ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 439 เหตุไม่คาดคิด
ตอนที่ 439 เหตุไม่คาดคิด
เมื่อจี้เจี้ยนเหวินออกมาจากครัว เขาก็เห็นแม่ออกจากบ้านไป จึงถามขึ้น “แม่จะออกไปไหนเหรอครับ?”
“ไปซื้อของค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่บอก
จี้เจี้ยนเหวินพยักหน้ารับรู้และไม่ได้ถามไปมากกว่านี้ เขาผิดหวังกับแม่ตัวเองเช่นกัน เหตุใดนางถึงได้มีความคิดแบบนี้กันนะ?
แน่นอนว่านางคงไม่ได้ติดนิสัยมาจากจี้อวิ๋นอวิ๋น พวกหล่อนนิสัยเหมือนกันอยู่แล้ว
หากแต่มันไม่มีประโยชน์ เขาไม่สามารถห้ามแม่ไม่ให้ติดต่อจี้อวิ๋นอวิ๋นได้
“อย่ากังวลนักเลยค่ะ ฉันว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นก็คงจริงใจกับแม่ของหล่อนนั่นแหละค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่ปลอบ
“อืม ขอแค่ยังพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก!” จี้เจี้ยนเหวินว่าอย่างเย็นชา
หลังจากคุณแม่จี้กลับมา อาหารการกินที่บ้านดีขึ้นเป็นกอง มีทั้งเนื้อ ปลา ผัก ทั้งครอบครัวกินอย่างอิ่มหนำ
จี้เจี้ยนเหวินเตรียมการสอนหลังจบมื้อเย็น เขาไม่ได้อ่านหนังสือในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกไม่คุ้นเคย จึงต้องอ่านทบทวนในคืนนี้
ในขณะที่คุณแม่จี้ดึงตัวอวิ๋นลี่ลี่มาเงียบ ๆ ก่อนเอาของที่นางนำกลับมาให้ดู
อวิ๋นลี่ลี่ถึงกับอึ้ง “คุณแม่เอาของพวกนี้มาจากอวิ๋นอวิ๋นเหรอคะ?”
แม่สามีของหล่อนนำปลิงทะเลเป็นถุงกลับมาจากบ้านจี้อวิ๋นอวิ๋น รวมถึงรังนกกล่องนี้ ซึ่งมีราคาแพงหูฉี่
“ใช่ อวิ๋นอวิ๋นบอกให้แม่เอากลับมา เสี่ยวกัวซื้อมาให้หล่อนตั้งเยอะน่ะ” คุณแม่จี้บอก
ในฐานะแม่ยาย นางไม่อาจเรียกเหล่ากัวได้อย่างลูกสาว นางจึงเรียกว่าเสี่ยวกัวตามเดิม
หากเป็นเมื่อก่อน อวิ๋นลี่ลี่คงคิดอยากได้ แต่ตอนนี้หล่อนถูกงูกัดหนึ่งครั้งจนกลัวเชือกไปสิบปี*แล้ว จึงไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับจี้อวิ๋นอวิ๋นอีก แม้สิ่งเหล่านี้จะทำให้หล่อนอิจฉาต ตาร้อน แต่หล่อนก็ยังยืนยัน “ในเมื่ออวิ๋นอวิ๋นมีใจกตัญญู ให้ของพวกนี้กับคุณแม่มา อย่างนั้นคุณแม่ก็เก็บเอาไว้กินเถอะค่ะ”
*งูกัดหนึ่งครั้งกลัวเชือกไปสิบปี = โดนอะไรสักอย่างทำร้ายให้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียหายทำให้เข็ดหลาบหวาดกลัว ไม่กล้าพบเจอสิ่งเหล่านั้นอีกนาน
“แม่จะกินคนเดียวหมดได้ยังไง? ตอนที่อวิ๋นอวิ๋นให้มา แม่ก็นึกถึงเธอด้วยนะ ไม่อย่างนั้นแม่แก่ขนาดนี้แล้ว จะกินของพวกนี้ไปทำไมกัน?” คุณแม่จี้บอก
“อย่าเลยค่ะ เจี้ยนเหวินไม่ให้ฉันรับของจากอวิ๋นอวิ๋น ถ้าเขารู้เข้า เขาไม่ยกโทษให้ฉันแน่ค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่โบกมือปฏิเสธ
“แม่ถึงแอบเอามาให้เธอไง เธอเอาไปทำอาหารให้เจี้ยนเหวินสิ เขาไม่เคยกินของพวกนี้ จะรู้ได้ยังไงว่าคืออะไร? เขาไม่ถามมากหรอก มันเป็นของบำรุงชั้นดีเลยนะ เธอกับเจี้ยนเหวิน น้ำหนักลงไปเยอะ แต่ยังไงก็ต้องรักษาสุขภาพเข้าไว้นะ” คุณแม่จี้บอก
“คุณแม่คะ ฉันรู้ว่าแม่หวังดีกับเรานะคะ คงไม่สบายใจจนรู้สึกผิดกับเรา แต่ทำอย่างนี้ไม่ดีหรอกค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ย
“ไม่มีอะไรไม่ดีสักหน่อย เธอเองก็เคยสนับสนุนอวิ๋นอวิ๋น ถึงธุรกิจจะล้มเหลวหลังจากนั้น แต่มันก็เป็นแค่เรื่องในอดีต ตอนนี้ชีวิตอวิ๋นอวิ๋นสุขสบาย ต่อไปเยียนเอ๋อร์อาจต้องการความช ช่วยเหลือให้ได้ทำงานในกระทรวงก็ได้” คุณแม่จี้ท้วง
อวิ๋นลี่ลี่ชะงัก “หล่อนรู้จักใครกันคะ?”
