ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 438 หากระดูกในไข่
ตอนที่ 438 หากระดูกในไข่
เยียนเอ๋อร์ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่บ้านเกิด แต่น่าเสียดายที่วันคืนดี ๆ มักผ่านไปรวดเร็วเสมอ
เพียงพริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงปลายเดือนสิงหาคม เยียนเอ๋อร์จึงเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน
ซูตานหงเคี่ยวไก่ให้เธอกินก่อนจะเดินทางกลับ บอกให้แบ่งกันกินกับพี่น้อง
ซูจูเหมาต้องไปส่งสินค้าในวันรุ่งขึ้น เขาจึงพาเยียนเอ๋อร์ไปส่งด้วย
คุณแม่จี้กลับมาถึงเมื่อวานนี้ ครั้งนี้อวิ๋นลี่ลี่แทบจำนางไม่ได้
ทรงผมแม่สามีของหล่อนเปลี่ยนไป รวมถึงเสื้อผ้าที่นางใส่ กระเป๋าที่นางใช้ ทุกอย่างล้วนเป็นของราคาแพงทั้งนั้น
หล่อนขายเสื้อผ้า เพียงมองแวบเดียวก็ย่อมรู้ว่าเสื้อผ้าแพงหรือถูก
รวมทั้งตัวอาจมีมูลค่าถึง 1,000 หยวน!
“คุณแม่คะ กลับมาคราวนี้ฉันจำแทบไม่ได้เลยนะคะ” อวิ๋นลี่ลี่บอก “ฉันว่าทั้งตัวคุณแม่น่าจะรวมเป็น 1,000 หยวนได้หรือเปล่าคะเนี่ย?”
“ไม่เอาน่า แม่ห้ามไม่ให้อวิ๋นอวิ๋นซื้อแล้ว แต่หล่อนยังจะซื้อให้ บอกว่าไปอยู่ที่นั่น ถ้าแต่งตัวโทรม ๆ จะน่าอาย” คุณแม่จี้เอ่ย
นางไม่เห็นความแตกต่างระหว่างเสื้อผ้าแพงกับถูก พวกมันสวมใส่ได้เหมือนกัน มีอะไรพิเศษกว่าตรงไหนกัน?
“ดูเหมือนตอนนี้อวิ๋นอวิ๋นจะสุขสบายดีนะคะ แม่คงวางใจได้แล้ว” อวิ๋นลี่ลี่กล่าว
คุณแม่จี้นิ่งเงียบ อันที่จริงนางจะวางใจเรื่องที่ลูกในท้องลูกสาวไม่ใช่ลูกของเหล่ากัวได้อย่างไร หากไม่รู้เรื่องนี้เลยยังจะดีกว่า แต่ในเมื่อนางรู้แล้ว จะทำอย่างไรได้ล่ะ?
ลูกสาวนางใจกล้าขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!
ก่อนเข้านอน จี้เจี้ยนเหวินบอกกับอวิ๋นลี่ลี่ “ไม่ต้องคิดมากเรื่องแม่หรอกนะครับ”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย” อวิ๋นลี่ลี่ตอบ เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเขาจึงเอ่ย “ฉันรู้ค่ะ ต่อไปฉันจะไม่พูดอีกแล้วกัน”
“ดีครับ รีบเข้านอนเถอะ ช่วงนี้คุณเหนื่อยมาก” จี้เจี้ยนเหวินบอก
เยียนเอ๋อร์ถูกพามาส่งในวันถัดมา อวิ๋นลี่ลี่ไม่ได้ออกไปตั้งแผงขายของ หล่อนหยุดพัก 2 วัน
อย่างไรก็ตาม หล่อนได้ฝากเงิน 2,000 หยวนกับซูจูเหมาไปให้ซูตานหง
2 ปีที่ผ่านมา การเปิดแผงขายของเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังได้กำไรงาม ซึ่งมันจุดประกายความคิดให้อวิ๋นลี่ลี่
หล่อนคิดว่าเมื่อใช้หนี้ครบแล้ว หล่อนจะตั้งแผงขายของต่อไป เมื่อเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ค่อยนำไปซื้อร้านเล็ก ๆ และเปิดร้านขายเสื้อผ้า
ความจริงแล้วตอนที่ยังเปิดร้านกับจี้อวิ๋นอวิ๋นก่อนหน้านี้ กิจการขายดิบขายดีมากทีเดียว แต่ถึงกระนั้นหล่อนได้สูญเสียทุกอย่างไปกับการเปิดโรงงานเสื้อผ้า
หล่อนรู้สึกว่าหากใช้หนี้ที่เหลืออยู่จนหมดแล้ว หล่อนก็อยากจะลองดู
หนี้ก้อนนี้มากถึง 13,000 หยวน จนอวิ๋นลี่ลี่รู้สึกราวฟ้าถล่ม
13,000 หยวน ช่างเป็นเงินมหาศาล!
