ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 421 ลูกสะใภ้
ตอนที่ 421 ลูกสะใภ้
หลังซูตานหงทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว เธอก็ตะโกนเรียกลูกชายที่ยังไม่ลุกจากเตียงเสียที
ในช่วงหน้าร้อนไม่มีใครตื่นสายสักคน แต่เมื่อเข้าฤดูหนาว พวกเขากลับเหมือนคนเป็นพ่อไม่มีผิด ที่ต้องรอให้ไปปลุกก่อนถึงจะตื่นขึ้นมาได้
อันที่จริงในช่วงแรกที่จี้เจี้ยนอวิ๋นปลดประจำการมาอยู่กับบ้านก็ไม่เป็นแบบนี้ เขามักจะตื่นเช้าอยู่เสมอ
ภายหลังจากนั้นเขาก็เคยตัว แถมบางครั้งเขายังทำนิสัยเหมือนเด็ก ๆ อีกต่างหาก แต่มันทำให้ซูตานหงใจอ่อนทุกครั้งที่เขาเป็นเช่นนั้น
เจี้ยนอวิ๋นมักเป็นชายผู้แข็งแกร่งสำหรับครอบครัวเธอ การที่เขาทำตัวเหมือนเด็กบ้าง ทำให้เธอแทบทนไม่ไหวกับความน่ารักของเขา
หลังได้มาอยู่ในยุคสมัยใหม่มานานพอสมควร ซูตานหงก็ได้รับอิทธิพลทางความคิดของผู้หญิงสมัยใหม่มาบ้าง
หลังจากเตรียมอาหารเสร็จ เธอก็ไปปลุกพวกเขา
หยวนหยวนถูกพาตัวกลับไป ไม่ได้อยู่ฉลองปีใหม่ด้วยกัน เพราะต้องไปอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่
ตอนนี้ฉีฉีกับเสียงเสียงจึงนอนด้วยกัน เหรินเหรินยังอยู่กับเหล่าจางที่สวน เธอปลุกทั้งฉีฉีและเสียงเสียง สวมเสื้อผ้าตัวใหม่ให้ และสั่งให้ไปแปรงฟันล้างหน้าจากนั้นเหรินเหรินก กับเหล่าจางจึงลงมาจากสวนเพื่อกินมื้อเช้าด้วยกัน
วันส่งท้ายปีเก่ายังคงคึกคักเช่นเคย ปีนี้ชาวบ้านหลายคนร่ำรวยขึ้นมาก โดยเฉพาะคนที่ออกไปทำงานหรือตั้งธุรกิจข้างนอกแล้วกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด
ทำให้คนทั้งหมู่บ้านล้วนมีความสุขในวันปีใหม่นี้
ช่วงปีใหม่เป็นช่วงที่เด็ก ๆ จะมีความสุขที่สุด พวกเขาได้ซองแดงกันถ้วนหน้า หากได้ซองแดง ก็จะมีเงินไปใช้ซื้อปืนของเล่นและของอื่น ๆ ได้อีกมาก
ปีนี้ซูตานหงใจดีเป็นพิเศษ เธอให้ซองแดงลูกชายทั้ง 3 คนถึงคนละ 2 หยวน
มันเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก แต่ก่อนเธอเคยให้เพียง 5 เหมา ตอนนี้ให้ถึง 2 หยวน หลังจากได้รับไปแล้วทั้งฉีฉีและเสียงเสียงต่างก็มีท่าทางดีใจกันใหญ่ ส่วนเหรินเหรินนั้นมองข้ามเงิน พวกนี้ไปและไม่ได้ให้ความสำคัญนัก
และการอวยพรบรรพบุรุษในวันส่งท้ายปีเก่าก็ไม่พ้นต้องกลับมาเตรียมกินข้าวมื้อเย็นร่วมกัน
ครอบครัวของจี้เจี้ยนเหวินไม่ได้กลับมาในปีนี้ คุณแม่จี้เองก็ไม่ได้กลับมาเช่นกัน แต่มันก็ไม่ได้มีผลกระทบกับบรรยากาศรื่นเริงในครอบครัวจี้เลย
มีหลาน ๆ ถึง 6 คน และผู้ใหญ่อีกหลายคนนั่งล้อมวงกินอาหารเต็มโต๊ะ ชวนให้บรรยากาศครึกครื้นนัก
คุณพ่อจี้มีความสุขมาก แม้จะไม่ได้มาพร้อมหน้ากัน แต่ตอนนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว และเขาก็พึงพอใจทีเดียว
