ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 420 สร้างภูมิคุ้มกัน
ตอนที่ 420 สร้างภูมิคุ้มกัน
“พี่สะใภ้ของพี่ยอมหย่าทั้งอย่างนั้นเหรอคะ?” ซูตานหงรู้สึกงุนงงกับเรื่องราวที่ดูจะราบรื่นเกินไปเสียหน่อย “นังจิ้งจอกคนนั้นก็รอดตัวไปน่ะเหรอ?”
“เธอไม่รู้นิสัยพี่สะใภ้ฉัน หล่อนทนเรื่องแบบนี้ไม่ได้หรอก ก็เลยต้องหย่าให้เร็วที่สุดน่ะสิ” เจินเหมียวหงบอก
“แต่อยู่ข้างนอกตามลำพังคงไม่ง่ายหรอกนะคะ” ซูตานหงถอนหายใจ
“ไม่หรอก พี่สะใภ้ของพี่น่ะซื้อบ้านไว้ที่เซี่ยงไฮ้ อยู่ในย่านที่เจริญมาก แถมคุณภาพชีวิตก็ค่อนข้างดี สภาพสังคมสมัยนี้ต่างกับเมื่อก่อนแล้ว หล่อนสบายใจที่ได้อยู่คนเดียวมากกว ว่าน่ะ”
“ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยค่ะ” ซูตานหงถอนหายใจพลางส่ายหน้า
“ใช่แล้ว ตอนแรกพี่สามีดูเป็นคนดีมาก แต่นึกไม่ถึงว่าจะทำเรื่องแบบนี้ลง พี่สะใภ้ผ่านร้อนผ่านหนาวกับเขามาตั้งหลายปี ไม่เคยคิดว่าจะลืมวันคืนดี ๆ ร่วมกันแบบนี้เลย” เจินเหมีย ยวหงเอ่ย
“แต่พี่สะใภ้ของพี่ก็ใจกว้างมากเหมือนกันนะคะ” ซูตานหงบอก
เธอชื่นชมในเรื่องนี้ ตรงที่หล่อนสามารถทำใจหย่าแต่โดยดี ก่อนจากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อื่นด้วยตัวเอง
“ไม่มีใครใจกว้างเท่าพี่สะใภ้อีกแล้วล่ะ หล่อนขายบ้านทิ้งด้วย” เจินเหมียวหงตอบ
แต่ต้องบอกว่าพี่สะใภ้ของหล่อนพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว จะให้ไปบอกสามีว่าไม่ให้พาผู้หญิงข้างนอกเข้ามาเหรอ? มันไม่เข้ากับนิสัยของหล่อนเลยสักนิด พี่สะใภ้หล่อนไม่คิดอยากมีเรื่อง ก็จริง แต่ไม่ยอมให้อภัยเสียดีกว่า
แน่นอนว่าหล่อนทนอยู่แบบนี้ไม่ไหวอีกแล้ว การหย่าจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับหล่อน
ยิ่งไปกว่านั้น สามีของหล่อนยังไม่ใจแคบ เขาให้เงินมาก้อนโต พี่สะใภ้จึงมีชีวิตสุขสบายได้
ซูตานหงนึกยินดีไปด้วย ผู้หญิงสมัยนี้ช่างเด็ดเดี่ยวมากจริง ๆ และเธอคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี
หากเธออยู่ในชาติที่แล้ว การที่ผู้ชายมีภรรยาน้อยนั้นจะถือเป็นเรื่องปกติ และเธออาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนี้ได้
ตอนนี้พี่สะใภ้ของหงเจี่ยได้ตัดสินใจหย่าทันที เนื่องจากสามีมีหญิงอื่นนอกบ้าน คงไม่มีสิ่งใดดีไปกว่านี้แล้ว
แต่ถ้าให้พูดถึงการหย่าร้างในยุคสมัยเมื่อชาติที่แล้วของเธอล่ะ
การหย่าร้างสมัยนั้นเป็นเรื่องน่าอับอายที่สุดสำหรับคนเป็นภรรยา การทนอยู่ด้วยกันต่อไปจึงเป็นหนทางที่ดีกว่า เพราะเมื่อหย่าร้างกันแล้วและฝ่ายหญิงออกจากบ้านสามี ครอบครัวเดิมจะ ะไม่ยอมรับเธอกลับเข้าตระกูลอีก
ดังนั้นผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ผ่านการหย่าร้างมาจะต้องออกไปอยู่เพียงลำพัง หากแต่แม่ม่ายเหล่านี้จะมีชีวิตสุขสบายได้อย่างไร? นอกจากต้องเจอพวกอันธพาลข่มเหงรังแกแล้ว ผู้คนรอบข้างก็ยั งพากันดูถูก ไม่มีสิ่งไหนที่ลำบากยากเข็ญเท่านี้อีกแล้ว
ผิดกับยุคสมัยนี้ ที่แม้การหย่าร้างจะยังไม่เป็นที่น่าพิสมัยนัก แต่หากรู้ว่าสามีแอบนอกใจและเลือกจะหย่า คนอื่นก็จะนึกชื่นชม
มีเพียงเงื่อนไขเดียวคือต้องมีเงิน หากไม่มีเงินก็ไม่พ้นต้องไร้หนทางไป แล้วจะมีปัญญาเลี้ยงลูกได้อย่างไร?
