ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 445 แก่แล้วแก่เลย
ตอนที่ 445 แก่แล้วแก่เลย
ตอนนี้คุณแม่ซูค่อนข้างมีเวลาว่าง ยามที่ไม่มีอะไรทำ นางมักออกไปพูดคุยกับแม่เฒ่าด้วยกันในหมู่บ้าน บ้างออกไปเล่นไพ่ตามประสา
เนื่องจากตอนนี้นางสิ้นสามีให้ต้องดูแล อีกทั้งลูกชายคนรองยังให้เงินนางเป็นค่าอยู่กินเดือนละ 30 หยวน
ลูกชายคนโตที่เคยเกกมะเหรกเกเร หลังจากถูกลูกเขยนำตัวไป ตอนนี้แม้เขาจะไม่ได้เป็นคนที่พึ่งพาได้เสียทีเดียว แต่ชีวิตของเขาถือว่ามั่นคงแล้วไม่ใช่หรือ?
ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวคนเดียวของครอบครัว ในย่านนี้ พวกเขาต่างมีชื่อเสียงเลื่องลือ
คุณแม่ซูจึงรู้สึกว่าตนได้บรรลุจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว นางลำบากมามากในช่วงชีวิตครึ่งแรก บัดนี้ความลำเค็ญนั้นได้จบลง และพบกับความสุขในท้ายที่สุด นางก็หมายจะใช้ชีวิตอย่างมี ความสุขไปอีก 10 ถึง 20 ปี
แต่ถ้าสามีของลูกสาวนางต้องออกไปข้างนอก จึงเป็นหน้าที่ของนางที่ต้องไปช่วยดูแล
หลังจากจี้เจี้ยนอวิ๋นไปรับนางมา คุณแม่ซูก็ถามขึ้น “ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องต้นสือหูเลยนะ เราจะเอามาปลูกที่นี่ได้เหรอ?”
“ก่อนหน้านี้แม่ก็ยังไม่เห็นองุ่นเหมือนกันนี่คะ ปีนี้แม่คงได้กินแล้วค่ะ” ซูตานหงบอก
คุณแม่ซูพยักหน้า “ถ้าแกปลูกได้ เราจะได้มีสมุนไพรหลากหลายมากขึ้นที่นี่อีกหน่อย ฉันจะได้ดื่มได้ด้วย”
“แม่เป็นร้อนในเหรอคะ?” ซูตานหงถาม
“ฉันไม่ได้เป็นหรอก แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าต้นสือหูมีสรรพคุณดีมาก ฉันก็เลยอยากกินบ้างไง” คุณแม่ซูเอ่ยกลั้วหัวเราะ
ตอนนี้นางหวังให้ตนมีสุขภาพดีขึ้น เช่นนั้นจึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไปได้ยาวนานไม่ใช่หรือ?
จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินทางไปมณฑลอันฮุย แม้จะอยู่ไม่ไกลมาก แต่ถือว่าไม่ใกล้เช่นกัน การไปหาต้นสือหูถึงฮั่วซานคงสามารถซื้อต้นสือหูคุณภาพดีที่สุดได้
ในแถบนั้นขึ้นชื่อเรื่องต้นสือหูเป็นอย่างมาก
ด้วยชื่อเสียงเลื่องลือในตอนนี้ ซูตานหงต้องการนำกลับมาปลูก ต่อไปครอบครัวเธอจะได้สามารถปลูกต้นสือหูไว้ใช้เองได้
มีหุบเขาเล็ก ๆ ที่สวน ซูตานหงรู้สึกว่าเป็นบริเวณที่เหมาะแก่การปลูกต้นสือหูมาก
หากแต่เพื่อความแน่นอน รอให้จี้เจี้ยนอวิ๋นนำกลับมาก่อนจะดีกว่า
ตอนนี้ถึงเวลาที่ปลาเค็มตากแห้งได้ที่แล้ว ปลาเค็มปริมาณมากถูกส่งไปที่ปักกิ่งและเมืองมหาวิทยาลัย ปลาเค็มเป็นสินค้าขายดีและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ซูตานหงเตรียมอาหารปลาเอาไว้ ก่อนเรียกซูจูเหมาให้นำไปส่งที่อ่างเก็บน้ำ
“แกยังต้องให้อาหารปลาที่นั่นอีกเหรอ?” คุณแม่ซูเอ่ย
“ฉันอยู่เฉยไม่ได้หรอกค่ะ บางครั้งก็ยังช่วยเตรียมอาหารและส่งไปให้บ้าง” ซูตานหงบอก