“ไม่ได้รู้จักหรอก แต่เสี่ยวกัวรู้จักน่ะ” คุณแม่จี้พูดจาคลุมเครือ
นางรู้ว่าเด็กในท้องของอวิ๋นอวิ๋นเป็นทายาทตระกูลใหญ่ ต่อไปเมื่อเยียนเอ๋อร์โตขึ้น นางจะเปิดเผยความสัมพันธ์ และหลานสาวจะได้ทำงานในกระทรวง ในภายภาคหน้าจะได้มีอนาคตที่สดใส
อวิ๋นลี่ลี่คล้อยตามในท้ายที่สุด เนื่องจาก 2 อย่างนี้ ทั้งรังนกและปลิงทะเล พวกมันต่างเป็นของล้ำค่า
เป็นยาบำรุงชั้นดี ขึ้นชื่อว่าเป็น 2 ใน 8 สมบัติล้ำค่าที่มีอยู่ตั้งแต่โบราณกาล!
อวิ๋นลี่ลี่จึงนำมาทำอาหารให้ครอบครัวตามที่คุณแม่จี้บอก
จี้เจี้ยนเหวินไม่รู้ว่าคืออะไร เขาจึงเอ่ยถาม
อวิ๋นลี่ลี่ตอบ “เห็ดหูหนูขาวที่คุณแม่ซื้อมาน่ะค่ะ ฉันเอาไปตุ๋นมา”
จี้เจี้ยนเหวินไม่ได้ซักไซ้อะไรด้วยติดงาน เขาไม่มองรังนกด้วยซ้ำ เมื่อทานเสร็จก็กลับไปอ่านหนังสือทบทวนและเตรียมการสอนต่อ โดยไม่ได้ถามไปมากกว่านี้
อวิ๋นลี่ลี่ตักออกมา 1 ชาม หล่อนยกดื่มจนหมด เมื่อเติมน้ำตาลกรวดลงไปก็ ทำให้มันมีรสชาติหวาน เสริมรสให้อร่อยมากขึ้น
รังนกเป็นสิ่งที่หล่อนเพิ่งได้ลองชิมเป็นครั้งแรกในชีวิต เยียนเอ๋อร์ลองกินเช่นกัน เธอไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ว่ามันรสชาติดี เธอจึงยอมกิน
คุณแม่จี้ปลาบปลื้มใจ ขอแค่ครอบครัวของลูกคนที่ 4 อยู่ดีกินดี นางมีความสุขยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
โรงเรียนเปิดเทอมในวันรุ่งขึ้น คุณแม่จี้กลับมาบ้านและเริ่มทำอาหารให้ เรียกว่ามีคุณแม่จี้มาช่วยที่นี่ อาหารการกินของครอบครัวก็ดีขึ้นมาก
แม้แต่อวิ๋นลี่ลี่ยังรู้สึกว่าต่อให้พี่สามไม่ได้ส่งของมาให้เดือนละ 2 ครั้ง หล่อนยังยอมให้แม่สามีอยู่ที่นี่
เนื่องจากหล่อนไม่ต้องทำงานบ้าน ไม่ว่าจะเป็นซักผ้า ทำอาหาร ถูพื้น ไม่ต้องถึงมือหล่อนแม้แต่น้อย
หากแต่หล่อนยังต้องล้างจาน แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็ทำตามอย่างว่าง่าย ซึ่งแม่สามีของหล่อนชอบในจุดนี้มาก
ชีวิตผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น นึกไม่ถึงว่าไม่นานหลังจากเปิดเรียน ลูกชายคนโตของอวิ๋นต้าไห่ผู้เป็นพี่ใหญ่อวิ๋นลี่ลี่จะมาหา เขามาบอกอวิ๋นลี่ลี่ว่าพ่อของเขากำลังจะฆ่าแม่ของเขา
อวิ๋นลี่ลี่หน้ามุ่ย ว่ากันตามจริงแล้วหล่อนไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลยสักนิด โดยเฉพาะพี่ชายใหญ่อย่างอวิ๋นต้าไห่ หล่อนไม่ถูกชะตากับเขาแม้แต่น้อย
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจี้อวิ๋นอวิ๋น แค่เรื่องที่หล่อนเป็นหนี้หัวโต เขายังไม่ออกปากว่าจะช่วยจ่ายคืนด้วยซ้ำ!
