ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 437 อ้วนดีกว่า
ตอนที่ 437 อ้วนดีกว่า
เนื่องจากปีนี้องุ่นเป็นที่ถูกใจของทุกคน จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไปหาพ่อค้าผลไม้คนนั้นอีกครั้ง
เดิมทีจี้เจี้ยนอวิ๋นคิดว่าครอบครัวเขาจะกินเพียงเล็กน้อย ทว่าเหล่าจางบอกว่าที่สวนยังเหลือพื้นที่อีกมาก ถ้าเอาองุ่นมาปลูกก็คงจะดี หากกินไม่หมดยังสามารถนำไปทำไวน์ต่อได้ หากกินหมดอย่างก่อนหน้านี้ก็ไม่เป็นการเสียของ
อย่างไรก็ตาม จี้เจี้ยนอวิ๋นหาเมล็ดพันธุ์องุ่นแบบเมื่อปีก่อนได้ไม่ง่ายนัก
คนขายเมล็ดพันธุ์องุ่นนำพวกมันมาขายไม่บ่อย
ไม่รู้ว่าปีนี้จะเอามาขายหรือไม่ เพราะดูจากปีที่แล้วกิจการเหมือนจะเป็นไปอย่างธรรมดา
อย่างไรก็ตามโชคดีที่ได้มาเยือนจี้เจี้ยนอวิ๋น เขาได้พบกับอีกฝ่าย เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงที่เหมาะแก่การปลูกองุ่นมากที่สุด
เขาซื้อพวกมันมาในราคาไม่ถูกนัก แต่ก็มีจำนวนไม่มาก มีเพียงไม่กี่สิบเมล็ดเท่านั้น
จี้เจี้ยนอวิ๋นตัดสินใจซื้อพวกมันมา ตอนนี้ทั้งหมดต่างลงปลูกที่สวนแห่งที่ 4 เรียบร้อยแล้ว
วันนี้ซูตานหงพาหยวนหยวนขึ้นไปรดน้ำต้นองุ่น ส่วนเยียนเอ๋อร์กับคนอื่นตามจี้เจี้ยนอวิ๋นไปเล่นที่อ่างเก็บน้ำ
เหล่าจางอยู่ที่สวน เหรินเหรินอยู่ด้วยเช่นกัน เขาไม่ได้ตามไปที่อ่างเก็บน้ำด้วย
เมื่อเธอขึ้นมารดน้ำพุวิเศษให้ต้นองุ่น เสี่ยวหงเจ้าม้าป่าก็วิ่งมาหา ม้าป่าตัวนี้ท่าทางสง่างามมาก มันวิ่งมาขอน้ำพุวิเศษดื่ม
ซูตานหงหัวเราะ ค่อย ๆ ให้มันจิบกินทีละน้อย ก่อนมันจะร้องด้วยความพอใจ
“มีองุ่นมาปลูกที่นี่ แกมาที่นี่ไม่ได้นะ รู้ไหม?” ซูตานหงลูบหัวม้าพลางเอ่ยตักเตือน
แม้เธอจะไม่ได้ขึ้นมาบ่อย แต่เจ้าม้าป่ายังจำเธอได้ ราวกับฟังเธอรู้เรื่อง มันสะบัดหางขยับตอบรับ
ราวกั้นถูกสร้างไว้แล้ว แผ่นไม้ถูกใช้เพื่อกั้นแบ่งพื้นที่ โดยมีสวนองุ่นขนาดเล็กอยู่ด้านใน
มีการทำซุ้มเตรียมเอาไว้ด้านบน เมื่อพวกมันเติบโตขึ้น ก็จะเลื้อยเกาะขึ้นไปเรื่อย ๆ
ภายในปีหน้า อาจมีองุ่นออกผลผลิตให้ได้ชม
หากมีต้นองุ่นหลายสิบต้น น่าจะมีองุ่นออกผลมาไม่น้อย หากกินไม่หมดก็ยังนำไปขายได้
ได้เวลาที่จะเพิ่มผลไม้ชนิดใหม่ในร้านค้าของเธอแล้วเช่นกัน
เธอไม่เคยนึกถึงองุ่นมาก่อน เนื่องจากมันไม่ใช่พืชประจำถิ่น หากแต่เหล่าจางบอกว่าพวกเขาสามารถปลูกในแถบนี้ได้ และสภาพแสงแดดยังถือว่าเหมาะสม
การปลูกองุ่นต้องใช้ทั้งเทคโนโลยีและความรู้
เหล่าจางวางแผนให้จี้เจี้ยนอวิ๋นไปเรียนรู้ ทว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นปฏิเสธอย่างสุภาพ เขาบอก “ไม่มีประโยชน์จะไปเรียนรู้เคล็ดลับพวกนั้นหรอกครับ คุณพ่อก็เห็นองุ่นที่ภรรยาผมปลูกในสวนหลังบ้านแล้วนี่ครับ พวกมันงอกงามดีกันทั้งนั้น”
เหล่าจางจึงไม่ได้รบเร้าต่อ
ความจริงแล้วเขาก็แปลกใจมากเช่นกัน ต้นองุ่นที่ปลูกเมื่อปีก่อนให้ผลผลิตในปีนี้สูงมาก ที่น่าทึ่งไปกว่านั้น ผลไม้ที่สวนยังมีให้เก็บเกี่ยวได้จำนวนมากทุกปี
มันเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่ ได้ยินมาว่าก่อนเขาจะมาที่นี่ ผลผลิตก็สูงทุกปีเช่นกัน
องุ่นคราวนี้ก็เช่นกัน เรียกได้ว่าน่าประหลาดใจมากทีเดียว
ทำไมถึงปลูกผลไม้ได้มากขนาดนี้กัน?
