ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 427 ให้ผ้าปักเป็นของขวัญ
ตอนที่ 427 ให้ผ้าปักเป็นของขวัญ
สำหรับการสอนปักผ้าให้หยวนหยวน ซูตานหงไม่ได้เข้มงวดมากนัก
ครั้นถึงเวลา 4 โมงเย็น เธอก็ให้หยวนหยวนออกไปเล่นข้างนอก แทนที่จะอยู่ปักผ้าตลอดเวลา ควรปล่อยให้เธอออกไปเล่นกับเพื่อนผู้หญิงบ้าง
เวลาล่วงมาถึง 5 โมงเย็น จึงเป็นเวลาอาหารเย็นพอดี
เธอออกไปเล่นข้างนอกราวชั่วโมงหนึ่งกับบรรดาเพื่อนผู้หญิง ทั้งเล่นพันด้าย(1) กระโดดเชือก และเล่นตั้งเต(2)
เนื่องจากมีเสียงเสียงไปด้วย และเสียงเสียงก็เป็นพวกที่ไม่ยอมคน ครั้นมีเด็กผู้ชายตั้งท่าจะมารังแกหยวนหยวน เสียงเสียงที่รู้เข้าก็เข้าปะทะทันทีที่เห็นหน้า จนอีกฝ่ายกลัวจะถ ถูกทำร้าย
อีกทั้งยังบอกเด็กคนอื่น ๆ ให้รู้ว่าหยวนหยวนมีพี่ชายคอยดูแลอยู่ ฉะนั้นอย่าได้กล้ามารังแกเธอ
ใช่แล้ว ในสายตาของทุกคน เสียงเสียงเป็นพี่ชาย เนื่องจากหยวนหยวนเรียกเขาว่าพี่ชายอยู่ตลอด
เด็กหญิงหยวนหยวนไม่มีส่วนใดเหมือนกับจี้อวิ๋นอวิ๋นผู้เป็นแม่แม้แต่น้อย เธอไม่มีเค้าโครงหน้าตาของหล่อนแต่อย่างใด และนิสัยใฝ่เรียนรู้นี้ยังชวนให้ซูตานหงนึกถึงหลี่จื้อ
เธอจดจ่อกับทุกอย่างที่ได้เรียนรู้ ไม่คิดยอมแพ้ทั้งที่ยังอายุน้อยเพียงเท่านี้ เธอเรียนศิลปะกับเหล่าจางทุกเช้าอย่างตั้งใจจนเก่งขึ้นไม่น้อยทีเดียว ตอนนี้สามารถแยกแยะสีต่าง ๆ ได้แล้ว โดยเหล่าจางเป็นผู้ซื้อสีเหล่านั้นให้เธอ แม้ว่าหลี่จื้อต้องการจะซื้อให้เอง แต่ด้วยความที่เขาไม่เข้าใจจึงทำให้เลือกซื้อไม่ถูก เหล่าจางเลยไม่ได้อยากรบกวนให้เขาซื้อ อ เนื่องจากเขาต้องไปซื้ออยู่แล้ว มันจะเป็นการวุ่นวายเสียเปล่า
หลี่จื้อเป็นคนขี้เกรงใจ เขาจึงเปลี่ยนไปซื้อปากกา หมึก และกระดาษให้เหรินเหรินแทน เหล่าจางไม่ได้ห้ามเขา หากต้องการซื้อให้ เขาซื้อได้ตามต้องการ หากห้ามไม่ให้เขาซื้อ เขา คงจะรู้สึกผิดแย่
สุดท้ายหยวนหยวนจึงได้เรียนศิลปะอย่างจริงจัง โดยเฉพาะมีอาจารย์อาวุโสอย่างเขาคอยสั่งสอน
หยวนหยวนมีสิ่งที่ต้องเรียนมากมาย ในแต่ละวันมีเรื่องให้ทำตลอด ขณะที่เสียงเสียงนั้นมีเวลาว่างเยอะมาก
หลังกินข้าวมื้อเช้าเสร็จ เขามักออกไปกระทั่งกลับมาในช่วงอาหารเที่ยง หลังกินมื้อกลางวันแล้วซูตานหงก็ห้ามไม่ให้เขาออกไปข้างนอก ด้วยเป็นช่วงที่แสงแดดกำลังแรง เธอสั่งให้เขาน นอนงีบจนกว่าจะถึงบ่าย 3 โมง จึงปล่อยให้เขาออกไปเล่นได้ ก่อนที่เขาจะกลับมากินข้าวตอนเย็น
นี่คือชีวิตประจำวันของเด็กคนนี้
ส่วนเหรินเหรินกับฉีฉีใช้เวลาส่วนใหญ่ที่โรงเรียน กระทั่งข้าวกลางวันยังกินที่โรงเรียน แต่ซูตานหงเป็นห่วง และบอกให้จี้เจี้ยนอวิ๋นไปรับพวกเขากลับมากินข้าวที่บ้าน
จี้เจี้ยนอวิ๋นไปรับพวกเขา ส่วนในช่วงเช้า พวกเขาจะไปโรงเรียนกันเอง
ระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนนั้นใช้เวลาเดินเท้าไปราวหนึ่งชั่วโมง แต่ซูตานหงไม่ได้กังวล พวกเขากินข้าวเช้าเสร็จตอน 6 โมง 40 นาที หากเดินไปโรงเรียนจะถึงก่อน 8 โมงเช้า เป็นเวลาพอเหมาะพ พอดี เด็กแถวนี้ต่างเดินทางไปโรงเรียนกันแบบนี้ทั้งนั้น
ก่อนหน้านี้เหล่าจางเคยไปรับส่งพวกเขา เพราะอายุยังน้อย แต่ตอนนี้พวกเขาโตมากแล้ว จึงเดินไปโรงเรียนกันเองได้ เพียงแค่ไปรับมากินข้าวในช่วงเที่ยง และให้เดินกลับบ้านตอนเย็น
ซูตานหงปักผ้าลายนกยูงไปเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้เหล่าจางก็เพิ่งรู้ว่าเธอปักผ้าเป็น เพราะได้เห็นมากับตาตัวเอง
หลังจากรู้เข้า อาจารย์อาวุโสคนนี้ก็รู้สึกทึ่งเช่นกัน เขาถอนหายใจด้วยความปลาบปลื้มใจที่มียอดฝีมืออยู่ใกล้ตัว!
