ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 429 อายุมากเกินไป
ตอนที่ 429 อายุมากเกินไป
เมื่อหล่อนได้กลับมาเกิดใหม่ หล่อนก็มีความต้องการทำธุรกิจ และแสวงโชคมาโดยตลอด
ทว่ากลับต้องเผชิญกับความล้มเหลวที่ทำให้หล่อนทุกข์ทรมาน การทำธุรกิจไม่ง่ายอย่างที่หล่อนคิดไว้เลย แม้แต่ในยุคทองแบบนี้ก็ตาม
แต่ตอนนี้หล่อนรู้สึกว่าความคิดก่อนหน้านี้ของตนนั้นช่างโง่เขลา
หากต้องการแสวงโชค ทำไมต้องทำงานหนักเองด้วย? ขอเพียงจับเศรษฐีสักคนได้ก็พอแล้ว การแสวงโชคไม่ใช่เรื่องง่าย เหตุใดหล่อนต้องพาตัวเองไปเดือดร้อนด้วยกันล่ะ?
ตอนนี้เหล่ากัวทำตัวดีมาก แม้เขาจะยุ่งกับการทำธุรกิจนอกบ้าน ไม่สามารถกลับบ้านมาได้เดือนละหลายครั้ง แต่เขาก็มอบเงินทองให้หล่อนใช้อย่างเพียงพอ
หล่อนจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้
หล่อนมีเวลาหาความสุขให้ตัวเองเหลือเฟือ อย่างการดูแลตัวเอง เสริมสวย ทำผม และทำเล็บ
พนักงานที่ร้านต่างยกยอหล่อน สิ่งที่พวกเขาพูดชวนให้ปลาบปลื้มใจมีความสุขมากทีเดียว
หล่อนลำบากมามากกว่าจะมีชีวิตตามที่ตนเองต้องการเช่นนี้ ทำไมหล่อนต้องไปหาเรื่องลำบากอีกกัน หล่อนอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ มานานแล้วไม่ใช่หรือ?
และตอนนี้เหล่ากัวได้มาอยู่กับหล่อนแล้ว เรื่องนี้ต้องขอบคุณอดีตภรรยาหน้าเหลืองของเขา
หล่อนไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของอีกฝ่ายมาก่อน แต่นึกไม่ถึงว่ามันจะราบรื่นถึงเพียงนี้ หลังจากรู้ว่าเหล่ากัวนอกใจ ฝ่ายนั้นก็เลือกที่จะหย่าเอง ซึ่งมันอยู่นอกเหนือความคาดหมายของหล่อน
หล่อนวางแผนจะใช้สารพัดวิธีบีบให้นางแก่นั่นยอมหย่า โดยคิดจะส่งคนไปจัดการกับลูกสาวของฝ่ายนั้น
แต่มันเป็นเพียงขั้นต่อไป หล่อนจึงคิดจะใช้วิธีนี้เป็นท่าไม้ตาย โชคดีที่นางแก่นั่นรู้ตัวเอง จึงยอมเป็นคนหลีกทางให้ ได้ยินว่าหล่อนขายบ้านและย้ายไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ตัวคนเดียวนี่นะ?
มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมากังวลและต้องจัดการ ตอนนี้หล่อนกับเหล่ากัวจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ลูกที่เกิดมามีชื่อในทะเบียนบ้าน ซึ่งถูกต้องตามกฎหมาย
หล่อนเป็นเจ้าบ้าน และทำทุกอย่างได้ตามต้องการ
มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้หล่อนไม่พอใจ คือการที่เหล่ากัวไม่ยอมให้หล่อนดูแลการเงินของครอบครัว
แม้เขาจะให้เงินหล่อนถึงเดือนละ 5,000 หยวน แต่เขาไม่ให้หล่อนดูแลเงินก้อนใหญ่เลย หล่อนเคยบอกว่าตนจะเป็นคนดูแลเงินเอง แต่เหล่ากัวก็ปฏิเสธจะให้
แต่ถึงจะไม่ได้ตอนนี้ ต่อไปหล่อนจะไม่ได้เชียวหรือ? จี้อวิ๋นอวิ๋นจึงไม่รีบร้อน ทำเพียงเฝ้ารอ ภายภาคหน้าทรัพย์สมบัติของตระกูลจะต้องตกเป็นของหล่อนอย่างแน่นอน
หลังจากคุณแม่จี้มาอยู่กับลูกสาว ชีวิตนางก็สุขสบายมากเหลือเกิน
นางใช้ชีวิตทุกวันเหมือนแม่เฒ่าจากครอบครัวเศรษฐี จี้อวิ๋นอวิ๋นพานางไปซื้อเสื้อผ้า แต่ละตัวราคาหลายร้อยหยวน ต้องจ่ายค่าเสื้อผ้าทั้งหมดนี้ไปมากเท่าไรกัน?