หงเจี่ยแวะมาหาในตอนเที่ยง ร่วมรับประทานมื้อกลางวันด้วยกัน และรั้งอยู่จนกระทั่งบ่าย 3 โมง
หญิงแกร่งคนนี้สามารถขับรถไปไหนมาไหนด้วยตนเอง หล่อนขับรถไปได้ทุกที่ตามต้องการ ซึ่งสะดวกสบายมากทีเดียว
เนื่องจากครั้งนี้หล่อนขับรถมาเอง ซูตานหงจึงให้ของฝากกลับไปหลายอย่าง ทั้งลูกพลับแห้ง หมูแดดเดียว ไก่ 2 ตัว ปลาเค็ม เนื้อแกะอีกครึ่งชั่ง และขาหมูขาใหญ่จากบ้านเธอเอง
เธอมักให้มอบของให้จำนวนมากเสมอ จนเจินเหมียวหงถึงกับบอกว่ามากเกินไป ซูตานหงจึงเอ่ยขึ้น “ของพวกนี้บ้านเราผลิตเอง ไม่ได้คิดเป็นเงินอะไรเลยค่ะ เทียบกับเสื้อผ้าราคาแพงที่ พี่ซื้อให้เหรินเหรินกับน้อง ๆ ของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ”
รอบนี้หงเจี่ยซื้อเสื้อผ้ามาให้เหรินเหริน ฉีฉี และเสียงเสียง โดยซื้อมาให้คนละ 2 ชุด ไม่ได้มีเพียงแต่เสื้อผ้า ยังมีรองเท้าผ้าใบ ซึ่งได้ไปคนละ 2 คู่ ทั้งหมดซื้อมาจากเซี่ยงไฮ้ แน่นอนว่าทั้งคุณภาพและการออกแบบดูดีทีเดียว เหล่าพี่น้องถูกใจกันมาก
“เธอถือสาเรื่องนี้กับพี่เหรอ? อย่างนั้นครั้งหน้าพี่จะมาที่นี่มือเปล่าแล้วกัน” เจินเหมียวหงว่าขึ้นอย่างแง่งอน
“อย่างนั้นฉันก็ยังจะให้ข้าวของกองโตกลับไปค่ะ” ซูตานหงบอก “ของพวกนี้เป็นของสำหรับหลานชายกับหลานสาวฉัน ถ้าพี่ไม่กินเองก็เอาไปให้ที่บ้านได้นะคะ”
เจินเหมียวหงจึงไม่มีทางเลือก นอกจากขนของทั้งหมดกลับบ้านไป
ตอนนี้ครอบครัวหล่อนอาศัยในเมืองมหาวิทยาลัย แต่อยู่ห่างจากร้านค้าของจี้เจี้ยนอวิ๋นออกไป ที่หนึ่งอยู่ฟากตะวันออก ในขณะที่อีกที่อยู่ฟากตะวันตก ต้องใช้เวลาขับรถไปมากกว่า 1 ชั่วโม มง จึงจะไปถึงในสภาพที่การจราจรไม่ติดขัด หากรถติดจะต้องเสียเวลามากกว่านี้
ซูตานหงเล่าเรื่องนี้ให้จี้เจี้ยนอวิ๋นฟัง
“ตอนนี้บ้านเมืองพัฒนาไปก้าวกระโดด มีสิ่งล่อตาล่อใจข้างนอกเยอะแยะ ในฐานะผู้ชาย ก็ควรจะยึดถือจริยธรรมไว้ ไม่อย่างนั้นคงทนได้ไม่นาน คอยดูต่อไปเถอะ ในอนาคตเขาก็จะนอกใจไปหาผู้ห หญิงคนอื่นอีก ผู้หญิงที่เขานอกใจไปหาตอนนี้ก็คงเหนื่อยใจและทนไม่ไหวเหมือนกันนั่นแหละครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
ซูตานหงปลื้มใจกับคำตอบของเขา ก่อนเอ่ยถาม “แล้วคุณล่ะคะ?”