เขาอยู่ที่นี่มาหลายปี แม้จะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องการปักผ้าของซูตานหง เขาก็ยังคิดว่าเป็นเพียงการปักผ้าธรรมดา อย่างผ้าเช็ดหน้า และคงไม่ได้ลงมือทำจริงจัง
หากแต่นึกไม่ถึงว่าผ้าปักลายนกยูงคู่ผืนนี้จะตราตรึงใจเขาในแรกพบถึงเพียงนี้
ทั้งดวงตาที่ดูราวกับมีชีวิต จะงอยปากของนก และสีสันสดใสที่บรรจงแต่งแต้ม ซึ่งส่วนใหญ่ของชิ้นงานนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลืออีกเพียงหนึ่งในสามส่วนสุดท้ายเท่านั้น แต่เพียงเท่า านี้ก็ฉายทักษะล้ำเลิศของนักปักผ้าให้เห็นแล้ว
ซูตานหงส่งยิ้มและไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
หลังจากปักผ้ามาเกือบครึ่งเดือน ผ้าปักลายนกยูงก็เสร็จสมบูรณ์อย่างงดงาม ซูตานหงมอบมันให้เหล่าจางทันที
เหล่าจางรีบบอก “ไม่เอา ๆ มันแพงเกินไป”
ใช่แล้ว มันมีมูลค่ามาก แม้แต่ในตอนนี้ มูลค่างานฝีมือแบบฉบับดั้งเดิมเหล่านี้ยังไม่ลดลงแม้แต่น้อย หากนำผ้าปักลายนกยูงคู่นี้ไปขาย เชื่อได้ว่าคงไม่ต่ำกว่า 10,000 หยวน!
“ถ้าฉันต้องการฉันก็ยังปักได้อีกค่ะ ช่วยรับไว้เถอะนะคะคุณพ่อ เอาไปแขวนไว้ที่บ้านสวนก็ได้ค่ะ” ซูตานหงบอก
แม้เธอจะคิดว่าผ้าปักลายนกยูงนี้มีมูลค่ามาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่จะมอบให้เหล่าจาง อย่างที่เธอบอก หากเธอต้องการมัน เธอสามารถปักขึ้นมาใหม่ได้
เหล่าจางลังเลใจและเอ่ย “อย่างนั้นฉันจะซื้อจากเธอแล้วกัน…”
“คุณพ่อคะ ถ้าคุณพ่อพูดแบบนี้ ฉันจะเอาไปขายนะคะ” ซูตานหงบอก
เหล่าจางจึงไม่ปฏิเสธน้ำใจและรับเอาไว้ เขาชอบผ้าปักลายนกยูงนี้มากทีเดียว นกยูงซึ่งดูสมจริงชูคอขึ้นอย่างสง่างาม สอดส่ายมองหาสิ่งต่าง ๆ พร้อมหางยาวและขนสีสดสวย เขาไม่เคยเห็น ผ้าปักที่ดูตระการตาถึงขนาดนี้มาก่อน
หลังจากรับผ้าปักลายนกยูงมา เหล่าจางตัดสินใจเก็บเอาไว้ก่อน เขาตั้งใจจะรอให้เหรินเหรินกับฉีฉีปิดเทอมว่าจะพาทั้งคู่ไปปักกิ่ง แทนที่จะแขวนไว้เฉย ๆ ก็น่าจะหากรอบมาใส่เสียหน่อ อย ฝุ่นจะได้ไม่จับ
ซูตานหงรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับการได้ให้ผ้าปักฝีมือตนกับคนที่เคารพนับถือ ส่วนตัวแล้วเธอไม่ได้ขัดสนเงินทอง เธอจึงคิดว่ามันไม่ได้มีค่ามากมาย และไม่ได้คิดอะไรมากนัก
หากเธอเห็นแก่เงิน เธอคงไม่อาจใจกว้างขนาดนี้และเป็นคนเห็นแก่ตัวไปแล้วอย่างแน่นอน
หลังจากปักผ้าลายนกยูงเสร็จ ซูตานหงคงไม่มีเวลาปักผ้าไปอีกพักใหญ่ เนื่องจากงานที่สวนเริ่มเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวแล้ว