ทว่าศักยภาพของมนุษย์นั้นช่างทรงพลัง ครอบครัวของหล่อนใช้เวลาจ่ายหนี้มานานเพียงใดกันล่ะ และก็เกือบจะใช้คืนครบแล้ว? ตอนนี้เหลือแค่ 3,000 หยวน เงิน 3,000 หยวน หากออกไปตั้งแผงขา ายของจนถึงปลายปี และไปซื้อของมาขายต่อกับเจี้ยนเหวินในช่วงสิ้นปี มันก็จะใช้หนี้หมดแล้ว!
สิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้เมื่อก่อน ตอนนี้กลับทำสำเร็จก่อนเวลาที่ตั้งไว้ถึงเกือบ 2 ปี!
อวิ๋นลี่ลี่เห็นการพัฒนาประเทศในปัจจุบันเช่นกัน มันเปลี่ยนผ่านไปรวดเร็วมาก ขอเพียงหล่อนขยันขันแข็ง จะต้องหาเงินได้ก้อนโตแน่นอน
หลังจากเยียนเอ๋อร์กลับมา อวิ๋นลี่ลี่ก็ปลื้มใจมากทีเดียว นอกจากลูกสาวหล่อนจะไม่ซูบผอมอย่างเมื่อก่อนแล้ว กลับมาครั้งนี้ยังน้ำหนักขึ้นด้วย
“หนูต้องอ้วนขึ้นอยู่แล้วค่ะ ป้าสะใภ้สามทำอาหารอร่อยให้กินทุกวันเลย หนูมีของกินตลอดเวลาเลยค่ะ” เยียนเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ส่วนเรื่องความขาว เธอเติบโตที่นั่น แม้จะไม่ได้อยู่บ้านตลอด แต่ก็ยังคงผิวขาวอยู่
“กลับมาครั้งนี้หล่อนก็ยังไม่เอาอะไรมาฝาก” คุณแม่จี้ออกอาการไม่พอใจ
อันที่จริงไม่ใช่ว่าซูตานหงไม่ได้เอาอะไรมาให้ เธอฝากไข่กับปลาเค็มมาให้ นอกจากนี้ยังมีข้าวอีก 50 ชั่ง
“แม่ครับ อย่าพยายามหากระดูกในไข่*เลยครับ พี่สะใภ้เขาก็เอาของมาฝากตั้งเยอะ” จี้เจี้ยนเหวินอดจะปรามไม่ได้
*หากระดูกในไข่ = พยายามหาข้อตำหนิติเตียนคนหรือสิ่งของ ทั้งที่ไม่มีข้อให้ตำหนิ
ไม่แปลกที่พี่สามของเขาซึ่งเป็นคนใจเย็นจะทนไม่ได้ จนส่งแม่เขามาอยู่ที่นี่ มันชวนให้ประสาทเสียจริง ๆ
“หน้าร้อนนี้แม่ก็ไม่ได้กินของที่หล่อนให้มาสักหน่อย แม่ไปอยู่กับอวิ๋นอวิ๋น ตอนนี้กลับมาแล้ว หล่อนไม่ได้คิดชดเชยให้แม่ เลยส่งคนมาส่งของให้อย่างนั้นเหรอ?” คุณแม่จี้บอก
“แล้วมันไม่ดีตรงไหนล่ะครับ?” จี้เจี้ยนเหวินเอ่ย
“มันน้อยเกินไปน่ะสิ รู้ไหมว่าแม่ใช้ชีวิตที่นั่นยังไง อวิ๋นอวิ๋นสั่งให้แม่บ้านตุ๋นรังนกให้แม่กินทุกวัน รวมถึงปลิงทะเลและหอยนางรมด้วย แม่ได้กินทั้งหมดนั่นแหละ” คุณแม่จี้บอก
สีหน้าจี้เจี้ยนเหวินบึ้งตึง อวิ๋นลี่ลี่รู้จักเขาดี รู้ตัวว่าหล่อนควรเป็นคนออกหน้าพูด จึงรีบห้ามเขาและเอ่ย “เจี้ยนเหวิน คุณเอาของเข้าไปเก็บในครัวเถอะนะคะ ไปเก็บกวาดด้ วย”
จี้เจี้ยนเหวินสูดหายใจลึก ก่อนแบกข้าวเข้าไปเก็บในครัว