เขานึกสงสัยจึงถามจี้เจี้ยนอวิ๋น จี้เจี้ยนอวิ๋นทำเพียงหัวเราะ “ครอบครัวเรามีปุ๋ยเพียงพอน่ะครับ เอามาจากมูลไก่กับหมูที่เลี้ยงไว้ ต้นผลไม้ที่ปลูกไว้เลยให้ผลผลิตได้นาน โดยที่ยังฟื้นตัวเร็วอย่างไรล่ะครับ”
หากเป็นเช่นนั้น ปุ๋ยของครอบครัวเขาคงจะคุณภาพดีมาก
สวนของเขาต่างได้รับปุ๋ยจากในสวนเอง พวกมันถึงได้ให้ผลผลิตมหาศาล
เห็นได้จากชาวบ้านที่ขึ้นมาเก็บมูลสัตว์จากสวนของเขากลับไปใช้ และพวกเขาก็คุยโวว่ามันอุดมสมบูรณ์ดี
พวกเขาเข้าใจว่าที่สวนของจี้เจี้ยนอวิ๋นอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้เพราะปุ๋ยคอก ไม่อย่างนั้นจะเป็นเช่นนี้ทุกปีได้อย่างไร?
ดังนั้นแม้แต่เหล่าจางยังนึกสงสัย
แต่เขาก็คิดว่าลูกบุญธรรมได้พรจากเทพเจ้า ไม่เช่นนั้นเขาจะทำได้อย่างไร?
ซูตานหงพาหยวนหยวนไปรดน้ำต้นองุ่น ก่อนจะมาหาเหรินเหริน เขากำลังคัดพู่กันตามเหล่าจางอยู่
เธอเฝ้ามองโดยไม่ไปรบกวน ก่อนจะแวะมาให้อาหารไก่
ไก่พวกนี้คุณภาพดีมาก มีเพียง 2 ถึง 3 ตัวที่ตายไป ตัวอื่น ๆ ยังคงรอดชีวิตและสุขภาพแข็งแรงดี
ไก่รุ่นจำนวนห้าสิบกว่าตัวถือว่าไม่มากนัก หากให้น้ำพุวิเศษด้วย คงไม่สูญเสียไก่ตัวไหนไปอีก
ด้วยอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้พวกมันต่างสุขภาพแข็งแรงดีอยู่แล้ว การให้น้ำพุวิเศษเป็นเพียงการเสริมให้เติบโตได้ดีขึ้นเท่านั้น
หลังจากเดินวนรอบสวนจนทั่ว ซูตานหงพาหยวนหยวนกลับบ้าน ระหว่างทางเจอชาวบ้านหลายคน
คล้อยหลังซูตานหงไป พวกเขาพูดคุยกัน
“นั่นหลานสาวคนโตตระกูลหลี่ที่บ้านจี้เจี้ยนอวิ๋นเลี้ยงอยู่สินะ”
“เธอถูกเลี้ยงที่นี่ตลอดเลย ได้ยินว่าลูกสาวของผู้อำนวยการเหอคลอดลูกชายด้วยนี่”
“มีลูกชายซะด้วย เก่งจริง ๆ”
“ตอนนี้หยวนหยวนอยู่บ้านอาสามก็มีความสุขดีแล้วล่ะ”
“ก็จริงนะ ตานหงเลี้ยงเธออย่างกับลูกสาวในไส้ตัวเอง เห็นพาเธอไปด้วยทุกที่เลย”
“ฉันนึกไม่ถึงว่าตานหงจะยอมทำเรื่องแบบนี้เลย”
“ใช่ คิดดูสิว่าหล่อนดีขนาดไหนทั้งที่เป็นแค่ลูกสะใภ้น่ะ?”