หลังหมดฤดูสตรอเบอร์รี่กับแตงโม เชอร์รี่และมะเดื่อก็ทยอยเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว เช่นเดียวกับพุทราและผลไม้อื่น ๆ ซึ่งพร้อมเก็บเกี่ยวแล้วเช่นกัน
จี้เจี้ยนอวิ๋นสั่งบรรจุภัณฑ์มาจำนวนมาก เขาต้องส่งผลไม้หลายคันรถทุกวัน หลังขับไปส่งที่เมืองมหาวิทยาลัย พวกเขาจะกลับมารับของไปส่งที่อื่น รถบรรทุกทั้ง 2 คันไม่มีเวลาได้พักแม้แต่น้ อย
คนขับรถหลายคนรู้สึกเหมือนเข้าสมรภูมิรบ
อันที่จริงหากนับรวมจี้เจี้ยนเยี่ย ก็เท่ากับว่ากิจการของเขามีคนขับรถ 4 คนแล้ว แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นยังคิดว่าไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้จะให้ใครไปเรียนขับรถในเร็ว ๆ นี้ เ เนื่องจากเขาเองยุ่งมากเช่นกัน
คนขับรถทำหน้าที่ส่งสินค้า ในขณะที่ซูตานหงพาจี้มู่ตานและคนอื่น ๆ มาช่วยบรรจุลงกล่อง รวมถึงเหรินเหรินและคนอื่น ๆ ซึ่งมาช่วยงานในวันหยุดสุดสัปดาห์
เมื่อใดที่ผลไม้ได้ถูกส่งออกไปแล้ว จะต้องมีแต่ของคุณภาพดีแน่นอน หากมีลูกไหนมีตำหนิ มันจะถูกคัดออกเพื่อรักษาคุณภาพสินค้าจากครอบครัวเธอ
แน่นอนว่ามีผลไม้เหล่านั้นจำนวนมาก เมื่อทุกคนทำงานในแต่ละวันเสร็จ ซูตานหงก็แจกจ่ายผลไม้ส่วนนี้ให้ทุกคน
แม้จะมีตำหนิ แต่มันก็ไม่ได้เน่าเสีย หากเฉือนส่วนที่ไม่สวยออกไป ส่วนที่เหลือก็ยังกินได้ คนแถบชนบทไม่ได้ถือสาในเรื่องนี้มากอยู่แล้ว
งานจะยุ่งแบบนี้ไปกระทั่งเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมของเด็ก ๆ พอดี เหลืออีก 2 เดือนจึงจะเริ่มเปิดเรียนในวันที่ 1 กันยายน ด้วยความที่ช่วงนี้ยังมีงานค่อนข้างหนัก เหล่าจางจึ งยังไม่ได้พาพวกเขาไปเที่ยวเสียพักใหญ่ หลังเข้าเดือนสิงหาคมถึงจะมีเวลาว่าง
ตอนนี้เหรินเหรินกับฉีฉีช่วยงานที่บ้านได้มากแล้ว พวกเขาเปรียบเสมือนผู้ช่วยตัวน้อยของซูตานหง และเนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซูตานหงจึงทำถั่วเขียวต้มให้พวกเขากิน หลังซด เข้าไปจนหมดแล้วจึงกลับไปทำงานต่อ
งานตอนนี้เรียกได้ว่าล้นมือทีเดียว เพราะต้องรีบเก็บเกี่ยวผลไม้เหล่านี้ให้หมด จะชักช้าไม่ได้เด็ดขาด
………………………………………………………………………………………………………………
การเล่นพันด้าย (ภาพจาก https://baike.sogou.com/v20913.htm?ch=zhihu.topic)
การเล่นตั้งเต (ภาพจาก https://www.sohu.com/a/311727118_120099908)
สารจากผู้แปล
ดีที่หยวนหยวนไม่ได้อะไรจากแม่มาเลย ไม่อย่างนั้นคงตะหงิดใจ
การละเล่นวัยเด็กแต่ละอย่างในตอนนี้นี่มีใครทันเล่นมั่งคะ
อ่านถึงตอนคัดผลไม้แล้วรู้สึกอยากกินผลไม้ขึ้นมาเลยค่ะ ผู้แปลนึกถึงข้าวเหนียวมะม่วงกับข้าวเหนียวทุเรียนรอแล้ว
ไหหม่า(海馬)