เมื่อเห็นคุณแม่จี้ทำหน้าไม่สบายใจและตั้งท่าจะปฏิเสธ จี้อวิ๋นอวิ๋นจึงกระซิบบอก “แม่คะ ฉันกล้าพาแม่มาซื้อของที่ห้างหรูขนาดนี้ ฉันต้องมีเงินจ่ายอยู่แล้วค่ะ ถ้าแม่ปฏิเสธตอนนี้ แล้วฉันต้องไปคืนของ คงจะขายหน้าแย่เลยนะคะ”
“อวิ๋นอวิ๋น แม่ไม่ต้องการเสื้อผ้าแพง ๆ พวกนี้หรอกนะ มันไม่ได้พิเศษอะไรเลย ทำไมถึงได้แพงขนาดนี้กันล่ะ?”
นางสวมเสื้อผ้าพวกนี้และรู้สึกเหมือนโดนมดกัด นางไม่เหมาะกับการใส่มันจริง ๆ มันแพงเกินไป แพงไปมากเหลือเกิน!
“มันทำจากผ้าไหมบริสุทธิ์ เลยมีราคาแพงค่ะ คุณผู้หญิงโชคดีมากเลยนะคะ มีลูกสาวกตัญญูขนาดนี้ วางใจได้เลยค่ะ ร้านของเรารับประกันว่าถ้าคุณลูกค้าไม่ถูกใจก็สามารถคืนของได้ตามต้องการเลยค่ะ” พนักงานขายเอ่ย
“ไม่ต้องคืนหรอกค่ะ ห่อให้ฉันก็พอ” จี้อวิ๋นอวิ๋นปัดมือบอก
“ได้เลยค่ะ” พนักงานรีบจัดใส่ถุงให้ และยังแนะนำกระเป๋าหนังจระเข้ที่เหมาะกับคนสูงวัย ซึ่งกระเป๋าใบเล็กนี้มีมูลค่ามากกว่า 400 หยวน
ในสายตาของคุณแม่จี้ มันมีราคาแพงหูฉี่
แต่จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับตัดสินใจซื้อในพริบตาเดียว
หลังจากเลือกซื้อของซึ่งรวมแล้วมีมูลค่ามากกว่า 1,000 หยวนเสร็จ ขณะที่หล่อนกำลังจ่ายเงิน คุณแม่จี้ก็เริ่มไม่สบายใจขึ้นมา
เมื่อออกมาจากร้าน นางจึงเอ่ยขึ้น “อวิ๋นอวิ๋น แม่รู้ว่าลูกกตัญญูนะ แต่เราไม่จำเป็นต้องซื้อของแบบนี้หรอก ของพวกนี้แพงเกินไป แม่จะใส่ไปที่ไหนได้กัน?”