เพื่อรักษาคุณภาพของปลาในอ่างเก็บน้ำ เธอเรียกซูจูเหมาและสวี่เหอซานมาทุกอาทิตย์ ให้พวกเขานำอาหารปลาที่เธอเตรียมด้วยตนเองไปส่ง เธอต้มมันด้วยน้ำพุวิเศษ ซึ่งมีประโยชน์กับอา าหารปลา
ก่อนที่เธอจะไม่ได้ให้อาหารต่อช่วงหนึ่ง ปล่อยให้ฝูงปลาเติบโตเอง พวกมันจะทยอยโตจนกระทั่งสิ้นปีก่อนจะโตเต็มที่ ไม่เช่นนั้นฝูงปลาจะไม่โตกัน
“แกคิดจะขุดบ่อเพิ่มบ้างหรือเปล่า? ฉันคิดว่ากิจการรากบัวของจี้กวงซงในหมู่บ้านก็ดีมากเหมือนกันนะ” คุณแม่ซูเอ่ย “เราเองก็รู้จักกันดีทั้งนั้น”
“ไม่เอาล่ะค่ะ ให้จี้กวงซงทำไปเถอะค่ะ” ซูตานหงบอก
เธอไม่นึกสนใจนัก ไม่ใช่เพราะว่าเป็นเรื่องไม่ดี แต่ครอบครัวของเธอมีกิจการมากพอแล้ว อีกทั้งยังมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เหตุใดต้องขุดบ่อเพิ่มอีกกัน?
รวมถึงเมื่อรากบัวของจี้กวงซ่งโตเต็มที่ เขามักจะส่งมาให้อยู่เสมอ พวกเขามักได้กินรากบัวโดยไม่เสียเงินซื้อ
“มันก็จริง ฉันว่าแค่แกง่วนอยู่กับงานที่สวนก็ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว แต่ว่านะ ครั้งก่อนฉันว่าจะไปดูสวนสมุนไพรสักหน่อย แต่เจ้าหมากลับไม่ยอมให้ฉันเข้าไปเลยน่ะสิ” คุณแม่ซูบ่น
นางกำลังพูดถึงสวนสมุนไพรที่สวนแห่งแรก
ซูตานหงยิ้ม “ฉันสั่งพวกมันเอาไว้น่ะค่ะ อย่าว่าแต่แม่เลย แม้แต่พ่อสามีฉันยังเข้าไปไม่ได้เลยค่ะ”
สวนสมุนไพรของเธอมีค่ามาก ไม่ต้องเอ่ยถึงพืชสมุนไพรอื่น ๆ ที่ปลูกเอาไว้ ลำพังเพียงต้นโสม 2 ต้นก็มีค่ามหาศาลแล้ว จะปล่อยให้คนเข้าไปเพ่นพ่านพร่ำเพรื่อได้อย่างไร?
“ถ้าฉันไม่รู้ คงนึกว่ามีสมบัติอยู่ในนั้น” คุณแม่ซูว่าอย่างไม่สบอารมณ์
“หรืออาจจะมีสมบัติอยู่ก็ได้นะคะ?” ซูตานหงตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
คุณแม่ซูไม่ใส่ใจเรื่องนี้อีก กลับถามขึ้นแทน “ตอนนี้แม่สามีแกน่ะ หล่อนไปอยู่กับน้องสี่ของสามีแกใช่ไหม?”
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ท่านก็น่าจะอยู่ที่นั่นตลอด ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้ท่านกลับมาเหมือนกันค่ะ” เมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ตนเอง ซูตานหงย่อมพูดอย่างไม่ปิดบัง เธอจึงบอกไปตามตรง
เธอไม่ต้องการให้คุณแม่จี้กลับมาจริง ๆ เธอทำใจทำดีกับนางไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งยากในการคอยดูแลนาง
“อย่าพูดแบบนี้ต่อหน้าเจี้ยนอวิ๋นเชียวนะ” คุณแม่ซูเตือน
“ฉันจะซื่อขนาดนั้นได้ยังไงคะ?” ซูตานหงบอก
ลูกกตัญญูอย่างจี้เจี้ยนอวิ๋น เขาสามารถส่งแม่ตนเองไปอยู่เมืองเจียงสุ่ยเพื่อเธอได้ เธอเคารพเขาจากก้นบึ้งหัวใจ
เธอย่อมไม่พูดเรื่องที่ทำให้เขาเสียความรู้สึกเป็นธรรมดา
“ยัยแก่แล้วแก่เลยนั่นก็เกินบรรยายจริง ๆ ยังจะหาเรื่องลูกสะใภ้อย่างแกไม่เลิก! ” คุณแม่ซูสอนลูกสาวตนเองจบ นางก็ต่อว่าฝ่ายนั้นออกมา
ในตอนนี้เป็นเพราะว่านางเห็นแก่หน้าลูกเขย หากเป็นก่อนหน้านี้ นางจะยอมอยู่เฉยได้อย่างไรกัน?