จี้เจี้ยนอวิ๋นนำเหล้าชั้นดีมาดื่ม เป็นเหล้าเหมาไถต้นตำรับซึ่งเจินเหมียวหงเอามาฝาก ซึ่งเขานำมาถึง 2 ขวด
ส่วนอาหารบนโต๊ะก็อร่อยไม่แพ้กัน มีทั้งขาหมู เป็ดตุ๋น ไก่ย่าง ปลาตัวโต เช่นเดียวกับหมูสามชั้น ลูกชิ้น และไข่ไก่
บนโต๊ะมีของกินมากมาย ทั้งหมดล้วนเป็นของอร่อย รวมถึงน้ำอัดลมที่เด็ก ๆ ชอบกินอีกด้วย
แต่ซูตานหงไม่อยากให้พวกเขากินน้ำอัดลมเยอะจนเกินไป เธอจึงซื้อมาเพียงขวดเดียว และเทให้คนละแก้ว ดื่มหมดแล้วก็ไม่มีให้เติมอีก
เธอเคยกินน้ำอัดลมพวกนี้เช่นกัน และรู้สึกว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ เธอจึงไม่ค่อยเอาให้ลูกหลานกิน
แม้จะได้ดื่มเพียงแก้วเดียว แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ดื่มเลย การได้กินจนอิ่มแปล้ และดื่มน้ำอัดลมบ้างเล็กน้อยถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งเช่นกัน
เด็ก ๆ มีเรื่องคุยกันอยู่ตลอด พวกเขาออกไปเล่นดีดลูกแก้วกันข้างนอก
ซูตานหง เฝิงฟางฟาง และจี้มู่ตานไม่ขาดเรื่องพูดคุยกันเช่นกัน ส่วนใหญ่จะเป็นเฝิงฟางฟางและจี้มู่ตานที่เป็นฝ่ายพูด ทั้งคู่พูดไปเรื่อยเปื่อย ส่วนซูตานหงไม่ได้ออกความเห็นนัก แต่ยัง รู้สึกดีที่ได้ฟัง
ส่วนพวกผู้ชายนั้น เมื่อเหล้าเข้าปากไปสองสามแก้ว พวกเขาก็คุยกันยาว
บรรยากาศรวมตัวรับประทานมื้อเย็นครั้งนี้ช่างชื่นมื่นนัก
หลังกินข้าวเสร็จ พวกผู้ชายก็ดื่มชาและคุยโวกันต่อ ในขณะที่เด็ก ๆ ออกไปเล่นข้างนอก ส่วนจี้มู่ตานนั้นสั่งให้เสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้อยู่ล้างจาน
ซูตานหงเอ่ยขัด “ให้พวกเขาทั้งหมดออกไปเล่นเถอะค่ะ แค่ล้างจานเอง”
ถึงอย่างไรเด็ก ๆ ทั้งหมดก็มาเล่นด้วยกันเพียงแค่ปีละครั้ง
พวกเธอทั้ง 3 คนจึงอยู่ล้างจานและตะเกียบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร เพราะมีน้ำร้อนอยู่จึงทำให้ไม่รู้สึกเย็นมือมากนัก
“ถึงปีนี้คุณแม่จะไม่ได้กลับมา แต่เราก็ยังรวมตัวฉลองกันคึกคักดีอยู่นะ” จี้มู่ตานบอก
เฝิงฟางฟางท้วง “พูดแบบนั้นได้ยังไง? ถ้าคุณแม่มาได้ยิน คงจะเสียใจแย่เลย”
“ไม่เอาน่า เธอเองก็คิดแบบนั้นนี่ คุณแม่ไม่สนใจเราเท่าไหร่หรอก ในสายตาของคุณแม่ ท่านเห็นแค่อวิ๋นลี่ลี่เป็นลูกสะใภ้เท่านั้นแหละ พวกเราจะเป็นอะไรได้?” จี้มู่ตานเอ่ย
ถึงคำพูดของจี้มู่ตานจะฟังไม่รื่นหู แต่มันล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น
ซูตานหงเห็นด้วยเช่นกัน ในสายตาของคุณแม่จี้ มีเพียงอวิ๋นลี่ลี่ที่เป็นลูกสะใภ้ ไม่ได้มองเธอ เฝิงฟางฟาง และจี้มู่ตานต่างกันไปเลยสักนิด
เฝิงฟางฟางไม่ได้พูดอะไร ก่อนถามขึ้น “พักนี้เธอได้ส่งอะไรไปให้บ้างไหม?”