“ผมน่ะเหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นชะงัก ด้วยไม่รู้ว่าเหตุใดเธอจึงถามขึ้น
“ฉันถามว่าถ้าคุณมีเงินแล้วจะออกไปนอกใจฉันไหมคะ?” ซูตานหงสบตาเขา
สีหน้าจี้เจี้ยนอวิ๋นพลันบูดบึ้ง “ภรรยา ผมจะรักใครไปมากกว่าคุณกันครับ? ตอนนี้ครอบครัวเราก็สุขสบายดีออกขนาดนี้ ผมจะไม่มีความสุขได้ยังไงกัน?”
นอกจากนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นยังไม่ใช่ผู้ชายประเภทนั้นด้วย ตัวเขาเองยังรังเกียจผู้ชายแบบนั้น
“จำที่คุณพูดวันนี้ไว้นะคะ ถ้าฉันรู้ว่าคุณนอกใจแม้แต่ครั้งเดียว ฉันไม่ปล่อยไว้แน่ คอยดูผลที่ตามมาได้เลยค่ะ!” ซูตานหงจ้องเขาเขม็งขณะเอ่ย
จี้เจี้ยนอวิ๋นมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่แน่ว่าอาจเพราะตอนนี้เย็นมากแล้ว เขาจึงพาเธอไปสำเร็จโทษครู่หนึ่ง หลังเสร็จกิจ ซูตานหงก็หอบตัวโยน และยังไม่กลับมาเป็นปกติดี
“ต่อไปห้ามพูดเรื่องแบบนั้นอีกนะครับ ทั้งคุณและลูก ๆ ผมจะรับผิดชอบดูแลไปทั้งชีวิต ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเด็ดขาด!” จี้เจี้ยนอวิ๋นกำชับ
ครั้งนี้ซูตานหงไม่ได้คุมกำเนิด เธอซบลงในอ้อมแขนเขาอย่างแนบชิด
เธอกินเกี๊ยวหมูตอนดึก จี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นคนลงมือทำ และนำเข้ามาให้เธอกิน ด้วยเธอรู้สึกขี้เกียจและไม่คิดอยากขยับตัวไปไหน
จี้เจี้ยนอวิ๋นอ้างกับลูก ๆ ว่าเธอไม่ค่อยสบาย และต้องนอนพักผ่อน
ลูก ๆ สลับกันมาหาเธอ ทำให้เธอมีความสุขไม่น้อย
ซูตานหงทำทีเป็นรู้สึกดีขึ้นและส่งลูก ๆ ออกไปทำหน้าที่ของพวกเขา ครั้นตกดึกจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่ปล่อยให้เธอรอดตัวไป พาเธอออกกำลังกาย 2 รอบก่อนจะให้เธอพัก และนอกกอดเธอหลับไป
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ การได้นอนอยู่ใต้ผ้านวมมันช่างให้ความรู้สึกต่างจากเดิมนัก ทั้งอบอุ่นและไม่หนาวแม้แต่น้อย
ซูตานหงหลับยาวไปจนถึงรุ่งสาง ก่อนตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้า
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ถือเสียว่าผ่านพ้นไปแล้ว อย่าพูดมันถึงอีกเลย
ทั้งวันนี้ยังเป็นวันส่งท้ายปีเก่าด้วย สมควรต้อนรับปีใหม่อย่างมีความสุข
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อยากให้พวกผู้ชายมีทัศนคติแบบพี่จี้จัง ว่าแต่พี่จี้ทำโทษแรงขนาดนี้เนี่ย ลูกสาวจะมาเกิดแล้วไหมนะ
ไหหม่า(海馬)