เกรงว่านางจะฉีกคุณแม่จี้เป็นชิ้น ๆ ตั้งนานแล้ว
ตอนนี้ลูกเขยนางลงทุนทำเพียงนี้ นางไม่คิดถือสาอีก ไม่เช่นนั้นลูกเขยนางคงรู้สึกแย่น่าดูไม่ใช่หรือ?
นางจึงอดทนไว้ และยอมทำเพื่อครอบครัวและทุกสิ่ง!
ซูตานหงยิ้ม “แม่คะ แม่เพิ่งจะต่อว่าท่านไปเองนะคะ”
“จะไม่ให้ฉันว่าได้ยังไง ฉันไม่ได้ใส่ความนี่ ดูอย่างลูกสะใภ้ทั้งสี่ของหล่อนสิ มีใครดีกับหล่อนเท่าแกบ้าง แกให้ทั้งอาหารทั้งน้ำ หล่อนยังเอาแต่ตามจิกกัดแกทุกครั้งไป ถ้าไม่ เห็นแก่เจี้ยนอวิ๋น ไม่รู้ว่าฉันจะไปเล่นงานหล่อนกี่ครั้งแล้ว!” คุณแม่ซูว่าเสียงเข้ม
แน่นอนว่านางได้ยินเรื่องพวกนี้ที่บ้าน ในตอนนั้นคุณแม่จี้ต่อว่าลูกสาวนาง นางจะปล่อยให้ยายแก่นั่นกดขี่ลูกสาวทั้งที่ทำดีที่สุดแล้วได้อย่างไร?
ทว่าหลังจากคลายความโกรธ นางก็รู้สึกว่าลูกสาวทำดีแล้วในสิ่งที่ควรทำในฐานะลูกสะใภ้ นางจึงไม่ควรโกรธเกินไปนัก
แม้คนนอกจะเห็นว่าไม่ยุติธรรมก็ตาม
หากแต่ในฐานะเพื่อน นางเห็นว่าหล่อนไม่มีจิตสำนึกแม้แต่น้อย
“ตอนนี้คุณแม่อยู่สุขสบายดีที่บ้านน้องสี่ ฉันไม่ต้องคอยดูแลแล้วล่ะค่ะ” ซูตานหงบอก
“พูดถึงเมียน้องสี่สามีแก หล่อนก็เป็นพวกสอพลอ ต้องคอยประจบยกยอยัยแก่นั่นแน่!” คุณแม่ซูเอ่ย
นางเคยเจออวิ๋นลี่ลี่มาก่อน เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่งการสอพลอขนานแท้ หากคนเช่นหล่อนต้องการสิ่งใด คงไม่มีทางไม่ได้มา
“อย่าพูดเรื่องนี้เลยค่ะ คืนนี้เคี่ยวน้ำแกงไก่กันเถอะ แม่ขึ้นไปเอาไก่กันนะคะ” ซูตานหงว่าขึ้น
“เคี่ยวน้ำแกงไก่อะไรกัน ช่วงนี้ไม่ค่อยมีนี่นา ไม่จำเป็นหรอก ทำอย่างอื่นกินก็ได้” คุณแม่ซูโบกมือบอกปัด
“อย่างนั้นเย็นนี้แม่จะกินอะไรล่ะคะ?” ซูตานหงถาม
“กินก๋วยเตี๋ยว” คุณแม่ซูตอบ
“อย่างนั้นยิ่งต้องไปเอาไก่มาเลยค่ะ ก๋วยเตี๋ยวต้องมีน้ำแกงไก่ถึงจะอร่อย แล้วก็ยังช่วยบำรุงด้วยค่ะ” ซูตานหงบอก “ฉันจะเตรียมส่วนของเสี่ยวตงให้ด้วย วันนี้เขาทำงานที่สวนทั้ง งวันเลย บอกให้เขาลงมากินด้วยกันนะคะ”
………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนแก่มีหลายประเภท แม่ซูเป็นพวกแก่แต่มากประสบการณ์ ส่วนแม่จี้เป็นพวกแก่แล้วแก่เลยอย่างที่ว่าจริงๆ แหละค่ะ
ไหหม่า(海馬)