“แม่คะ แม่คือแม่ของจี้อวิ๋นอวิ๋น ฉันบอกว่าเหมาะสมกับแม่ แม่ก็ต้องคิดว่าเหมาะสมกับตัวเองด้วย อย่างพูดแบบนี้อีกนะคะ เราไปทำผมกันดีกว่าค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก
คุณแม่จี้ไม่ค่อยเต็มใจจะไปนัก แต่นางก็ถูกจี้อวิ๋นอวิ๋นลากไปจนได้ นางได้รับทั้งการตัดเล็มผมรวมถึงบำรุงดูแลเส้นผม เพียงเท่านั้นรูปลักษณ์ของคุณแม่จี้ก็เปลี่ยนไปทันตา ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ พร้อมสะพายกระเป๋า ดูเหมือนคุณนายจากตระกูลผู้ดีจริง ๆ
เพียงแต่คุณแม่จี้รู้สึกเกร็ง นางไม่รู้จะวางมือหรือขาไว้ที่ใด แม้มันจะดูดีมาก แต่นางไม่สามารถทำงานอะไรได้หากใส่ชุดนี้
“ฉันรับแม่มาอยู่ด้วย ก็เพื่อให้เสวยสุขกับฉัน แม่จะต้องทำงานอะไรกันคะ? แล้วจะมีแม่บ้านถึง 2 คนไว้ที่บ้านทำไมล่ะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นว่าอย่างไม่สบอารมณ์
“แม่ไม่ชินกับการแต่งตัวแบบนี้นี่” คุณแม่จี้บอก
“เดี๋ยวไม่นานแม่ก็จะชินเองค่ะ เหล่ากัวโทรกลับมา บอกว่าจะกลับมาพรุ่งนี้ ฉันอยากจะแต่งตัวให้แม่ดูดีและน่าเคารพนับถือ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำยังไงถ้าเขาเห็นแล้วดูถูกฉันล่ะคะ? เห็นแก่หน้าฉันหน่อยสิ” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ย
“ก็ได้ แม่จะไม่ทำให้ลูกเดือดร้อนหรอก” คุณแม่จี้ตอบรับ เมื่อได้ยินเช่นนั้น
เพียงแค่ชุดที่นางสวมอยู่แพงเกินไปเท่านั้น ทั้งรองเท้า กระเป๋า และเสื้อผ้า รวมกันแล้วแพงมากทีเดียว นางจึงรู้สึกไม่คู่ควรกับชุดเหล่านี้
หากแต่สิ่งที่ลูกสาวนางพูดมีเหตุผล ครอบครัวลูกเขยร่ำรวยถึงขนาดนี้ แน่นอนว่านางต้องแต่งตัวให้ดูดี ไม่อย่างนั้นหากลูกเขยมาเห็นเข้า จะคิดดูถูกลูกสาวนางได้ง่าย
เพียงแต่นางนึกไม่ถึงว่าลูกเขยจะเลยวัยหนุ่มไปไกลเพียงนี้
นางเข้าใจมาตลอดว่าลูกเขยมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาว ไม่ได้คิดมากตอนที่นางได้ยินหล่อนเรียกเขาว่าเหล่ากัว คาดไม่ถึงว่าเขาจะอายุมากขนาดนี้?
เหล่ากัวอายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ตอนที่เขาเจอจี้อวิ๋นอวิ๋นครั้งแรก เขาอายุได้ 47 ปี เขาเคยแข็งแรงดีมาก่อน แต่ตอนนี้เขาอายุเกือบ 50 แถมยังไม่ได้รับการบำรุงร่างกายด้วย ดังนั้นเมื่อออกไปเจรจาธุรกิจนอกบ้านและยังต้องชนแก้วเข้าสังคมไม่ขาด ปีนี้เขาจึงแก่ตัวเร็วมากขึ้น
เทียบกับคนอายุ 50 ทั่วไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาดูมีอายุกว่ามาก
“นี่คุณแม่ใช่ไหมครับ?” เหล่ากัวถามพร้อมส่งยิ้มให้
แม้จะเรียกว่าคุณแม่ แต่ความจริงแล้ว เขาอายุอ่อนกว่าคุณแม่จี้เพียง 10 ปีเท่านั้น
“ค่ะ แม่ฉันเอง ฉันได้ยินว่าคุณจะกลับมา แม่เลยตื่นแต่เช้า ทำโจ๊กซี่โครงหมูไว้ให้คุณด้วยตัวเองเลยนะคะ แม่อยากจะขอบคุณคุณน่ะค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอกด้วยสีหน้าเริงร่า
เหล่ากัวยิ้มแย้ม สั่งให้แม่บ้านทำรังนก บอกให้เตรียมตุ๋นรังนกให้แม่ยาย
ถึงเหล่ากัวจะดูแลนางเป็นอย่างดี แต่คุณแม่จี้ยังคงข้องใจอยู่มาก
นางแอบดึงตัวลูกสาวไปกระซิบ “อวิ๋นอวิ๋น ทำไมถึงหาสามีแก่ขนาดนี้ล่ะ?”
……………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนูไม่ได้ชอบเค้า หนูแค่ชอบเงินเค้าค่ะคุณแม่ ขืนหาสาหนุ่มก็เขี่ยทิ้งยากน่ะสิคะ /เบะปากมองบน/
ไหหม่า(海馬)