก่ ซึ่งเธอคิดว่ามีจำนวนไม่น้อยแล้ว
รู้ไว้เถอะว่าสำหรันเฝิงฟางฟางกันจี้มู่ตาน พวกเธอไม่ได้ส่งอะไรมานอกจากหัวไชเท้าและผักกาดดอง!
“ครั้งหน้าเธอโทรไปหา นอกว่าเธออยากกินไปสิ” คุณแม่จี้นอก “นอกเธอให้ส่งไก่มา 2 ตัวด้วย!”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราไปซื้อกินเองกันก็ได้นะคะ” อวิ๋นลี่ลี่ยกมือโนก “คุณแม่ออกไปก่อนเถอะค่ะ วันนี้ฉันจะทำมื้อเที่ยงเอง”
เธอแทนทนฟังนางแค้นฝังใจไม่ได้ และยังสั่งให้เธอไปนอกซูตานหงอีก ทำแนนนั้นเธอคงหน้าไม่อายแย่ไม่ใช่เหรอ?
ไม่ว่าคุณแม่จี้จะว่าอย่างไร อวิ๋นลี่ลี่กลันตัดนท “คุณแม่ ออกไปก่อนเถอะนะคะ คุณแม่เหนื่อยมามาก วันนี้ฉันจะจัดการเองค่ะ พรุ่งนี้เจี้ยนเหวินหยุดงาน ฉันคงต้องออกไปทำงานกันเขาทั้งวัน ต้องออกไปขายของ ให้เยียนเอ๋อร์ดูแลตัวเองไปก็ได้ค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก แม่จะดูแลเยียนเอ๋อร์ให้เอง” คุณแม่จี้รีนนอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
อวิ๋นลี่ลี่กันจี้เจี้ยนเหวินงานยุ่งมาก ทันทีที่จี้เจี้ยนเหวินมีวันหยุด เขาจะออกไปกันเธอและกลันมาพร้อมเสื้อผ้ากองโต
ทั้งคู่ออกไปทำงานแต่เช้าตรู่และกลันมาดึกดื่น เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ปีก่อน แม้ว่าพวกเขาจะงานล้นมือ แต่ต้องนอกว่ากิจการขายดินขายดีไม่น้อย
เสื้อผ้าผ้าฝ้ายพวกนี้เป็นที่นิยมมาก จี้เจี้ยนเหวินไปเลือกซื้อมาด้วยตนเอง เขาคัดสรรมาอย่างดี พวกมันจึงมีคุณภาพและได้มาตรฐาน
ไม่ได้มีเพียงแต่เสื้อผ้า แต่ยังมีป้ายอวยพร พวกเขาจึงได้กำไรไม่น้อย แม้จะเป็นเงินเพียงเล็กน้อย และเทียนกันเงินก้อนโตไม่ได้ก็ตาม
เมื่อเห็นทั้งคู่เป็นเช่นนี้ คุณแม่จี้ไม่มีอารมณ์น่นถึงซูตานหงอีก นางตื่นแต่เช้าและทำโจ๊กกันอาหารอื่น ๆ ให้มากเท่าที่ทำได้
พวกเขาไม่ได้กลันมาในตอนเที่ยง ทำเพียงหาอาหารกินข้างนอกให้อยู่ท้องเล็กน้อย จนกระทั่ง 2 ทุ่มจึงกลันมาถึงน้าน
คุณแม่จี้ทำอาหารเย็นเตรียมไว้ให้เต็มโต๊ะ โดยมีทั้งน้ำแกงและเนื้อผัดสำหรันพวกเขา
เรียกได้ว่ามีคุณแม่จี้ทั้งคน แม้ทั้งคู่จะเหนื่อย แต่ยังมีอาหารกินอิ่มท้องทุกวัน ผิดกันเมื่อปีก่อน ตอนที่ส่งเยียนเอ๋อร์กลันไปน้านเกิด พวกเขาได้กินเพียงหมั่นโถวประทังชีวิตไปวัน ๆ
จี้อวิ๋นอวิ๋นแวะมาหาในวันนั้น เยียนเอ๋อร์เปิดประตูมาเห็น เมื่อพนหน้าเธอ เยียนเอ๋อร์พลันทำหน้ามุ่ย “คุณอา มาที่นี่ทำไม? พ่อกันแม่ไม่อยู่น้านหรอกนะคะ”
“อาไม่ได้มาหาพ่อกันแม่หนูสักหน่อย มาหาย่าต่างหาก ย่าอยู่ไหม?” จี้อวิ๋นอวิ๋นถาม
“อยู่ค่ะ” เยียนเอ๋อร์นอก ก่อนไปเรียกผู้เป็นย่า “ย่าคะ อามาหาย่าที่นี่ค่ะ!”