“แม่คะ ฉันรู้ว่าครอบครัวเราไม่สุขสบายเหมือนอวิ๋นอวิ๋นนะคะ แต่เจี้ยนเหวินกับฉันก็ให้ทุกอย่างเท่าที่เราทำได้แล้ว คุณแม่พูดอย่างนี้ มันทำให้เจี้ยนเหวินกับฉันเสียใจมากเล ลยนะคะ” อวิ๋นลี่ลี่ตัดพ้อ
“ไม่ใช่นะ แม่หมายถึงซูตานหง ไม่ได้จะว่าเธอกับเจี้ยนเหวินเลยนะ” คุณแม่จี้รีบบอก
“แต่สิ่งที่แม่พูดมันกระทบฉันกับเจี้ยนเหวินค่ะ ฉันกับจี้เจี้ยนเหวินยังติดหนี้อยู่มาก เราถึงได้ยอมทำงานหนักกันขนาดนี้ ถ้าเป็นครอบครัวอื่นก็คงจะไม่ไหวกันแล้ว” อวิ๋นลี่ล ลี่ระบาย “ฉันรู้ว่าเงินที่เราติดหนี้อยู่มันไม่มีค่าอะไรในสายตาอวิ๋นอวิ๋น แต่สถานะครอบครัวของเราต่างกัน คุณแม่คะ ต่อไปอย่าพูดอย่างนี้อีกเลยค่ะ อย่ามาบอกว่าได้กินของแพง งมาเลยค่ะ”
“ลี่ลี่ แม่รู้ว่าเธอเองก็ลำบาก แต่แม่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แม่แค่อยากจะบอกว่าซูตานหงขี้งกเกินไป หล่อนไม่ได้เอาไก่มาให้แม่กินด้วยซ้ำ” คุณแม่จี้บอก
“พี่สะใภ้สามก็เคี่ยวให้เยียนเอ๋อร์กินนะคะ เยียนเอ๋อร์บอกว่าเมื่อเย็นหล่อนก็เคี่ยวให้กิน แถมเรียกเสี่ยวตง เสี่ยวเจิน เสี่ยวอวี้ ให้มากินด้วยกันด้วย” อวิ๋นลี่ลี่บอก
“หล่อนแสร้งทำเป็นคนดีมากกว่า” คุณแม่จี้ว่าเหยียด
อวิ๋นลี่ลี่ไม่อยากเสวนากับนางอีกต่อไป แบบนี้ไม่ต่างกับจี้อวิ๋นอวิ๋นตอนที่ยังไม่หย่ากับหลี่จื้อสักนิด หล่อนจึงไม่คิดใส่ใจและมองข้ามไป ต่อให้ซูตานหงไม่ได้ให้ของมา แต่หล่อนย ยังคงติดหนี้บุญคุณอีกฝ่าย และมันคงเป็นการไม่รู้คุณคน!
“พรุ่งนี้เปิดเรียนแล้ว วันนี้เจี้ยนเหวินต้องเตรียมการสอน เขางานยุ่งมาก แถมช่วงนี้ออกไปทำงานเหนื่อยข้างนอก แม่อย่าทำให้เขาไม่สบายใจเพิ่มเลยค่ะ ไม่ต้องพูดอะไรอีก เข้าใจไหมค คะ?” อวิ๋นลี่ลี่บอก
“แม่รู้ แม่จะไปตลาด เดี๋ยวจะซื้อซี่โครงมาทำอาหารให้แล้วกันนะ” คุณแม่จี้โพล่งขึ้น
หลังปิดเทอมฤดูร้อนนี้ จี้เจี้ยนเหวินซูบผอมลงไปมาก เป็นเพราะนางไม่ได้ทำอาหารให้ เขาจึงกินข้าวนอกบ้านเล็กน้อยเท่านั้น แล้วจะเอาที่ไหนมาอ้วนกันล่ะ?
คุณแม่จี้ไม่ได้พูดอะไรอีก นางออกไปซื้อซี่โครงและผัก
…………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนมันอคติอะนะ ทำดีแค่ไหนมันก็ไม่เห็นค่า ต้องตัดทิ้งอย่างเดียวเท่านั้น พอลูกสาวเลี้ยงให้เป็นคุณหญิงคุณนายหน่อยทำเบ่งนะยัยแม่จี้
ลี่ลี่อย่าไปยอมค่ะ ผู้แปลเชื่อมั่นในฝีปากของเธอ
ไหหม่า(海馬)