“แม่สามีหล่อนต่างหากที่เอาแต่อคติไม่เลิก”
“…”
หลังจากซูตานหงพาหยวนหยวนกลับมาถึงบ้าน เธอบอกให้หยวนหยวนไปปักผ้า มันเป็นสิ่งที่ต้องหมั่นฝึกปรือ แต่ไม่ควรหักโหมทั้งคืน
หยวนหยวนเชื่อฟังดี เธอเคยชินกับการปักผ้าแล้ว ตอนนี้เธอรู้วิธีที่จะไม่ทำให้เข็มตำมือแล้ว เธอเชี่ยวชาญมากขึ้น ด้วยเด็ก ๆ เป็นวัยที่เรียนรู้ได้รวดเร็ว
ซูตานหงเข้ามาในครัวเพื่อทำขนมหลังเธอมองดูเวลา ให้หลังไม่นาน จี้เจี้ยนอวิ๋นพาเยียนเอ๋อร์ ฉีฉี เสียงเสียง และคนอื่น ๆ กลับมา
เธอเตรียมน้ำงาดำและขนมเอาไว้ ซูตานหงเรียกพวกเขามากิน
“มีอาหารอร่อยให้กินทุกวันอย่างนี้ ทำไมนายไม่เห็นอ้วนเลยล่ะ ฉีฉี?” เยียนเอ๋อร์ถาม พลางกัดขนมและดื่มน้ำงาดำไปด้วย
ฉีฉีตอบ “เราจะกินจนอ้วนไม่ได้สิ เราห้ามกินเยอะ!”
“คนอ้วนไม่ดีหรอก คนอ้วนจะวิ่งช้า” เสียงเสียงเสริม
เขาไม่อยากเป็นคนอ้วนเช่นกัน มีเด็กอ้วนในหมู่บ้านหลายคน ทำให้เขาเล่นเกมเก่งกว่าเด็กพวกนั้น
ซูตานหงหัวเราะ ไม่ว่าพวกเขาจะกินจนอ้วนหรือไม่ พวกเขาก็ออกกำลังกันหนักมาก
พวกเขาได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ไม่ขาดตกบกพร่อง หากแต่เจ้าลูกชายทั้งคู่อยู่นิ่งไม่เป็น ราวกับมีเข็มตำก้น เดี๋ยวอีกไม่ถึง 2 นาทีพวกเขาก็คงวิ่งออกจากบ้านไปแล้ว
ได้ออกกำลังกายหนักขนาดนี้ จะเอาที่ไหนมาอ้วนกัน ทั้งยังเป็นเรื่องจริงที่สองพี่น้องร่างกายแข็งแรงกันมาก
หากป่วยเป็นหวัดหรืออย่างอื่น ไม่กี่วันก็จะหายเอง ประเด็นสำคัญคือพวกเขาเป็นหวัดเพราะไม่ได้ระวังตัว แต่ทำไมถึงยังไม่เข็ดหลาบสักที
“เดี๋ยวเดือนนี้พี่ก็จะกลับแล้ว ต้องอ้วนขึ้นอย่างน้อย 3 ถึง 4 ชั่งแน่เลย” เยียนเอ๋อร์ตัดพ้อ
ตอนนี้เธอเริ่มรักสวยรักงามขึ้นแล้ว เธอจึงไม่กล้าทำให้ตัวเองอ้วนเกินไป
“ตอนนี้ไม่เห็นอ้วนเลย ไม่ต้องกังวลเรื่องการกินหรอกนะจ๊ะ” ซูตานหงปลอบ
“ป้าสะใภ้สามบอกว่าผู้หญิงถ้าอ้วนบ้างจะดูดีกว่าค่ะ” หยวนหยวนแทรกขึ้น เธอมักเชื่อฟังทุกคำสอนของป้าสะใภ้สามของเธอ
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ได้เวลาขยายสวนองุ่นแล้วสินะ เดี๋ยวอีกหน่อยคงมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาแน่เลย
ถ้าแค่อวบยังพอน่ารัก แต่ถ้าอ้วนมากเกินไปก็ไม่ดีนะ โรคจะถามหาเอา /พยายามออกกำลังกายสลายพุงน้อย ๆ ที่ทำให้ใส่กางเกงตัวเดิมไม่ได้/
ไหหม่า(海馬)