จากครั้งล่าสุดมันก็ทำให้สองครอบครัวแทบจะตัดขาดกัน
ทว่าตอนนี้หลาน ๆ กลับมาหาด้วยความหวาดกลัว หล่อนจึงไม่มีทางเลือก อวิ๋นลี่ลี่ทำได้เพียงรีบไปหา โดยมีคุณแม่จี้ตามมาด้วย
“คุณแม่จะไปทำอะไรคะ?” อวิ๋นลี่ลี่ถาม
“แม่จะไปปกป้องเธอไง พี่ใหญ่เธอไม่ใช่คนดี ถ้าเธอถูกทำร้ายระหว่างช่วงชุลมุนจะทำยังไงล่ะ?” คุณแม่จี้เอ่ย
อันที่จริงแล้วนางจะไปดูฉากสำคัญของพวกเขาต่างหาก โดยเฉพาะผลกรรมที่อวิ๋นต้าไห่จะได้รับ เขากล้ามารังแกลูกสาวนาง ทำให้ลูกสาวนางต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงได้อย่างไร!
เพียงแต่นางแสร้งพูดเอาใจอวิ๋นลี่ลี่เท่านั้น ครั้งก่อนเจี้ยนเหวินก็ถูกพี่ชายหล่อนทำร้ายไม่ใช่หรืออย่างไร!
หล่อนจึงมาพร้อมกับคุณแม่จี้
บ้านของอวิ๋นต้าไห่ตกอยู่ในความโกลาหล มันไม่เพียงพอที่จะบรรยายได้ด้วยซ้ำ
“ออกมาหาผมเดี๋ยวนี้นะ ถ้ายังซ่อนอยู่ไม่เลิก ผมจะพังประตูไปลากคุณออกมาเดี๋ยวนี้!” อวิ๋นต้าไห่ทุบประตูเสียงดังลั่นขณะตะโกนสั่ง
อวิ๋นลี่ลี่กับคุณแม่จี้มาถึง พวกหล่อนได้ยินเสียงโวยวายของเขา
เพื่อนบ้านทนนิ่งเฉยไม่ไหว พวกเขาต่างเปิดประตูออกมาดูอย่างตื่นตกใจ
อวิ๋นลี่ลี่กับคุณแม่จี้เปิดประตูเข้าไป ขณะที่อวิ๋นต้าไห่กำลังพยายามถีบประตูห้องนอน
“อวิ๋นต้าไห่ ทำอะไรน่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ขายหน้าแน่!” อวิ๋นลี่ลี่เป็นคนหน้าบาง ตอนนี้หล่อนรู้สึกอับอายเหลือเกิน ต่อไปหล่อนคงไม่มีทางมาเหยียบแถวนี้อีก ถ้าใครเอาไปพูดว่ามีญ ญาติพี่น้องแบบนี้ มันคงน่าอายเต็มที!
“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” อวิ๋นต้าไห่ตวาดถาม
…………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นังแม่จี้นี่แผนสูงใช่ย่อย สมแล้วที่เป็นแม่นังอวิ๋น
ที่บ้านพี่ใหญ่อวิ๋นเกิดเรื่องอะไรกันนะถึงจะฆ่าแกงกัน
ไหหม่า(海馬)