“ฉันมีอะไรที่บ้านที่ไหนกันล่ะ ไม่มีอะไรจะให้หรอก” จี้มู่ตานตอบ
ครอบครัวหล่อนยังติดหนี้อยู่มาก แม้จะสร้างบ้านแล้ว แต่ยังอยู่กินอย่างอัตคัด หล่อนประหยัดอาหารไว้สำหรับสมาชิกครอบครัว จะมีใจส่งของไปให้คุณแม่จี้ได้อย่างไร?
เฝิงฟางฟางว่าขึ้น “ฉันก็ไม่ได้ส่งอะไรไปเหมือนกัน แต่ว่าช่วงนี้ตานหงส่งของไปให้ตั้งเยอะ กลับไม่ได้รับคำขอบคุณสักคำ”
ทั้งคู่มองหน้าซูตานหง
ซูตานหงจึงเอ่ย “การส่งของไปมันเป็นหน้าที่ของเรา เราแค่ส่งไปตามที่ไหว ส่วนคุณแม่อยากจะพูดอะไร ก็ปล่อยให้คุณแม่พูดไปเถอะค่ะ”
“แต่เธอก็เห็นนี่ ตานหง ถ้าเป็นฉัน ฉันไม่ยอมหรอกนะ” จี้มู่ตานบอก
ตอนที่สวี่เหอซานกลับมาบอกครั้งก่อน หล่อนกำลังช่วยทำหมูแดดเดียวอยู่พอดี จึงได้ยินว่าคุณแม่จี้สั่งให้ส่งไก่ไป 2 ตัว นางกลัวว่าจะไม่มีกินหรืออย่างไรกัน?
ใคร ๆ ก็เห็นว่าซูตานหงส่งของไปมากแค่ไหน ของพวกนั้นล้วนถูกส่งไปให้นาง ขนาดที่หล่อนเห็นแล้วยังอิจฉา แต่คุณแม่จี้กลับอยากได้ไก่เพิ่ม 2 ตัว?
กินมากขนาดนี้ ไปกินภูเขาเสียเถอะ!
“แล้วฉันจะทำยังไงได้ล่ะคะ? ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องเลี้ยงอยู่ดี” ซูตานหงบอก
“แต่ตอนนี้ยังดีหน่อย ที่คุณแม่ไปอยู่กับน้องสี่แล้ว” เฝิงฟางฟางกล่าว
“น้องสี่ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คงเป็นอวิ๋นลี่ลี่ที่ไม่นึกเกรงใจคุณแม่ แล้วให้ท่านทำงานบ้านทั้งหมดคนเดียวแน่ ๆ” จี้มู่ตานเอ่ย
หล่อนรู้จักนิสัยใจคอของอวิ๋นลี่ลี่ดีในฐานะลูกสะใภ้ด้วยกัน หล่อนค่อนข้างเกรงใจซูตานหง แต่อวิ๋นลี่ลี่ไม่ใส่ใจหล่อนกับเฝิงฟางฟางนัก
ด้วยนิสัยของหล่อนแล้ว คุณแม่จี้ที่อยู่ที่นั่นต้องทำอาหารให้ไม่ใช่หรือ? ไม่ต้องคิดให้มากความเลยหากดูจากเรื่องที่คุณแม่จี้ชอบความเอาอกเอาใจของอวิ๋นลี่ลี่ และอวิ๋นลี่ลี่ก็ ถนัดเรื่องนี้มากทีเดียว ตรงที่สามารถโน้มน้าวคุณแม่จี้ให้เออออไปกับหล่อนได้
เป็นอวิ๋นลี่ลี่ไม่ใช่หรือที่กลับมาขอเงินจากคุณพ่อคุณแม่จี้สำเร็จเมื่อ 10 ปีก่อน? หากพวกหล่อนไม่รู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาคงจะเก็บเงียบไม่บอกใครหรอก!
“ตอนนี้เหมือนอวิ๋นลี่ลี่กับน้องสี่จะขายเสื้อผ้าหน้าหนาวกันอยู่ ทำไมเธอไม่ไปร่วมทำด้วยบ้างล่ะ?” จี้มู่ตานหันไปถามเฝิงฟางฟาง
เฝิงฟางฟางตอกกลับ “ปีใหม่ทั้งที เธออยากจะหาเรื่องกันหรือยังไง!”
…………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ปีใหม่ที่ไม่มีนังแม่จี้กับนังอวิ๋นนี่มันดีจังเลยน้า ในเมื่อบรรยากาศดีแบบนี้ สะใภ้ที่เหลือก็อย่าหาเรื่องทะเลาะกันเลยนะ
ไหหม่า(海馬)